ในปี 2559 เป็นปีทองสำหรับการลงทุนในทองคำ ช่วงนี้ราคาทองคำกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น มีการปรับตัวขึ้น โดยตลอดในช่วง 2 เดือนแรก ถือเป็นสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนโดดเด่นที่สุดในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา การซื้อทองคำเป็นการลงทุนแบบสายกลาง ไม่เสี่ยงจนน่าหวาดเสียว ท่ามกลางสภาพความซบเซาในเศรษฐกิจโลก นักลงทุนแนะนำให้เจียดเงินมาซื้อทองคำเพื่อกระจายความเสี่ยงกัน เพราะแนวโน้มเศรษฐกิจโลกในปี 2559 ยังถือว่าเติบโตในลักษณะเปราะบาง นักลงทุนจำนวนมากยังคงเข้าไปเพิ่มสัดส่วนการลงทุนเสี่ยงต่ำอย่างทองคำ
วิเคราะห์ทองคำในภาพรวม
นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันการลงทุนในทองคำให้ผลตอบแทน ราว 20% โดยเปรียบเทียบจากระดับราคาสูงสุดในไตรมาสแรก 1,282 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้นจาก 1,060 ดอลลาร์/ออนซ์ ช่วงสิ้นปี 2558 ราคาทองคำพุ่งขึ้น 200 ดอลลาร์ในเวลาเพียง 2 เดือน ปัจจัยบวกที่สนับสนุนราคาทองคำ คือ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ภายหลังการประชุมเฟดช่วงกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา พิจารณาจากแรงกดดันเศรษฐกิจโลกที่อาจกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐ และส่งสัญญาณชัดเจนว่าอัตราดอกเบี้ยยังตรึงไว้ในช่วง 0.25-0.50% ตามคาดการณ์ของตลาด และมีแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% เพียง 2 ครั้งในปีนี้ ทั้งยังมีความเป็นไปได้ว่า เฟดจะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งได้กดดันให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง และกลายมาเป็นปัจจัยบวกมีผลต่อทิศทางราคาทองคำในไตรมาส 2 อย่างแน่นอน หลังจากปีที่แล้วความกังวลเรื่อง การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดเป็นปัจจัยลบต่อราคาทองคำมาแล้ว
อีกปัจจัยหนึ่งที่ผลักดันราคาทองคำในช่วง 2 เดือนแรก คือนักลงทุนกลัวความเสี่ยงทำให้กระจาย การลงทุนในเงินเยนและทองคำเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ควรจับตามองและต้องระวัง คือ แนวโน้มตลาดหลักทรัพย์จะปรับตัวจากกลัวความเสี่ยง (Risk off) กลายเป็นกล้าเสี่ยงมากขึ้น (Risk on) อาจทำให้เม็ดเงินไหลกลับมาสู่สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงมากขึ้น และจะมีแรงเทขายทองคำออกมาเป็นระยะ ทำให้ต้องนักลงทุนต้องคอยติดตามการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและการเงินโลก และอัตราเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มยังคงอยู่ในระดับต่ำในระยะใกล้
การลงทุนทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ในยามที่เกิดสถานการณ์ตึงเครียดทางการเมือง และเศรษฐกิจจะกระตุ้นให้นักลงทุนแห่ซื้อทองคำ ขณะที่การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ยังคงผันผวนอย่างไร้ทิศทาง เนื่องจากความกังวลในเศรษฐกิจและปัจจัยลบต่าง ๆ กลยุทธ์การลงทุนทองคำในช่วงนี้นักลงทุนจะต้องติดตามอย่างใกล้ชิด มีความระมัดระวังให้มากต้องระวังแรงเทขายทำกำไร การวิเคราะห์ในเชิงเทคนิคจะเห็นราคาทองคำ มีทิศทางแนวโน้มขาขึ้นมาโดยตลอดในช่วงไตรมาสแรก และมีความชัดเจนมากขึ้นเมื่อราคามีการปรับขึ้นเหนือ 1,255 เหรียญขึ้นมา โดยแนวต้านสำคัญจะอยู่ที่ระดับ 1,280 เหรียญ และ 1,300 เหรียญตามลำดับ หากราคาทองคำพุ่งกลับขึ้นมายืนเหนือระดับ 1,300 ดอลลาร์/ออนซ์ ได้อีกครั้ง จะมีแนวต้านสำคัญ ขณะที่มีแนวรับระยะสั้นบริเวณ 1,240 ดอลลาร์/ออนซ์ และ 1,225 ดอลลาร์/ออนซ์ ตามลำดับ คำแนะนำสำหรับนักลงทุนให้ซื้อเมื่อราคาทองปรับฐาน มาอยู่ที่ 1,240 และ 1,225 ดอลลาร์/ออนซ์ และขายทำกำไรที่ 1,270 และ 1,280 ดอลลาร์/ออนซ์ ตามลำดับ
เกาะสถานการณ์ราคาทองคำไทย
สภาวะตลาดทองคำแท่งช่วงปลายเดือนมีนาคม 2559 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,235.10-1,242.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศ จะมีแนวรับสำคัญที่ระดับ 20,950 บาท/บาททองคำ และมีแนวต้าน 21,500 บาท/บาททองคำ คาดว่าจะเห็นการแกว่งตัวของราคาทองคำเช่นนี้ อย่างต่อเนื่องจากแรงเทขายทำกำไร เวลานี้เป็นจังหวะดีและโอกาสในการลงทุนในทองคำ ส่งผลให้นักลงทุนหลายรายเบนเข็มจากตลาดหุ้นกลับเข้าสู่ตลาดทองคำ ผลักดันปริมาณการซื้อขาย Gold Futures ในตลาดอนุพันธ์ (TFEX) มีการปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่น การซื้อขายขยายตัวขึ้นจากเดิมถึง 4 เท่า จากเดิมที่ อยู่ระดับ 4,000 สัญญา/วัน มาเป็น 18,000 สัญญา/วัน
แรงเทขายทองคำเป็นระยะ ๆ หันมาดูตัวเลขเศรษฐกิจไทยหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 1.5% ต่อไปซึ่งเป็นเดือนที่ 7 ติดต่อกัน เนื่องจากประเทศไทย ยังคงต้องเผชิญกับความเสี่ยงของเศรษฐกิจโลกที่ยังขยายตัวอย่างอ่อนไหว และไม่เห็นแนวโน้มการฟื้นตัวเศรษฐกิจมากนัก บรรดานักลงทุนอาจพิจารณารอให้ราคาทองคำอ่อนตัว แล้วค่อยเข้าซื้อ โดยยังคงมีการทยอยซื้ออย่างต่อเนื่อง และมีแรงขายทำกำไรสลับกัน เนื่องจากสกุลเงินบาทมีทิศทางการแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง ทำให้ราคาทองคำภายในประเทศขยับขึ้นค่อนข้างจำกัดกว่าราคาทองคำต่างประเทศ
กลยุทธ์การลงทุนทองคำ
สำหรับนักลงทุนที่สนใจทองคำแท่ง (96.50%) และต้องการทำกำไร ควรดูว่าราคาจะผ่านแนวต้านได้หรือไม่ ถ้าสามารถผ่านไปได้ให้แนะนำให้ถือต่อไปเพื่อเก็บไว้ขายทำกำไรที่แนวต้านถัดไป หากราคาทองคำปรับตัวลดลงมาโดยไม่หลุดแนวรับ แนะนำให้นักลงทุนซื้อเก็งกำไรระยะสั้น โดยประเมินแนวรับอยู่ที่ 1,123 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และแนวรับถัดไปอยู่ที่ 1,215 ดอลลาร์ต่อออนซ์
- แนวรับ 1,223 (20,300 บาท) 1,215 (20,170 บาท) 1,208 (20,050 บาท)
- แนวต้าน 1,240 (20,590 บาท) 1,248 (20,720 บาท) 1,259 (20,910 บาท)
ในช่วงนี้นักลงทุนจะต้องติดตามการแกว่งตัวของราคาทองคำอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเป็นช่วงสำคัญ ในการทำกำไร จำเป็นที่จะต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ตามสภาพตลาดที่เป็นอยู่ โดยแนะนำนักลงทุนใช้กลยุทธ์ทิศทางขาขึ้นเข้าช้อนซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว และขายทำกำไรเมื่อราคาดีดตัวสูงขึ้นจะต้องหากรอบของการเคลื่อนไหวของราคา ซึ่งจะทำให้สามารถทำกำไรระยะสั้นภายในวันเดียว เนื่องจากมีการเข้าซื้อและขายออกเป็นช่วง ๆ โดยเฉพาะในวันที่ราคาทองคำ มีการแกว่งตัวมากกว่า 20 เหรียญ จะเพิ่มศักยภาพการทำกำไรได้ดียิ่งขึ้น