ราคาทองคำในปัจจุบันนั้นยังมีการปรับตัวขึ้นลงอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นเรื่องที่สำคัญของบรรดาผู้ที่ลงทุนทองคำ ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในสภาวะเสี่ยงต่อความผันผวนของตลาดที่สูง ซึ่งตั้งแต่ต้นปีมาก็มีความแปรผันขึ้นลงอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ซึ่งราคาทองคำในวันนี้ยังมีการปรับตัวขึ้นติดต่อกันมา 2 วันทำการ จากกลุ่มผู้ลงทุนที่กลับเข้ามาถือครองสินทรัพย์ Safe Heaven จากการตลาดหุ้นทั่วโลกที่กลับมาปรับตัวลดลงตามราคาน้ำมันดิบ ซึ่งหลังจากมีสัญญาณว่ากลุ่มผู้ที่ถือหุ้นการผลิตน้ำมันรายใหญ่ก็อาจจะไม่บรรลุข้อตกลงได้เร็วอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ยังปรับตัวขึ้นจนค่าเงินเยนมีการแข็งค่า โดยไปทำจุดสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ เมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ ในขณะที่เงินสวิสฟรังก์ปรับตัวขึ้นสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์ นักวิเคราะห์จากรอยเตอร์จึงมีการคาดการณ์ว่าสัญญาณการชะลอตัวทางเศรษฐกิจและความผันผวนในตลาดการเงินโลก ที่ส่งผลให้นักลงทุนทองคำได้มีการคาดหวังถึงการปรับตัวขึ้นของอัตราดอกเบี้ยในเร็ววัน โดยนักลงทุนได้มองหาโอกาสการปรับขึ้นของราคาดอกเบี้ยในปีนี้จะลดน้อยลง และนี่จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสามารถหนุนราคาทองได้ดี
อ่านเพิ่มเติม : ทิศทางราคาทองคำ ไตรมาสแรก 2559 ก่อนตัดสินใจลงทุน
ประธานเฟดของสาขาดัลลัสได้กล่าวว่า ราคาทองคำจะปรับตัวสูงขึ้นจากการที่เฟดจะดึงอัตราดอกเบี้ยต่อไปก่อน เพื่อที่เงินเฟ้อจะได้สามารถปรับตัวขึ้นตามกรอบเวลาและตามเป้าหมายที่วางไว้ 2% ทั้งนี้ประธานเฟดอีกสาขาหนึ่งก็กล่าวว่า เฟดควรพิจารณาเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมีนาคมถึงนี้จากความผันผวนที่เกิดขึ้นในตลาดการเงิน ที่อาจจะส่งผลไปถึงเจ้าหน้าที่เฟดที่ต้องมีการชะลอการขึ้นดอกเบี้ยไปก่อน ซึ่งก็สอดคล้องกับทางนักวิเคราะห์จากคิทโกที่คิดว่าราคาทองคำปรับตัวขึ้นเพราะได้รับอานิสงส์จากการร่วมลงของตลาดหุ้นและราคานำมันดิบ จึงช่วยให้หนุนในการกลับมาถือครองทองคำในฐานะ Safe Heaven ในขณะที่ภาพทางเทคนิคระดับ 1 ในบาร์ชาร์ทซึ่งยังคงเป็นทิศทางขาขึ้น จึงเป็นการส่งผลรวมที่ดีในราคาทองคำที่เป็นทิศทางขาขึ้น และคาดว่าราคาทองคำจะสามารถเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 1,207-1,235.3 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์
ด้านนายแพทย์กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ คนดังในวงการค้าทองทายาทรุ่นที่ 2 จากธุรกิจห้างทองแม่ทองสุก ผู้ที่พาร้านทองเล็ก ๆ ของตนเองเข้าสู่ธุรกิจค้าทองแบบครบวงจร และก้าวเข้าสู่ธุรกิจค้าทองแบบดิจิทัล จนกลายมาเป็นแม่ทองสุก MTS Gold และมีการเปิดการลงทุนในรูปแบบ Gold Feature ได้ให้ทรรศนะในเรื่องของราคาทองคำในปี 2559 เกี่ยวกับเรื่องแนวโน้มของทิศทางราคาทองคำว่า
อาจจะมีการลงอย่างต่อเนื่องมาจากปีที่แล้วจนมาถึงต้นปี 2559 ซึ่งการปรับตัวลงนี้มีมาตั้งแต่ปี 2554 ซึ่งเป็นมาจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดที่เป็นปัจจัยสำคัญกดดันราคาทองคำอย่างต่อเนื่อง เพราะมีการคาดการณ์ว่าต้องใช้เวลามากกว่า 10 ปี เพื่อให้อัตราดอกเบี้ยของเฟดกลับมาสู่ในระดับปกติ มีโอกาสที่ราคาทองจะลงต่ำกว่า 1,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ แต่เมื่อร่วงลงอย่างแรงที่สุดที่มาจากการดิ่งลงอย่างหนักของตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา ประกอบกับการอ่อนค่าลงของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ
แต่ในสภาวการณ์ขณะนี้กลับมามีความคึกคักอยู่ไม่น้อยมาตั้งแต่สิ้นปี 2558 ซึ่งเป็นผลมาจากราคาทองคำในประเทศที่ปรับตัวลดลงถูกที่สุดในรอบปีอย่างน่าตกใจ จนเหล่านักลงทุนยังคงต้องติดตามสถานการณ์กันอย่างต่อเนื่อง เพื่อประเมินแนวโน้มแล้วนำมาปรับการซื้อขายเพื่อทำกำไร แต่ราคาทองคำนั้นก็ไม่น่าจะลดต่ำกว่าระดับ 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ และตลาดทองคำนั้นยังอยู่ในช่วงขาลง ราคาจึงน่าจะอยู่ประมาณที่ 1,050-1,200 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ และอีกไม่นานราคาทองคำในประเทศน่าจะดีดตัวสูงขึ้นจากสภาวะเศรษฐกิจและราคาน้ำมันดิบโลก ประกอบกับค่าเงินที่หลาย ๆ ประเทศเริ่มอ่อนตัวลงบ้างแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นแนวโน้มที่ดีของราคาทองคำ ซึ่งต้องรอดูต่อไปว่าเฟดจะมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมีนาคมนี้อีกหรือไม่ นักลงทุนจึงควรต้องติดตามข่าวสารและศึกษาข้อมูลราคาทองขึ้นลงในแต่ละปี พร้อมทิศทางราคาทองคำแบบวันต่อวันผ่านช่องทางออนไลน์ได้อย่างสะดวกสบาย
สำหรับการ ลงทุนในทองคำ 2559 นี้ ราคาทองคำในขณะนี้ที่เป็นราคาใหม่ล่าสุดนั้นถือว่าเป็นราคาทองที่พุ่งขึ้นสูงมากกว่าเดิม ซึ่งถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีของนักลงทุน พร้อมทั้งผู้ที่ถือครองทองคำเอาไว้ที่ตัวเป็นอย่างมาก ในช่วงนี้จึงเป็นเวลาที่นักลงทุนสามารถเทขายได้อย่างมีกำไร และผู้ที่ซื้อทองเมื่อปีที่แล้วก็ยังได้พอยิ้มออกบ้าง ส่วนผู้ที่ต้องการเข้าลงทุนก็มีการแนะนำให้ซื้อไว้แบบระยะสั้น เมื่อราคาทองคำอ่อนตัวลงมาในโซนแนวรับที่ 1,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก็อาจจะปิดสถานะทำกำไร แต่ถ้ายืนอยู่เหนือระดับแนวรับไม่อยู่ ก็ต้องรอไปก่อนจนกว่าจะปิดสถานการณ์ทำกำไรที่แนวรับถัดไป 1,193-1,177 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือถ้าใครเสี่ยงเข้าทำกำไรก็ให้ดูที่แนวรับที่ 1,200 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ แต่ถ้ายืนไม่อยู่ก็ให้ไปเข้าซื้อที่แนวรับถัดไปและขายทำกำไรเมื่อมีการรีบาวด์กลับไปทดสอบแนวต้านที่ 1,230 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ โดยต้องมีค่าเงินบาทเป็นตัวร่วมในการตัดสินใจ โดยราคาทองคำนั้นยังอยู่ในช่วงที่ผันผวนเป็นอย่างมาก นักลงทุนจึงควรต้องระวังการลงทุนของตัวเองให้ดีและต้องติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิดอีกด้วย