ใครที่ติดตามข่าวเช้านี้คงจะเห็นว่ามีการลดราคาแก๊สหุงต้มเกือบทุกจังหวัดทั่วประเทศซึ่งอย่างน้อยๆก็ลดตั้งแต่ .60-2 บาท แน่นอนว่าหลายคนคงตั้งคำถาม แก๊สหุงต้มลดราคา เท่ากับต้นทุนถูกลง แล้วร้านขายแก๊สลดราคาไหม ราคาข้าวแกงจะลดลงไหม ไม่ต้องให้หมอดูที่ไหนมาฟันธงบอกเลยว่า ไม่ลดแน่นอน
ตามนิสัยคนไทยอะไรขึ้นแล้วลงยาก ไล่ตั้งแต่ร้านแก๊สกันเลยซึ่งบ้านไหนสั่งบ่อยจะรู้เลยว่าเดือนนี้ราคาเท่านี้ เดือนหน้าดันขึ้นอีกราคา และก็จะเป็นประจำที่เหล่าแม่ค้าจะบอกว่าแก๊สขึ้นราคาขอขึ้นอาหารนะคะ แต่ตอนนี้แก๊สลงราคาแล้วก็น่าจะมีการลดราคาให้ลูกค้าเหมือนตอนขอขึ้นราคาบ้าง แต่เชื่อว่าก็คงเหตุผลเดิมๆแก๊สลงแต่ร้านขายแก๊สยังส่งราคาเดิม วัตถุดิบก็แพงขึ้น ลดไม่ได้หรอกค่ะ เบื่อไหมกับสังคมไทยที่เป็นแบบนี้
ซึ่งเหตุผลของการลดราคานี้มาจาก คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) มีมติลดราคาขายปลีก ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ในเดือน ก.พ. ลง 2 บาท/กิโลกรัม จากเดิมกำหนดไว้ที่ 22.29 บาท/กก. อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ กบง.ได้ปรับโครงสร้างราคา LPG โดยให้ราคาจากทุกแหล่งผลิตมีราคาเดียวกัน ซึ่งเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 2 ก.พ.58 และจะ มีการปรับราคาถัวเฉลี่ยเป็นระยะ เพื่อให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง ซึ่งจากากรคำนวณนั้นราคาที่ลดลงจะอยู่ในระหว่าง .60-2 บาท เพราะจะมีค่าขนส่งเป็นตัวแปรนอกจากนี้ในบางจังหวัดมีการคำนวณแล้วว่าอาจจะไม่ได้ลดราคาเช่น จังหวัดลำปาง ที่ราคายังคงเดิมเพราะมีค่าขนส่งมาเกี่ยวข้อง ส่วนราคาขายปลีกกับลูกค้านั้นก็คงต้องคาดเดากันว่าร้านจำหน่ายจะลดให้หรือไม่ ซึ่งอาจจะไม่มีการลดราคาแต่ราคาน่าจะคงที่ตามที่ขายกันอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งผู้บริโภคไม่ต้องตื่นเต้นกับราคาที่ประกาศออกมาว่าลดลง เพราะอย่างไรก็ตามมันยังมีปัจจัยอื่นๆที่ทำให้ร้านค้าปลีกไม่สามารถลดราคาได้และรวมถึงร้านอาหารต่างก็คงจะลดราคาลงตามด้วยไม่ได้
ไม่ว่าอย่างไรก็ดีเรื่องราคาอาหารและแก๊สหุงต้มก็ยังเป็นปัญหาที่แก้กันไม่ตกอยู่ดี ไม่ว่าจะรัฐบาลไหนๆเดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลง คนรับกรรมก็ประชาชนทั้งประเทศนี่ล่ะ บ่นไปก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี สิ่งที่เราควรทำคือใช้จ่ายอย่างประหยัดอย่าไปหวังกับการลดราคาโน่นนี่จะมีผลกับค่าครองชีพในทุกวันนี้เลย ต่อให้มีการลดราคาอีกเท่าไหร่ค่าครองชีพแก้ไม่ลดลงอยู่ดีเพราะมันมีปัจจัยอื่นๆมากระตุ้นให้ค่าครองชีพสูงอยู่ตลอดเวลา เรียกว่ามีปัจจัยบวกและลบมากมายจากภายในประเทศและนอกประเทศ รวมถึงเหตุการณ์เฉพาะหน้าต่างที่จะมีผลเข้ามากระทบกับสภาพการณ์ในประเทศและส่งผลกับค่าครองชีพของเราทุกคนด้วย
และอีกสิ่งที่ควรตระหนักไว้คือไม่ว่าเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไรการประหยัดจะช่วยให้เอาตัวรอดได้ในทุกสถานการณ์ และการวางแผนการเงินไว้ล่วงหน้าจะช่วยลดความเสี่ยงต่างจากปัญหาเศรษฐกิจได้จริงๆ ไม่ว่าจะเป็นเงินออมในอนาคต การวางแผนค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน การวางแผนค่าครองชีพในแต่ละเดือนด้วย การจัดการอย่างมีระบบในแบบของแต่ละคนจะช่วยให้แก้ปัญหาต่างๆได้ หากใครมัวแต่หวังรอเศรษฐกิจดีขึ้น โน่นนี่นั่นลดราคา ลดค่าครองชีพรับรองว่าคงต้องรอกันทั้งชาติแน่นอน