สำหรับสถานการณ์ ราคาน้ำมัน ในปัจจุบันนี้เป็นอย่างไรบ้างนั้นมาดูกันค่ะ สำหรับราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสได้ปรับตัวลดลง จากปกติ หลังสถาบันปิโตรเลียมด้านพลังงานของประเทศสหรัฐอเมริกาหรือเอพีไอ ได้มีรายงานอัพเดตล่าสุด เกี่ยวกับ สถานการณ์สต็อกน้ำมันดิบสิ้นสุด มีรายงานล่าสุดเมื่อวันที่ 16 ตุลาคมที่ผ่านมา ว่าจะมีการปรับเพิ่มสูงขึ้นเผ็น7.1 ล้านบาร์เรล ซึ่งราคาน้ำมันที่จะปรับสูงขึ้นนี้มากกว่าที่รอยเตอร์ได้ทำการคาดการณ์ไว้เป็นเท่าตัวเลยทีเดียว ซึ่งรอยเตอร์ได้คาดการณ์ไว้เพียง3.7 ล้านบาร์เรลเท่านั้น
อาจมีผลสืบเนื่องมาจาก กำลังการกลั่นของโรงกลั่นที่มีปริมาณลดลงกว่าที่คาดการณ์สถานการณ์ไว้ล่วงหน้า รวมไปถึงการนำเข้าน้ำมันที่เพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมานั่นเอง ในขณะเดียวกันหลังจากที่มีการรายงานสต๊อกน้ำมันนั้น และน้ำมันดิบมีการปรับราคาเพิ่มขึ้นแต่นทางตรงกันข้ามในการซื้อขายนั้น ได้ถูกกดดันอย่างหนักให้มีการซื้อขายที่ต่ำลงจากปกติ เป็นเรื่องที่น่าคิดพอสมควร ดังนั้นจึงเป็นสิ่งส่วนงานที่เกี่ยวข้องต้องมาดูแลเป็นพิเศษในช่วงนี้
นอกจากนี้ราคาน้ำมันเท็กซัสที่มีการปรับตัวลดลงบนั้น อาจเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ และอีหนึ่งสาเหตที่ทำให้มีการปรับตัวลดลงคือราคาน้ำมันเวสต์เท็กซัสขาดแรงหนุน ทั้งนี้อาจเกิดจากในช่วงเดือน พ.ย. ที่นักลงทุนนั้นมีการซื้อขายกันอย่างซบเซามาก จึงส่งผลต่อเนื่องกับราคาน้ำมันเท็กซัส เพราะเป็นวันที่สิ้นสุดสัญญาในช่วงเดือนนี้ด้วย ในขณเดียวกันที่สัญญาเดือนใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นคือเดือนธัญวาคมนั้น มีการปิดตลาดอยู่ที่ 46.29 ซึ่งมีการปรับตัวขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งสถานการณ์ช่วงนี้ต้องบอกว่าไม่ค่อยสู้ดีนัก อย่างไรก็ตามในเดือนธันวาคมหลังจากที่ปิดตลาดนั้นมีการซื้อขายที่ระดับลดลง
ในภาคของการตลาดนั้น ยังมีการคาดการณ์อย่างต่อเนื่อง ได้มีการปรึกษาหารือกันมากพอสมควร โดยได้มีการจัดการหารือร่วมกันระหว่างประเทศในกลุ่มโอเปคและรัสเซีย และยังมีอีกหลายประเทศที่ได้เข้าร่วมในการหารือในครั้งนี้ ที่อยู่นอกกลุ่มเอเปคนั่นเอง อาทิเช่น ประเทศอาเซอร์ไบจานประเทศบราซิลประเทศโคลัมเบียประเทศคาซัคสถานประเทศนอร์เวย์ ประเทศเม็กซิโก และสุดท้ายและท้ายสุดคือประเทศโอมาน ซึ่งได้มีการหารือกันเมื่อวันที่ 21 ตุลาคมที่ผ่านมานั่นเอง ซึ่งได้จัดประชุมเพื่อหารือกรุงเวียนนา จุดประสงค์ในครั้งนี้ที่มีการจัดประชุมเพื่อหารือกันขึ้นหลักๆ คือเพื่อหาแนวทางจัดการกับปัญหาของราคาน้ำมันที่ตกต่ำในช่วง 2-3 เดือนนี้ โดยจะยังไม่มีประเทศใดที่จะปรับลดกำลังในการผลิตน้ำมันดิบของประเทศ ณ ช่วงเวลานี้ ที่เป็นเช่นนี้เพราะเพื่อเป็นการฉุดให้ราคาน้ำมันดิบนั้นกลับมาสูงขึ้นอีกครั้ง ซึ่งเชื่อว่าถ้าหากเป็นอย่างที่คาดการณ์กันไว้ ก็จะส่งผลดีให้ราคาน้ำมันนั้นปรับตัวสูงขึ้นอีกได้อย่างแน่นอน แต่ต้องคอยดูกันต่อไป ว่าสถานการณ์ของราคาน้ำมันนั้น จะมีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใด แต่ทุกคนและแต่ละประเทศก็ต้องมีแผนที่จะเตรียมพร้อมกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นให้ได้ นอกจากนี้ยังมองว่าประเทศอาเซอร์ไบจาน และประเทศคาซัคสถานซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันดิบที่เป็นหลักของกลุ่มโซเวียตนั้น จะยังคงสามารถจัดการบริหารกับงบประมาณของประเทศได้อย่างลงตัว กับสภาวะราคาน้ำมันที่กำลังต่ำลงในปัจจุบันนี้
อ่านเพิ่มเติม >> แนวโน้ม การเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจ <<
และซีอีโอเป็นบริษัทน้ำมันรายใหญ่ของโลกอย่างไวลอต ยังได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันเกี่ยวกับราคาน้ำมันเบรนท์ว่า ในช่วงนี้ราคานำมั้นนั้นจะยังคงถูกกดดันหนัก จากสถานการณ์อุปทานน้ำมันล้นตลาดที่จะต้องมีผลต่อเนื่องไปเรื่อยๆในช่วงนี้ ซึ่งต้องเตีรยมใจกันไว้ด้วย ว่าสิ่งที่ได้ปรึกษาหารือกันนั้น อาจจะไม่เห็นผล 100% โดยซีอีโอนั้นมองว่า
เป็นการยากที่ราคาน้ำมันเบรนท์จะมีการปรับตัวสูงขึ้นในอนาคตหรือในปี 2559 เพราะหลังจากที่มีความต้องการใช้น้ำมันจากประเทศจีน ประเทศบราซิล รวมไปถึงประเทศรัสเซียด้วย นั่นเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ซีอีโอที่เป็นบริษัทที่ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลกได้มองถึงสถาณการณ์ในปัจจุบันที่ราคาน้ำมันกำลังตกต่ำ และยังได้เสริมต่อไปอีกว่าราคาน้ำมันจะยังคงส่อแววซบเซาต่อไปอีกสักระยะแน่นอนจนถึงปี 2559
ในขณะเดียวกันที่การผลิตและส่งออกน้ำมันดิบของประทเศอิหร่านและประเทศลิเบียนั้น ตรงกันข้ามกับสถานการณ์น้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ที่ลดต่ำลง เพราะอิหร่านและลิเบียนั้นมีแนวโน้มที่ดีคือราคาน้ำมันนั้นมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งจะสามารถทดแทนการผลิตน้ำมันของประเทศของสหรัฐได้ ที่ตอนนี้อยู่ในภาวะที่ชะลอตัวลงและยังไม่มีท่าทีว่าจะเป็นอย่างไร ในสถานการณ์แบบนี้ยังส่อแววเรื่องอัตราความต้องการใช้น้ำมันที่จะมีการลดตัวลงจากปีที่แล้วที่มีการคาดการณ์ว่าจะมีการเติบโตขึ้นถึง.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน แต่ก็ต้องผิดหวังกันไปเพราะ สถานการณ์น้ำมันดิบโลกนั้นมีการเติบโตขึ้นเพียง 1.35 ล้านบาร์เรลต่อวัน เท่านั้น ซึ่งผิดจากที่คาดการณ์ไว้ครึ่งต่อครึ่งเลยทีเดียว
เป็นไงกันบ้างคะ เกี่ยวกับสถานการณ์ ราคาน้ำมัน จากที่นำมาเปรียบเทียบให้ดู ถือว่าในช่วงนี้ราคาน้ำมันดิบในต่างประเทศนั้น กำลังอยู่ในช่วงที่ปรับตัวลดลง แต่ต้องติดตามสถานการณ์กันต่อไปว่าจะมีแนวโน้มที่ดีหรือยังคงทรงตัว หลังจากที่มีการปรึกษาหารือเกี่ยวกับปัญหาน้ำมันดิบที่มีราคาต่ำลง จากที่คาดการณ์กันไว้ อาจจะดีขึ้นหรือลดต่ำลงกว่าเดิม ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้เพื่อเราสามารถประเมินสถานการณ์ราคาน้ำมันที่จะเกิดขึ้นได้ในอนาคตข้างหน้า ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญที่ทุกคนต้องให้ความสนใจด้วยนะคะ