การดำเนินชีวิตของคนในปัจจุบันนี้ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า “เงิน” มีความจำเป็นค่อนข้างมาก ผิดกับรุ่นปู่ย่าตายายที่เก็บผักหาปลากินน้ำไฟไม่ต้องเสียจึงอยู่กันได้อย่างสบายแม้ไม่ค่อยมีเงิน แต่คนในรุ่น Gen Y มักตอบสนองความสุขของตนเอง ด้วยการจับจ่ายใช้สอยเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ต้องการและมีความจำเป็น ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องผิดปกติอะไรหากมีการบริหารจัดการเงินในกระเป๋าได้ ชีวิตก็จะมีความสุขในแต่ละเดือนและตลอดไป
สำหรับคนใน GenerationY อาจกำลังมีคนสงสัยว่าควรจะมีอายุสักประมาณเท่าไร ซึ่งคำตอบก็คือเกิดอยู่ในช่วงปี พ.ศ. 2523 -2540 ที่มีอายุ 18 ถึง 35 ปีโดยประมาณ ซึ่งก็คือคนรุ่นใหม่ไฟแรงที่กำลังอยู่ในตลาดแรงงานในปัจจุบันนี้นั่นเอง สำหรับนิสัยและค่านิยมของคนกลุ่มนี้อาจแตกต่างกับคนรุ่น ปู่ ย่า ตา ยาย หรือพ่อ แม่ ตัวเองไปบ้าง เพราะพวกเขาจะรับเอาความเจริญก้าวหน้าของเทคโนโลยี และอินเทอร์เน็ตเข้ามาดำเนินชีวิตประจำวันด้วย สำหรับในเรื่องการเงิน ศูนย์วิจัยความสุขคนทำงานแห่งประเทศไทย ของสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ทำการสำรวจสถานการณ์ความสุขคนทำงานในประเทศไทยปี 2558 พบว่า คนทำงานในยุค Generation Y หรือ Gen Y เป็นกลุ่มที่ ไม่มีเงินออมสูง ถึงร้อยละ 50 ร้อยละ 48ผ่อนชำระหนี้สินที่ไม่ตรงเวลา และร้อยละ 45 มีความรู้สึกว่ารายจ่ายมีมากกว่ารายรับอีกทั้งยังมีร้อยละ 45.6 มีความรู้สึกว่าการผ่อนชำระหนี้สินเป็นเรื่องสร้างภาระหนักมากให้กับพวกเขา
อ่านเพิ่มเติม : Gen นี้ใช้เงินแบบไหน ? Part: พวกเราชาว เจนวาย
จากผลการสำรวจข้างต้นจึงบ่งบอกได้กลายๆว่าคนรุ่น Gen Y เป็นกลุ่มที่มีสุขภาพทางการเงินไม่ค่อยดีนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของเงินออม ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ Gen Y ทั้งหลายจะต้องวางแผนการเงินตั้งแต่วันนี้ ด้วยวิธีการไม่ยุ่งยากแต่ต้องอาศัยความมีวินัยและทำเป็นประจำสม่ำเสมอ ดังนี้
ควบคุมรายจ่ายในแต่ละเดือน
การควบคุมค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน ด้วยการจดบันทึกในสมุดคงจะเป็นเรื่องน่าเบื่อสำหรับคน GEN Y ไปแล้ว ดังนั้นเพื่อความรวดเร็วและตรงกับนิสัยคนรุ่นนี้ จึงควรลงบันทึกทุกการใช้จ่ายไว้ใน สมาร์ทโฟน ด้วย Application ดีๆอย่าง Google Sheet ที่สามารถดาวน์โหลดได้ฟรีแถมยังใส่สูตรคำนวณได้ จึงทำให้เรารู้ทุกการเคลื่อนไหวทางการเงินของตัวเองง่ายๆบนมือถือ หวังว่าวิธีนี้คงไม่ยุ่งยากเกินไปสำหรับคน Gen Y เช่นคุณ
กำจัดหนี้ให้หมดตั้งแต่วันแรกที่เงินเดือนออก
ไม่ว่าจะเป็น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าอินเตอร์เน็ต ค่าเช่าคอนโด ค่าผ่อนรถ หรือยืมเงินใครไว้ให้รีบเคลียร์ให้หมดในวันเงินเดือนออก โดยเฉพาะหนี้บัตรเครดิต เพราะหากปล่อยไว้ปัญหาเกิดแน่เนื่องจากบัตรเครดิตมีอัตราดอกเบี้ยเกินชำระที่สูง หากปล่อยพอกไว้วันหนึ่งจะกลับมาทำร้ายตัวเราอย่างแน่นอน ทางที่ดีไปเปิดบัญชีออมทรัพย์กับธนาคารที่ให้บริการ โอนเงิน จ่ายบิลต่างๆ ได้ฟรี ไม่มีค่าธรรมเนียม เพียงทำงานผ่าน Application เท่านั้น เพียงแค่นี้ชีวิตไร้หนี้ก็จะเกิดขึ้น ไม่ต้องพะวงหน้าพะวงหลังให้เปลืองสมองเปล่าๆ
ต้องออม
เมื่อเคลียร์หนี้สินจนหมดสิ้นแล้ว คราวนี้สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยนั่นก็คือ “การออม” และต้องออมทันทีหลังจากจัดการเคลียร์หนี้หมดแล้วด้วย ไม่เช่นนั้นอาจพลาดไม่ได้ออมแน่ๆ ซึ่งการออมหลังจากใช้หนี้แล้วจะทำให้เราทราบสถานะทางการเงินว่าขณะนี้มีเงินเหลืออยู่เท่าไร เพียงพอไหมสำหรับช่วงเวลาที่เหลืออยู่กว่าจะถึงสิ้นเดือนใหม่ (อะไรจะรันทดขนาดนั้น) ถ้าคำนวณแล้วมีเงินเพียงพอสำหรับการใช้จ่ายแน่นอนก็ทำการออมได้เลย ซึ่งในการออม หากใครโชคดีมีสวัสดิการของนายจ้าง อย่าง กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ก็ควรใช้สิทธิตรงนี้ให้เต็มที่ โดยสมัครเข้าไปเป็นสมาชิกให้เร็วที่สุด เพื่อที่จะได้รับเงินสมทบจากนายจ้างได้เร็วที่สุด อีกทั้งควรเลือกสะสมในอัตราสูงสุดที่นายจ้างกำหนดด้วย
สำหรับเงินฝากในบัญชีธนาคารดอกเบี้ยที่ได้นั้นไม่คุ้มกับอัตราเงินเฟ้อแน่ๆ จึงไม่จำเป็นต้องฝากจำนวนมาก แต่ให้แบ่งเงินไปทำให้งอกเงยผ่านการลงทุนในหุ้นหรือกองทุนรวมหุ้นบ้าง เพราะจะให้ผลตอบแทนได้เร็วขึ้น นอกจากนี้อีกสิ่งหนึ่งของคน GEN Y คือ ต้องมีความรู้และใส่ใจในเรื่องการวางแผนภาษี เช่น ความรู้ในการซื้อ LTF/RMF และประกันชีวิต ที่คุณจะสามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีได้เพิ่มเติม
ใช้จ่ายอย่างประหยัด
เชื่อว่าคน Gen Y นี้ต้องมีรายจ่ายและสิ่งของที่ต้องการมากมายอย่างแน่นอน แต่เพื่ออนาคตทางการเงินที่ดีและมีความสุข จึงจำเป็นต้องยับยั้งสิ่งฟุ่มเฟือยในชีวิตประจำวันไว้บ้าง ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า สมาร์ทโฟน หรือแม้แต่การไปสังสรรค์กับเพื่อน อาจลดลงมาบ้างเหลือสักทุกสิ้นเดือนหรือเวลาที่มีโอกาสพิเศษ ก็จะสามารถประหยัดเงินไปได้มากเลยทีเดียว นอกจากนี้อาจมีการนัดกันเอาอาหารไปกินที่ออฟฟิตทุกๆวันหรืออาทิตย์ละครั้ง นอกจากจะได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดกันอย่างออกรสแล้วสุขภาพที่ดีก็จะตามมา ด้วยอาหารสุขภาพที่ทำด้วยฝีมือเราเอง