เป็นข่าวใหญ่ไปเมื่อไม่นานนี้เองกับการปล้นชิงมือถือที่สุดท้ายแล้วเกิดการต่อสู้กันขึ้น และเหยื่อ “น้องมะปิน” ถูกแทงยับจนเสียชีวิตในที่สุด เหตุเกิดกลางดึกบริเวณปากซอยสุคนธสวัสดิ์ 27 เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ เรานี่เอง คนร้ายขับขี่จักรยานยนต์มากัน 2 คน ถือเป็นข่าวที่สร้างความเศร้าสลดใจให้กับผู้ที่รับรู้ทั้งสิ้น เนื่องจากเหยื่อเป็นเด็กหนุ่มที่มีอายุยังน้อยแค่ 26 ปีเท่านั้น ยังมีอนาคตอีกยาวไกล แถมยังเป็นลูกชายคนเดียวของครอบครัว นิสัยใจคอดี เป็นคนขยัน
ที่สร้างกระแสความโกรธมากขึ้นไปอีก ก็เป็นคำสารภาพของคนร้ายที่เป็นคนแทงมะปิน หลังจากที่ตำรวจตามจับตัวได้ ก็ให้การรับสารภาพว่าเห็นเหยื่อเดินกดโทรศัพท์มือถืออยู่ จึงเข้าไปแกล้งทำเป็นสอบถามทาง จากนั้นก็ใช้มีดจี้เพื่อชิงทรัพย์ ไม่ได้ตั้งใจจะแทงให้ตาย ถ้าเหยื่อยืนนิ่ง ๆ ไม่ขัดขืน ก็คงไม่ต้องเสียชีวิต ส่วนที่ต้องมาปล้นจี้ก็เพราะเงินไม่พอใช้ มีอาชีพขายผลไม้แต่ไม่พอ บวกกับมีหนี้สิน เลยชวนกันมาก่อเหตุ คนร้ายยังสารภาพต่อว่าก่อนหน้านั้นได้พยายามฉกกระเป๋าสะพายของเหยื่อสาว แต่ไม่สำเร็จก็บังเอิญขี่จักรยานยนต์มาเจอมะปิน จึงลงมือฆ่าชิงไอโฟน 7 หลังจากนั้นยังก่อเหตุชิงทรัพย์อีกหลายราย ทั้งไอโฟน 5 จากหญิงสาว และกระเป๋าถือจากอีกราย ก่อนจะมาถูกจับกุม เรียกว่าประวัติการก่อคดีนี่โชกโชน เคยติดคุกตั้งแต่อายุ 13 ปี ติดมาแล้ว 8 ครั้ง เพิ่งพ้นโทษออกมาไม่นานนี้ก็กลับมาก่อเหตุอันเศร้าสลดนี้อีก
เมื่อมีข่าวนี้เกิดขึ้นก็เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันมากว่า หากเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นกับเราบ้างล่ะ เราควรจะต่อสู้เพื่อรักษาเงินหรือทรัพย์สินของเราไว้ หรือยอมปล่อยให้โจรมันเอาไปเพื่อรักษาชีวิตของเราไว้ดีกว่ากัน แน่นอนว่าไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้กับเราแน่นอน เงินทองหรือทรัพย์สินต่าง ๆ นั้นเป็นของนอกกาย ไม่ตายก็หาใหม่ได้ การเอาชีวิตไปสู้กับโจรที่เราไม่มีวันรู้ว่าจะโหดเหี้ยมได้เพียงใดมันมีแต่ไม่คุ้มค่า หากพลาดพลั้งก็เจ็บหรือหากรุนแรงก็เสียชีวิตอย่างมะปิน คนเป็นพ่อแม่จะสอนลูกกันทุกคนว่า ถ้าเจอเหตุการณ์แบบนี้ก็ปล่อยให้มันเอาไปเถอะทุกอย่าง ขอให้รักษาชีวิตของเราไว้ให้ได้เป็นพอ
แต่ก็มีบางคนที่มีความเห็นต่อกรณีนี้ว่า ทรัพย์สินอย่างไอโฟนที่มีราคาค่อนข้างแพง ราคามากเท่ากับหรืออาจมากกว่าเงินเดือนทั้งเดือนเลย ถ้ามีใครจะมาแย่งไปจากมือเรา เราก็ต้องสู้ยิบตาเพื่อให้รักษามันไว้ได้ ส่วนบางคนก็ให้ความเห็นว่า บางครั้งเหยื่อก็ไม่ได้ต้องการที่จะต่อสู้ แต่เป็นสัญชาติญาณมากกว่า ที่เมื่อมีใครมากระชากหรือแย่งอะไรไปจากมือหรือจากตัวเรา เราก็จะดึงยึดมันไว้แบบอัตโนมัติ เมื่อแย่งกันไปแย่งกันมา โจรไม่อยากให้เสียเวลาเพราะจะมีโอกาสถูกจับได้ ก็ต้องทำร้ายหรือฆ่าเราเสียจะได้รีบหนีไป หรือบางความเห็นก็บอกว่าถ้ามีอาวุธที่เหนือกว่าก็ให้หยิบขึ้นมาต่อสู้ โจรเห็นหรือสู้ไม่ได้ก็คงหนีไป ที่เป็นข่าวล่าสุดมีการเลียบแบบซ้อนมอเตอร์ไซด์เพื่อชิงไอโฟนที่หลังมหาวิทยาลัยหอการค้า คนร้ายมีอาวุธ แต่เหยื่อฮึดสู้ใช้เท้าถีบหนีเอาตัวรอดได้
สำหรับความเห็นของผู้เขียนเองนั้น สิ่งที่จะคอยเตือนตัวเองอยู่เสมอก็คือ ให้ใช้ชีวิตแบบระมัดระวัง ไม่ใส่ของมีค่าล่อตาล่อใจ ตกดึกกลางคืนจะไม่เดินออกไปไหนเด็ดขาด ไม่เล่นมือถือเมื่อเดินอยู่ตามถนน ใช้กระเป๋าสะพายแบบคล้องไขว้เท่านั้น ฯลฯ แต่หากมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นจริง ๆ แล้วล่ะก็ คงจะยอมให้โจรเอาทุกอย่างที่มันต้องการไปค่ะ เพราะถือว่าชีวิตของเรามีค่ามากกว่าเงินทองและทรัพย์สินเหล่านั้นมากนัก
ลองคิดดูว่าถ้าเราเจ็บหรือต้องเสียชีวิตไป ใครบ้างที่จะต้องสูญเสีย พ่อแม่ สามี ภรรยา ลูก ๆ พี่น้อง ของเราจะเสียใจมากขนาดไหน ลูกถ้ายังเล็กใครจะเลี้ยง การขาดพ่อหรือขาดแม่ไป ภาระหนักจะตกอยู่กับคนที่เหลืออยู่ เราจะไม่ได้เห็นลูกตอนโต ใครจะเลี้ยงดูพ่อแม่เรา พ่อแม่ที่เลี้ยงดูเรามาตั้งหลายสิบปีจะเสียใจแค่ไหน กับแค่อุบัติเหตุหรือโรคภัยไข้เจ็บที่เกิดขึ้นโดยที่เราไม่รู้ตัวหรือระวังอะไรได้ เรายังกลัวมาก แล้วนี่เป็นเหตุการณ์เฉพาะหน้าที่หากจะคร่าชีวิตเราได้ เราก็คงต้องยอมทุกอย่าง แม้ว่าจะต้องถึงขั้นยกมือไหว้เพื่อขอชีวิตไว้ก็ตาม ส่วนโจรที่ทำกรรมไว้กับคนอื่น เราก็คิดเพียงว่าสักวันกรรมก็คงตามสนอง ใครทำดีก็ได้ดี ใครทำไม่ดีก็ได้แบบนั้น คิดได้แบบนี้ก็จะทั้งปลอดภัยและสบายใจขึ้นค่ะ
ที่จริงนอกจากการคิดว่าเมื่อโดนจี้แล้ว เราควรยอมหรือยื้อดีนั้น มีเรื่องที่เราควรให้ความสำคัญมากกว่านั้น ก็คือความระมัดระวังในการใช้ชีวิตที่จะช่วยให้เราปลอดภัย ไม่ต้องเผชิญกับโจรผู้ร้าย คำแนะนำสำหรับผู้ที่ไม่อยากจะเผชิญเหตุการณ์ที่เราจะต้องมานึกว่าจะสู้หรือยอม ๆ ไปดีนั้น มีดังนี้ค่ะ
- ไม่ควรออกจากบ้านตอนกลางคืน ถ้าจำเป็นควรไปเป็นกลุ่ม
- ไม่ควรใส่ของมีค่าล่อตาโจร ไม่ว่าจะเป็น สร้อยทอง แหวน ต่างหู หรือเพชร
- ใช้กระเป๋าสะพายแบบไขว้ เพื่อให้ฉกชิงยาก
- ไม่เดินกดโทรศัพท์บนท้องถนน โดยเฉพาะในเวลากลางคืน เพราะมือถือเดี๋ยวนี้มีค่ามีราคามาก
- อย่าพกเงินติดตัวมาก
- ไม่กด ATM ตอนกลางคืน หรือสถานที่เปลี่ยว ๆ
แม้แต่ตามทฤษฎีของสถาบันที่สอนวิชาป้องกันตัวก็บอกไว้ว่า หากถูกจี้ปล้นในระยะประชิด เราควรแสดงท่าทีว่ายอมก่อน เพื่อลดโอกาสในการถูกทำร้าย ทั้งยังเป็นการลดความตื่นเต้นของคนร้ายลงได้ด้วย ต่อให้มีวิชาป้องกันตัวอยู่บ้าง แต่หากว่าไม่มั่นใจที่จะเอาชนะ ก็ควรยอมให้เขาเอาทรัพย์สินไป การต่อสู้ป้องกันควรนำมาใช้เมื่อถึงคราวที่สุด ๆ แล้วเท่านั้น เช่น คนร้ายถ้าได้ทรัพย์สินไปแล้ว แต่ยังจะทำร้ายเรา อันนั้นเราก็ต้องเสี่ยงที่จะสู้
ในเมื่อทุกวันนี้มีโจรผู้ร้ายมากขึ้น สิ่งสำคัญก็อยู่ที่ว่าเราควรปฏิบัติตัวอย่างไรให้ห่างไกลจากความเสี่ยงมากที่สุด และควรปฏิบัติอย่างไรเพื่อให้ปลอดภัยเมื่อต้องเจอกับเหตุการณ์เหล่านี้ อย่าลืมนะคะ ว่าไม่มีอะไรที่จะมีค่ามากไปกว่าชีวิตของเราอีกแล้วล่ะค่ะ