การทำประกันภัยรถยนต์ถือเป็นการซื้อความคุ้มครองให้กับความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับรถยนต์ไม่ว่าจะเป็นของเราหรือของคู่กรณีก็ตาม เมื่อเราจ่ายค่าเบี้ยประกันเพื่อซื้อความคุ้มครองให้กับรถของเราแล้ว ถึงเวลาเมื่อมีความเสียหายเกิดขึ้น บริษัทประกันก็จะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมรถยนต์ให้ตามวงเงินที่เราทำประกันภัยไว้ เราเรียกขั้นตอนในการเรียกร้องค่าชดเชยในการซ่อมแซมรถยนต์นี้ว่า การเคลมประกัน
การเคลมประกันภัยรถยนต์มี 2 แบบ ก็คือ การเคลมสดและการเคลมแห้ง ชื่อแปลก ๆ สดแห้งคืออะไร เป็นศัพท์ทางประกันภัยเขา เรามาดูกันค่ะ
การเคลมสดคืออะไร
การเคลมสด ชื่อก็บอกแล้วว่าสด จึงหมายถึงเมื่ออุบัติเหตุหรือความเสียหายเกิดขึ้นสด ๆ ร้อน ๆ แล้วเราทำการเคลมประกันเลยทันทีเป็นการเคลมขณะที่รถชนกัน ณ ที่เกิดเหตุเป็นการเคลมแบบมีคู่กรณีที่ ผู้เสียหายทั้งสองฝ่ายต่างก็โทรแจ้งบริษัทประกันและรอพนักงานเคลมจากบริษัทประกันเพื่อมาดูและประเมินสถานการณ์ การเคลมแบบสดนี้เป็นการเคลมสำหรับอุบัติเหตุที่มีความเสียหายมากมีผู้บาดเจ็บหรือมีคนเสียชีวิต
หากเป็นกรณีเฉี่ยวชนกันไม่รุนแรงและไม่มีผู้บาดเจ็บ รวมถึงตกลงกันได้ว่าใครเป็นคนถูกหรือผิด ขั้นตอนของการเคลมประกันก็จะง่ายและใช้เวลาไม่มาก พอพนักงานเคลมของทั้งสองฝ่ายเดินทางมาถึง เจรจาทำความเข้าใจกันเรียบร้อยก็จะออกใบเคลมให้กับเรา เพื่อให้เรานำรถยนต์ไปซ่อมที่ศูนย์หรืออู่ต่อไป แต่หากเป็นอุบัติเหตุรุนแรงมีคนบาดเจ็บหรือเสียชีวิต เรื่องก็อาจจะใหญ่ต้องเดินทางไปสถานีตำรวจด้วย พนักงานที่เราโทรแจ้งประกันจะเป็นคนแนะนำว่าควรทำอย่างไรบ้าง เราก็ทำตามคำแนะนำนั้น อย่างไรไม่ว่าอุบัติเหตุจะใหญ่หรือเล็ก หากเราโทรแจ้งประกันทันที พนักงานเคลมเดินทางมาถึงที่เกิดเหตุก็จะต้องออกใบเคลมให้กับเรา ถือเป็นการเคลมสดที่เราสามารถนำใบเคลมนั้นนำรถยนต์ไปซ่อมที่ศูนย์หรืออู่ต่อไปได้
ข้อแนะนำของการเคลมสด ก็คือ เมื่อเกิดเหตุให้รีบโทรแจ้งบริษัทประกันให้ส่งพนักงานเคลมมายังที่เกิดเหตุทันที รอจนพนักงานเคลมทั้งสองฝ่ายมาถึงทำความตกลงกันว่าใครเป็นคนถูกผิดเรียบร้อย ก็จะได้รับใบเคลมจากพนักงาน เราก็สามารถใช้ใบเคลมนั้นนำรถยนต์ของเราไปซ่อมแซมได้ ภายในกำหนดระยะเวลา 1 ปี หากเกินกว่านั้นใบเคลมจะหมดอายุและไม่สามารถใช้เคลมได้
การเคลมแห้งคืออะไร
การเคลมแห้ง ก็ตรงกันข้ามกับการเคลมสด คือ เป็นการเคลมความเสียหายที่เกิดกับรถยนต์ของเราเมื่อเวลาผ่านไปแล้ว ไม่ได้เคลมสด ๆ เมื่อเกิดเหตุทันที ส่วนใหญ่มักเป็นการเคลมแบบไม่มีคู่กรณี เช่น เฉี่ยวชนกำแพง ฟุตบาท ต้นไม้หรือเสาไฟฟ้าหรือเป็นการขูดขีดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เกิดขึ้นกับรถยนต์ของเรา การเคลมแบบแห้งนี้มักเป็นความเสียหายเล็ก ๆ น้อย ๆ และไม่มีคู่กรณี กรณีนี้ผู้เอาประกันสามารถนำรถยนต์ไปติดต่อซ่อมที่ศูนย์หรืออู่ในเครือของบริษัทประกันได้เลย โดยทางศูนย์หรืออู่จะทำการประเมินและเสนอค่าใช้จ่ายในการซ่อมกับทางบริษัทประกันต่อไป
ในกรณีของการเคลมแห้งนี้ บริษัทประกันอาจมีการเรียกเก็บค่าเสียหายส่วนแรกด้วย ค่าเสียหายส่วนแรกก็แล้วแต่ที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ ขั้นต่ำ ก็คือ 1,000 บาท หรือบางบริษัทประกันก็กำหนดไว้มากกว่านี้ ด้วยความที่การเคลมแห้งอาจจะต้องมีการจ่ายค่าเสียหายส่วนแรกนี้ ดังนั้น ผู้เอาประกันเมื่อมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นแบบมีคู่กรณี ไม่ควรปล่อยให้เรื่องผ่านไปโดยที่ไม่แจ้งบริษัทประกันทันที แม้แต่คู่กรณีเป็นคนผิดและขับหนีไปก็ควรจะต้องโทรแจ้งประกันไปที่เกิดเหตุทันทีเช่นเดียวกัน หากสามารถจำทะเบียนรถยนต์ของคู่กรณีไว้ได้ด้วยก็จะเป็นการดีที่สุด เพื่อสามารถให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่บริษัทประกันได้ ส่วนการชนแบบไม่มีคู่กรณีโดยมากก็อาจจะต้องทำใจว่าต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนแรกอย่างน้อย 1,000 บาท ทั้งนี้ก็แล้วแต่บริษัทประกันด้วยว่าจะพิจารณาอย่างไร สำหรับค่าเสียหายส่วนแรกนี้หากมีการจ่ายออกไป ควรต้องขอใบเสร็จหรือใบรับเงินจากพนักงานด้วย เพื่อไม่ให้เกิดการฉ้อฉลของพนักงานเคลมเรียกเก็บค่าเสียหายส่วนแรกนี้เข้ากระเป๋าตัวเองไป
ดังนั้น ข้อแนะนำของการเคลมแห้งหรือการเคลมแบบไม่มีคู่กรณี ก็คือ ให้แจ้งบริษัทประกันก่อนนำรถเข้าซ่อม ให้แจ้งวัน เวลา ที่เกิดเหตุ โดยเหตุที่เกิดไม่ควรเกิดขึ้นนานจนเกินไป เพราะบริษัทประกันอาจไม่รับแจ้งก็ได้ แจ้งเหตุผลในการชนว่าชนกับสิ่งใด โดยต้องเป็นเหตุเป็นผลกันด้วย หากไม่สมจริงบริษัทประกันอาจไม่เชื่อและไม่รับแจ้งได้อีกเช่นกัน หลังจากได้รับเลขที่เคลมแล้ว ก็สามารถนำรถยนต์เข้าซ่อมได้ โดยมีกำหนดระยะเวลา 1 ปี ก่อนใบเคลมจะหมดอายุ เราสามารถนำใบเคลมนี้ไปเพื่อนัดวันนำรถเข้าซ่อมกับทางศูนย์หรืออู่ได้เลย