ราคาทองคำในช่วงนี้ถือว่าขาลงเป็นอย่างมาก ทำให้เมื่อประมาณปลายปี 2558 ได้มีการวิเคราะห์ถึงราคาที่ยังคงร่วงอย่างต่อเนื่อง และยังไม่มีทีท่าจะสดใสขึ้นยาวมาถึงปี 2559 และอาจจะได้เห็นราคาทองตกต่ำสุดอยู่ที่บาทละ 17,500 บาทเลยทีเดียว ซึ่งทำให้ทางศูนย์วิจัยทองคำออกประกาศเตือนผู้ซื้อทั่วไปและนักลงทุนว่ายังไม่ใช่จังหวะเหมาะเข้าซื้อทองในช่วงนี้ เพราะยังอยู่ในช่วงขาลงเป็นอย่างมากและอยู่ในช่วงปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องของราคาทองมาตั้งแต่ปี 2554 มาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งนับว่าเป็นช่วงชาลงของทองคำที่ยาวนานที่สุดในรอบ 40-50 ปี
ทั้งยังมีการประเมินว่าราคาทองในปี 2559 เกือบทั้งปีก็ยังเป็นช่วงขาลงอย่างต่อเนื่องของราคาทอง โดยที่ประเมินกรอบราคาทองคำทั้งปี 2559 จะเคลื่อนไหวอยู่ที่ 1,000-1,350 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ส่วนทองคำในประเทศนั้นก็มีแนวโน้มจะขายกันอยู่ที่บาทละ 17,500-21,500 บาท สำหรับคำแนะนำที่ให้นักลงทุนซื้อสะสมไว้ในระยะสั้นเท่านั้น โดยเข้าซื้อในราคาที่ต่ำกว่าบาทละ 18,000 บาท และขายทำกำไรเมื่อบาทละ 19,000 บาท และถ้าหลังจากปี 2559 ไปแล้วราคาทองจะเป็นอย่างไร ก็ไม่สามารถคาดเดาได้ เพราะถ้าตามอุปสงค์แล้วนั้นราคาทองต้องปรับตัวสูงขึ้น เป็นผลมาจากการที่ธนาคารกลางของหลาย ๆ ประเทศได้พยายามซื้อทองเก็บเข้าคลังกัน แต่มีปัญหาเรื่องแรงกดดันของความไม่แน่นอนของเฟดในการขึ้นดอกเบี้ย จึงอาจจะทำให้ราคาทอง เกิดการผันผวนมากจนเกินไป และเป็นการผันผวนในช่วงขาลงอีกด้วย
สำหรับพอร์ตในการลงทุนทองคำมาทั้งปี 2558 นั้น ทองคำให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 1% ซึ่งถ้าเป็นตามปกติที่ไม่ใช่ช่วงทองคำขาลงแล้วให้ผลตอบแทนถึง 7-10% ต่อปี ซึ่งในปี 2559 มีการแนะนำให้นักลงทุนถือครองทองคำในพอร์ตประมาณ 15-20% เพราะคาดว่าน่าจะได้ผลกำไรตอบแทนกลับประมาณ 5-10% ต่อปี แต่ในช่วงต้นปีที่มีหน้าเทศกาลต่าง ๆ ทั้งปีใหม่และตรุษจีนก็ทำให้ยังพอมีความหวังทางด้านการซื้อเพื่อสวมใส่ และการเข้าลงทุนของกองทุนหนุนให้ราคาทองคำปรับเพิ่มขึ้นบ้างเหมือนเช่นทุกปี ที่เมื่อถึงเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ราคาทองจะปรับตัวสูงขึ้นที่สุด ทั้งนี้ทางศูนย์วิจัยทองคำก็ให้ความหวังว่านักลงทุนที่ติดดอยราคาทองที่สูงก็ยังพอมีหวังในปี 2559 ที่น่าจะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าและสามารถกลับมาเป็นบวกได้ในครั้งแรกของรอบ 3 ปี โดยแนะนำให้ทยอยซื้อที่ราคาต่ำกว่า 18,500 บาท คาดว่าราคาทองจะปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังต้องระวังในเรื่องของความผันผวนของเฟดที่ยังคงมีผลต่อราคาทองยาวมาถึงปี 2559 ในขณะที่ราคาอ้างอิงราคาทองคำโลกคาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ในช่วงระหว่างปีก็จะยังคงมีความผันผวนอยู่แต่ในปัจจุบันนักลงทุนเริ่มนำเงินมาลงทุนสินทรัพย์ปลอดภัย เนื่องจากเจอปัจจัยเสี่ยงในหลาย ๆ ด้านที่เข้ากระทบทั้งทางด้านการเงินและตลาดทุนหลักทรัพย์
อ่านเพิ่มเติม : ทิศทางราคาทองคำ ไตรมาสแรก 2559 ก่อนตัดสินใจลงทุน
ศูนย์วิจัยทองคำยังเปิดเผยอีกว่าดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำในช่วงต้นปี 2559 จะปรับตัวสูงขึ้นกว่าปี 2558 ประมาณ 10.45 จุด มาสู่ระดับ 55.51 จุด โดยจะกลับมาอยู่เหนือระดับ 50 จุดในครั้งแรกของรอบ 3 เดือน ซึ่งจะเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงภาพราคาทองคำในเชิงบวก สอดคล้องกับกลุ่มผู้ค้าและกลุ่มนักลงทุนที่เชื่อว่าราคาทองคำจะกลับมามีแนวโน้มที่สูงขึ้นเหมือนกับตอนต้นปี 2558 และจะสามารถฟื้นตัวได้จากแรงซื้อเพื่อเก็งกำไรหลังจากที่ทางเฟดได้ประกาศปรับขึ้นดอกเบี้ย ประกอบกับการอ่อนตัวลงของค่าเงินบาทเป็นปัจจัยบวกของราคาทองคำตลอดปี 2558 ที่ผ่านมา โดยมีการคาดการณ์ว่าความต้องการซื้อทองคำในช่วงหน้าเทศกาล จะยังมีสัดส่วนในที่อยู่ในระดับค่อนข้างสูง และดัชนีความเชื่อมั่นในราคาทองอีก 3 เดือนข้างหน้าก็จะปรับเพิ่มสูงขึ้นด้วยเช่นกัน โดยจะเพิ่มขึ้น 12.28 จุดมาอยู่ที่ระดับ 62.43 จุด ซึ่งจะเป็นการกลับมาสะท้อนถึงมุมมองในเชิงบวกเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ผู้ที่ลงทุนไปแล้วรู้สึกว่า ติดดอย ทองคำ กันอยู่ก็คงจะบรรเทาลงได้บ้าง
ในช่วงเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ที่มีแนวโน้มราคาทองจะดีดตัวสูงขึ้นมากที่สุด จากหน้าเทศกาลต่าง ๆ ซึ่งอาจจะบวกขึ้นมาให้พอหายใจได้บ้าง ถ้าถึงจุดนี้ใครได้ราคาที่ใกล้เคียงกับที่ซื้อมาก็ต้องยอมขาดทุนกันสักหน่อย เพื่อให้หลุดออกจากดอยไป แต่ถ้าใครได้มาในราคาที่สูงอยู่และเสียดายสละไปก็อาจจะต้องรอไปถึงกลางปีอีกรอบ ว่าจะสามารถกลับมาราคาสูงกว่านี้ได้อีกหรือไม่ เพราะความผันผวนทางเศรษฐกิจโลกก็เป็นปัจจัยที่น่ากลัวและรบกวนราคาทองได้อย่างมากเลยทีเดียว ซึ่งในช่วงนี้น่าจะเป็นเป็นช่วงที่ราคาทองสูงที่สุดในรอบสามเดือน และราคาทองในอนาคตนั้นก็ยังไม่สามารถคาดการณ์ได้อย่างแน่ชัด เพราะมีปัญหาจากเรื่องของการขึ้นดอกเบี้ยเฟดที่ไปสวนทางกับการลงทุนในตลาดทองของธนาคารกลางในหลาย ๆ ประเทศ จึงคงยังต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิดต่อไปในเรื่องของราคาทองคำ