ในยุคนี้ คงไม่มีใครที่ใช้ชีวิตโดยปราศจากหนี้สิน อาจเพราะอุปนิสัยการใช้เงินแบบผิดๆของเหล่าบรรดามนุษย์เงินเดือน ติดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายต่อเดือนติดลบ จนในที่สุดก็ชักหน้าไม่ถึงหลัง
ทั้งหมดนี้เกิดจากค่านิยมแบบผิดๆของกลุ่มคนทำงานวัยหนุ่มสาว ที่เน้นชีวิตอิสระ ไม่โฟกัสที่การทำงานหรือเก็บเงินเพื่อสร้างอนาคต แต่กลับใช้จ่ายเพื่อสร้างความสุขไปวันๆ โดยไม่นึกถึงอนาคตในวันข้างหน้า กลุ่มนักเศรษฐศาสตร์และนักสังคมสงเคราะห์ ได้ให้ความเห็นว่า ในอนาคตจะมีกลุ่มประชากรผู้สูงอายุที่ขาดรายได้มากกว่าปัจจุบันถึง 60-80%เลยทีเดียว
ในขณะเดียวกัน เหล่าบรรดามนุษย์ปลอดหนี้ทั้งหลายกลับมีพฤติกรรมที่แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง ซึ่งถือเป็นอุปนิสัยทางการเงินที่ดี และสามารถนำมาปรับใช้ในสังคมยุคปัจจุบันได้ ซึ่งเราได้ทำการรวบรวมมาให้ศึกษาเพื่อเป็นแนวทางถึง 10 หัวข้อ ดังนี้
1.ไม่มองข้ามรายละเอียดเล็กๆน้อยในเรื่องของการใช้จ่าย
พวกเขาจะไม่ปล่อยให้รายละเอียดเล็กๆน้อยๆ เล็ดลอดออกไปได้โดยเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นรายการสินค้าในใบเสร็จที่เพิ่มมาอย่างผิดปกติ หรือค่าใช้จ่ายอื่นๆตามรายการต่างๆ พวกเขาจะคอยตรวจสอบและติดตามการใช้จ่ายของตัวเองทุกฝีก้าว มีการทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายที่ค่อนข้างรัดกุม และตรวจสอบที่มาที่ไปของเงินอยู่เสมอ ซึ่งพฤติกรรมทั้งหมดที่กล่าวมานี้ มนุษย์หนี้มักจะไม่ใส่ใจทำกัน ขอเพียงคุณใส่ใจ และมีความตั้งใจที่จะสร้างวินัยทางการเงินของตัวคุณเองตั้งแต่วันนี้ ด้วยการทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย และหัดเป็นคนช่างสังเกต ตรวจดูรายละเอียดในใบเสร็จอย่างถี่ถ้วน รวมไปถึงเรื่องของวินัยในการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตของตัวคุณเองด้วย เริ่มจากการตรวจสอบใบแจ้งหนี้อย่างละเอียดถี่ถ้วน และลดค่าใช้จ่ายต่างๆที่ไม่จำเป็นลง เพียงเท่านี้ คุณก็จะกลายเป็นคนปลอดหนี้ได้ในเวลาไม่นานนัก
2. พวกเขามีความละเอียด รอบคอบ
ส่วนใหญ่แล้ว กลุ่มคนที่ปลอดหนี้จะมีการทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายที่รัดกุม ไม่ปล่อยให้เงินเล็ดลอดออกไปได้โดยง่าย ซึ่งบางคนอาจจ้างนักบัญชี เพื่อให้มีมืออาชีพมาคอยช่วยตรวจสอบ และในขณะเดียวกัน พวกเขาเองก็จะไม่ปล่อยให้เอกสารเหล่านั้นผ่านสายตาไปได้โดยง่าย ถ้าไม่ได้รับการตรวจสอบโดยละเอียดจากพวกเขาเสียก่อน อย่างน้อยๆ จะได้ทราบที่มาที่ไปของเงิน และควบคุมรายการใช้จ่ายอีกขั้นหนึ่ง เพื่อความปลอดภัย และเพื่ออนาคตทางการเงินที่สดใสของพวกเขาเอง
3. พวกเขาไม่ฟุ้งเฟ้อ และใช้เงินอย่างรู้คุณค่า
ต่อให้คุณกำลังตกอยู่ในสภาวะหนี้สิน คุณก็สามารถควบคุมค่าใช้จ่าย หรือปรับสถานการณ์ให้ดีขึ้นได้ เพียงเปลี่ยนทัศนคติด้านการเงิน เช่น คิดว่าตัวเองมีรายได้น้อยลง โดยตั้งเป็นเปอร์เซ็นต์ไว้ หลังจากนั้นลองปฏิบัติตามแผนที่วางไว้ และลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นลงเรื่อยๆ นำเงินส่วนต่างที่ไม่ได้ใช้ไปเก็บเป็นเงินฝากเพื่ออนาคต หรือนำไปลงทุน อุปนิสัยหนึ่งของคนปลอดหนี้นั้นก็คือ การใช้จ่ายให้น้อยกว่ารายได้ เพื่อเก็บออม และนำเงินไปลงทุนเพื่อวัยเกษียณ อาจซื้อสินทรัพย์ต่างๆ เช่น บ้าน ที่ดิน เป็นต้น ทั้งหมดนี้ถือเป็นรากฐานสำคัญที่จะนำท่านไปสู่อนาคตทางการเงินที่สดใสได้ในที่สุด
4.พวกเขามักจะคิดในมุมกว้าง
คนที่ไร้หนี้สิน จะไม่คิดอะไรสั้นๆ และไม่ใช้เงินเพื่อความสุขส่วนตัวโดยไม่ไตร่ตรองก่อน พวกเขาจะโฟกัสไปที่เหตุผลและความจำเป็นในการใช้เงิน ทุกบาททุกสตางค์ที่พวกเขาจ่ายไป ต้องคุ้มค่าเสมอ สรุปคือ เมื่อเราจะใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ควรคิดไตร่ตรองให้รอบคอบก่อน อย่าลืมว่าอนาคตของคุณสำคัญที่สุด คุณต้องเก็บเงินเพื่อสร้างอิสระทางการเงินในวัยเกษียณ เพื่อที่บั้นปลายชีวิตของคุณ จะได้เต็มไปด้วยความสุข และไร้ซึ่งความกังวล
5. พวกเขามีความกล้าที่จะถาม
พวกเขาจะถามทุกคำถามที่ช่วยให้เกิดประโยชน์กับตัวพวกเขาเอง เช่น ถามเกี่ยวกับวิธีการ ที่จะทำให้อัตราดอกเบี้ยลดลง หรือหลีกเลี่ยงการจ่ายค่าปรับต่างๆ หรือสอบถามวิธีจัดการการเงินที่เป็นประโยชน์ และนำมาปรับใช้ให้เหมาะกับตนเองได้หรืออาจจะเป็นการสอบถามเรื่องธุรกิจและวิธีการต่างๆ ที่จะนำผลดีมาให้ในอนาคต ทั้งหมดนี้ถือเป็นหนึ่งอุปนิสัยทางการเงินที่ดีของคนปลอดหนี้ ที่ควรทำตามเป็นอย่างยิ่ง
6.พวกเขารู้จักเก็บออม
ทุกบาททุกสตางค์ล้วนมีคุณค่าสำหรับคนที่มีนิสัยปลอดหนี้ หากยอดเงินใดที่ได้มาเกินรายได้ พวกเขาก็พร้อมเสมอที่จะนำมันมาเก็บออมไว้เพื่ออนาคต และวางแผนการออมอย่างรอบคอบ ทันทีที่ได้รับเงินโบนัสหรืออื่นๆที่ไม่เกี่ยวข้องกับเงินเดือน พวกเขาจะบริหารมันอย่างดี และคิดให้นานก่อนใช้เงินทุกครั้ง และเน้นการเก็บออมประจำตามแบบการชำระหนี้ คือออมเงินในจำนวนเท่าๆกันทุกเดือน และทำอย่างสม่ำเสมอจนติดเป็นนิสัย เพื่ออิสระทางการเงิน และอนาคตในวัยเกษียณที่เต็มไปด้วยความสุข
7. พวกเขามีเป้าหมายที่ชัดเจน
คนปลอดหนี้จะมีนิสัยเหมือนกันอยู่อย่างหนึ่ง นั่นคือ พวกเขามีเป้าหมายที่ชัดเจน และรู้อยู่เสมอว่าต้องการอะไร เช่น พวกเขาจะไม่อยากใช้เงินเลย ถ้าตั้งใจว่าจะเก็บเงินไปเที่ยวต่างประเทศอย่างน้อยปีละสองครั้ง หรือเป้าหมายอาจจะเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่ เช่นเก็บเงินเพื่อวัยเกษียณ โดยคำนวณล่วงหน้าเอาไว้ว่าในแต่ละเดือนต้องเก็บเงินเท่าไหร่ ก็จะตั้งเป้าหมายเพื่อเก็บให้ได้ตามนั้น บางคนอาจมีเป้าหมายอื่นๆอีก เช่น เก็บเงินเพื่อซื้อบ้าน ซื้อรถ หรือที่ดิน เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ถ้าพวกเขาทำได้ พวกคุณก็ทำได้เช่นกัน ก่อนอื่นลองจินตนาการถึงเป้าหมายในอนาคตที่ตั้งไว้ ว่าเราจะมีความสุขสักแค่ไหนหากได้ใช้เงินออมทำสิ่งเหล่านั้น เพื่อเป็นแรงจูงใจ ให้ทกอย่างไปถึงฝั่งฝันได้เร็วยิ่งขึ้นนั่นเอง
8. พวกเขารู้จักปฏิเสธในเรื่องที่ไม่จำเป็น
คนกลุ่มนี้มักจะปฏิเสธงานฉลอง หรือการกินเลี้ยงใดๆที่บ่อยจนเกินไป หรือขาดเหตุผลที่สมควรแก่การฉลอง เช่น การไปทานอาหารนอกบ้านราคาแพงทุกวัน รวมถึงปฏิเสธปาร์ตี้ดื่ม-กิน ในโอกาสที่ไม่เหมาะสม เช่น ฉลองอกหัก ฉลองภรรยาไปต่างจังหวัด หรือฉลองเงินเดือนออก เหล่านี้ล้วนเป็นการใช้จ่ายเงินในทางที่ไม่เหมาะสมทั้งสิ้น ในการปฏิเสธนั้น ก็ควรหาทางออกให้นุ่มนวลเพื่อรักษามิตรภาพ เช่น ชวนเพื่อนซื้อของมาปิ้ง-ย่างทานกันเองที่บ้านแทน เพราะได้ความสุขไม่ต่างกัน แถมยังประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากกว่าทานตามร้านอีกด้วย
9. พวกเขาจะเห็นเงินมีค่ามาก
พวกเขาจะเห็นคุณค่าของเงินทุกบาททุกสตางค์ และจะไม่ใช้มันอย่างฟุ่มเฟือย ซื้ออะไรง่ายๆตามใจตัวเอง จนทำให้ประสบปัญหาทางการเงิน กลายเป็นคนที่มีหนี้สินได้ในอนาคต ดังนั้น หากคุณอยากมีชีวิตที่ปลอดหนี้ ก็ควรจะควบคุมตัวเองอย่างเข้มงวด คอยระงับใจไม่ให้หลงฟุ้งเฟ้อไปตามกระแสสังคม กินอยู่อย่างพอเพียง และคำนึงถึงอนาคตให้มากเข้าไว้ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจไม่ดีแบบนี้ ควรหันมาเก็บออมให้เป็นนิสัย แล้วคุณจะพบกับความเปลี่ยนแปลงที่ยอดเยี่ยมจนคาดไม่ถึงเลยทีเดียว
10.พวกเขาบริหารเวลาได้ยอดเยี่ยม
คนปลอดหนี้จะมีวิธีการใหม่ๆเข้ามาอยู่เสมอ พวกเขาจะหาทางเพิ่มมูลค่าของเงินเก็บ และปล่อยให้เงินเหล่านั้นทำงานแทน เพื่อที่พวกเขาจะได้มีเวลาอยู่กับครอบครัว หรือท่องเที่ยวพักผ่อนได้มากขึ้น ไม่ต้องทนทำงานที่เต็มไปด้วยกำหนดเวลาบังคับ ต้องทำโอที หามรุ่งหามค่ำจนไม่มีเวลาพักผ่อน หรือหางานพิเศษเพิ่มจนชีวิตขาดความสุข และปราศจากคุณภาพชีวิตที่ดี ทั้งหมดนี้ สรุปได้สั้นๆว่า พวกเขาบริหารเวลาเป็น และหาวิธีเพิ่มรายได้ที่ใช้เวลาน้อยกว่าการทำงานประจำ เพื่อเติมความสุขให้ชีวิต และรักษาสุขภาพให้แข็งแรง และอยู่ใช้เงินต่อไปได้อีกนาน