หลาย ๆ คน คงกำลังประสบปัญหาเพื่อนยืมเงินไปแล้วไม่คืนใช่ไหม?
ก็น่าเห็นใจนะ สำหรับชีวิตของมนุษย์เงินเดือนคนหนึ่งที่ไม่ค่อยมีเงิน จนต้องเที่ยวยืมเงินคนอื่นมาหมุนก่อน แต่คนที่น่าเห็นใจกว่า กลับเป็นผู้ที่ให้ยืมเงินต่างหากละ หลายคนตอนนี้กำลังบ่นกันขรมเลยว่า ดูสิ ตอนมายืม พินอบพิเทาเราอย่างดี แต่พอจะทวงคืน แทบจะต้องไปกราบเท้ามันเลยทีเดียวกว่าจะได้เงินคืน แถมบางทียังโดนลูกหนี้โกรธอีก เอ้า! ตกลงกรูเป็นเจ้าของเงิน กรูจะทวงเงินของกรูคืนนี่ผิดเหรอ
เพราะฉะนั้น ในบทความนี้ เราจะมาแนะนำทริกเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่จะทำให้สามารถทวงเงินที่เพื่อนยืมไปได้อย่างละมุนละม่อม ไม่ต้องกลัวว่าจะได้เงินคืน โดยที่ต้องแลกกับความสัมพันธ์อันดีระหว่างเพื่อน อย่างแน่นอน
ก่อนอื่น ต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่า การทวงเงินที่เพื่อนยืมไป เป็นเรื่องที่สามารถทำได้ และควรทำเป็นอย่างยิ่ง แต่สำหรับบางคนที่ต้องเสียเพื่อนไปเพราะการยืมเงินนั้น น่าจะมาจากวิธีการทวงที่ไม่ถูกต้องมากกว่า บทจะพินอบพิเทาก็เกินไป ไม่มีพลังและพอบทจะโป๊ะแตก ก็แรงเกินไป จนบางทีทำให้เพื่อนโกรธ เพราะไม่รู้ว่าอยู่ดี ๆ เราไปด่าเขาทำไม นั่นก็เพราะว่า เราไม่ทำให้เขารู้ตัวตั้งแต่แรกว่า ควรจะคืนเงินได้แล้วนะ นั่นเอง
วิธีที่ดีที่สุดที่เราจะสามารถทำได้ เวลาที่จะทวงเงินเพื่อน ก็คือ พูดไปตรง ๆ เลย
สร้างอินเนอร์ แอตติจูดแรง ๆ แต่แสดงออกอย่างนุ่มนวล และต้องเลือกใช้คำพูดที่เป็นกลาง ๆ พอเหมาะ พอดี ไม่ควรเป็นคำพูดเชิงบังคับให้ทำ เพราะในจิตใจของมนุษย์โดยปกติ จะไม่ชอบให้ใครมาแสดงอำนาจเหนือกว่าอย่างเปิดเผยอยู่แล้ว ตัวอย่างของคำพูดที่ผู้เขียนเห็นว่า อาจสร้างแอตติจูดด้านลบให้กับคู่สนทนาที่เป็นลูกหนี้ได้ เช่น เห้ย คืนเงินมาได้แล้ว เร็ว ๆ หรือไม่ก็ เมื่อไรจะคืนเงิน นี่ข้ารอมาตั้งนานแล้วนะ คำพูดเหล่านี้จะเป็นคำพูดในเชิงลบ ที่แสดงออกอย่างชัดเจนว่า ฉันคือเจ้าหนี้นะ และแกคือลูกหนี้ เพราะฉะนั้นแกต้องคืนเงินฉัน ถ้าเป็นคนที่ไม่ค่อยคิดอะไรก็คงไม่มีปัญหา แต่ถ้าลูกหนี้เป็นคนคิดมาก อาจเกิดความไม่พอใจขึ้นมา และคิดจะกวนประสาทโดยการไม่คืนก็ได้ อาจฟังดูเวอร์ แต่อยากบอกว่ามีคนแบบนี้อยู่ในสังคมจริง ๆ หรือถ้าลูกหนี้ยังอยู่ในสภาพที่ช่วงนี้ถังแตก ไม่มีเงินมาคืน บางทีคำพูดเหล่านี้อาจไปสะกิดปม หรือไปกดดัน จนทำให้เขาไม่พอใจ และเกิดการทะเลาะกันได้
เพราะฉะนั้น การใช้คำพูดเพื่อการทวงหนี้กับคนสนิทอย่างเพื่อน ควรจะเป็นคำพูดที่ทำให้เราดูดรอป แต่ก็ต้องทรงพลังพอ ที่จะสะกิดความรู้สึกของเพื่อนว่า เฮ้ย ควรจะคืนเงินได้แล้วนะ ยกตัวอย่างเช่น เห้ย แก ตอนนี้ข้าถังแตกมากเลย เงินที่ติดไว้ ยังไงช่วยหามาคืนหน่อยนะ หรือไม่ก็ ช่วงนี้เงินที่ติดไว้ เอ็งหามาให้ข้าหน่อยสิ พอดีว่าต้องใช้ละ และเวลาพูด อย่าใส่อารมณ์อย่างอื่น ให้มีเฉพาะอารมณ์ที่อยากได้เงินคืนจริง ๆ การใช้คำพูดแบบนี้ จะสามารถทำให้เพื่อนรับรู้ได้ ด้วยจิตใจที่เป็นกลาง ไม่เป็นแง่บวกเกินไปและไม่เป็นแง่ลบเกินไป แล้วเพื่อนก็จะยินดีคืนเงินให้กับเราด้วยความเต็มใจ หรือถ้ายังไม่มี เพื่อนก็จะบอกตรง ๆ ว่ายังไม่มี แล้วก็อาจจะขอผัดไปก่อน อะไรก็ว่าไป
ที่กล่าวมานี้ คือ ข้อปฏิบัติในสเต็ปแรก เวลาทวงเงินเพื่อน ทีนี้โดยส่วนใหญ่แล้วเนี่ย การทวงเงินเพื่อนจะไม่ได้หยุดที่สเต็ปแรกนี้หรอก นอกจากจะเป็นเพื่อนที่สนิท และดีต่อกันจริง ๆ ไม่อย่างนั้นคงจะไม่มีคำเปรียบเปรยที่ว่า “ตอนยืมทำยังกับเราเป็นเทวดา แต่ตอนทวง ทำยังกับเราเป็นหมา” หรอก เพราะฉะนั้นในสเต็ปที่สอง เราก็จะต้องมีมาตรการที่เข้มข้นขึ้น อย่างเช่น อาจจะให้เพื่อนใช้เงินคืนในรูปแบบอื่น เช่น เลี้ยงอาหาร เลี้ยงขนม ตามจำนวนเงินที่ได้ยืมไป หรือไม่ ถ้าเราอยากได้ของอะไร ที่มีมูลค่าเท่ากับเงินที่เพื่อนยืมไป เราก็อาจจะให้เพื่อนซื้อของนั้นให้เราแทน หรืออีกวิธีหนึ่ง คือ ขอให้เพื่อนคืนเงินให้ แต่ใช้วิธีผ่อนชำระเอา วิธีการนี้ถือว่าเป็นการประนีประนอมขั้นสุดท้ายแล้วก็ว่าได้ ถ้าเพื่อนคนนั้นเป็นเพื่อนที่ดีจริง เขาก็จะยอมรับเงื่อนไขนี้ได้ แม้ว่าจะไม่มีเงินก้อนที่สามารถใช้คืนได้ก็ตาม
แต่ถ้าเกิดว่า ประนีประนอมทุกทางแล้ว เพื่อนคนนั้นยังคงเล่นตัว ไม่ยอมคืนเงินมาเลยแม้แต่แดงเดียว ทีนี้ก็จะต้องเข้าสู่สเต็ปที่สามแล้วละ ในขั้นนี้จะไม่มีการประนีประนอมใด ๆ อีกต่อไป เราจะสวมวิญญาณของบี น้ำทิพย์ หรือไม่ก็น้ำผึ้ง ณัฐริกา ซึ่งยังมีความนิ่มนวลเหลืออยู่บ้าง เราจะทวงอย่างสุภาพด้วยคำพูดอย่างในสเต็ปที่หนึ่ง แต่เราจะ จิก จิก จิก แล้วก็จิก หรือจะเรียกว่า รังควาน ก็ได้ ตามทวงหนี้ในทุก ๆ ช่องทางติดต่อ ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์ เฟสบุ๊ค ไลน์ ไอจี ทวิตเตอร์ เอามันทุกทางเลย ถ้ายังไม่คืน แถมยังปิดโซเชี่ยลหนีเราละก็ เชิญเข้าสู่สเต็ปที่สี่ได้เลย
สเต็ปสุดท้าย หลังจากที่ทำมาทุกสเต็ปแล้วยังไม่ได้เงินคืน ก็คือ สลัดอินเนอร์ของบี น้ำทิพย์ หรือน้ำผึ้ง ณัฐริกา ทิ้งไป แล้วก็เอาอินเนอร์ของกิ๊ก สุวัจนี มาสวมแทน สิ่งที่ต้องทำก็ไม่มีอะไรมาก ด่าเลย จะด่าไปทางแชท ทางโทรศัพท์ หรือจะด่าขึ้นโซเชี่ยลมีเดียก็แล้วแต่ เพื่อนที่เป็นลูกหนี้บางคนที่ตีมึนมาตลอด อาจจะรู้สึกสะอึก แล้วตัดสินใจคืนเงินให้เราก็ได้ จากนั้นก็ค่อยไปเคลียร์ ปรับความเข้าใจกันทีหลัง แต่ถ้ายังไม่รู้สึก เอาแต่ตีมึน แถมยังแว้งมาโกรธเราอีก ผู้เขียนก็ไม่รู้จะแนะนำอย่างไรแล้วละ ก็ยกหนี้ให้มันไปเหอะ! แล้วจำไว้ว่า เพื่อนคนนี้นิสัยเป็นอย่างไร
แต่สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม มิตรภาพถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับชีวิตมนุษย์ และการยืมเงิน ถือเป็นมะเร็งร้าย ที่จะกัดกินมิตรภาพจนพินาศสิ้น เพราะฉะนั้น ขอให้ทุกคนโปรดสังวรณ์ไว้ว่า อย่านำเรื่องเงินมาเป็นตัวทำลายมิตรภาพ ใครที่จะยืมเงินเพื่อน ขอให้ยืมแต่พอดี และจงคืนให้เร็วที่สุด อย่าเอาแต่คิดว่า เพื่อนกัน ไม่เป็นไรหรอก เพราะความคิดอย่างนี้นี่แหละ ที่ทำให้ความเป็นเพื่อนของใครหลาย ๆ คน ต้องสิ้นสุดลง มานักต่อนักแล้ว
อ้างอิง http://pantip.com/topic/32637708