บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2560 หรือบัตรคนจน ได้เริ่มเปิดใช้งานอย่างเป็นทางการแล้วเมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยมีประชาชนนำบัตรมารูดซื้อสินค้ากันอย่างคึกคักจะสังเกตได้จากคิวต่อแถวยาวเหยียดเกือบทุกที่ และต่อไปนี้จะเป็นการสรุปบรรยากาศของการใช้บัตร 3 วันแรก ดังนี้
วันที่ 1 ตุลาคม 2560 นางสาวสุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง ได้เปิดเผยว่า จากการเปิดให้ประชาชนผู้มีสิทธิสามารถนำบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2560 หรือ บัตรคนจนนำไปซื้อสินค้าได้ที่ร้านธงฟ้าประชารัฐที่เข้าร่วมโครงการ พบว่า มีประชาชนนำบัตรไปใช้กันเป็นจำนวนมากในหลายๆพื้นที่ โดยเฉพาะในจังหวัดชลบุรีที่ผู้มีสิทธินำไปซื้อสินค้ากันอย่างล้นหลาม จึงเป็นการสร้างความคึกคักและช่วยกระตุ้นยอดขายให้กับร้านค้ามากขึ้นอย่างชัดเจน แต่เนื่องจากเป็นวันแรกจึงอาจทำให้มีปัญหาตามมาบ้าง เช่น การให้บริการอินเทอร์เน็ตที่ยังมีความล่าช้า ทำให้ไม่สามารถทำรายการได้ หรือประชาชนยังไม่มีความคุ้นเคยกับการใช้เครื่องรูดบัตรอิเล็กทรอนิกส์ (EDC) เท่าไรนัก ซึ่งปัญหาเหล่านี้กรมบัญชีกลางจะมีเจ้าหน้าที่ลงไปดูแลการใช้งานในทุกๆด้าน เพื่อให้บริการประชาชนและช่วยแก้ปัญหาอย่างใกล้ชิดต่อไป
ทั้งนี้จากการสอบถามประชาชนผู้ใช้บัตร พบว่ายังมีปัญหาการใช้งานอยู่บ้าง ไม่ว่าจะเป็นประชาชนไม่ทราบว่าวงเงินในบัตรที่ได้รับเท่าไร ทำให้เสียเวลาตรวจสอบวงเงินก่อนซื้อสินค้า และที่สำคัญไม่แพ้กันคือปัญหาสัญญาณเครื่องรูดบัตร รวมถึงในบางพื้นที่ห่างไกลจะมีจำนวนร้านค้าไม่เพียงพอต่อความต้องการของประชาชนที่ไปใช้บริการจำนวนมาก จึงทำให้รอคอยนาน
นอกจากนี้รายงานจากกระทรวงการคลัง ยังระบุว่า ภายในเวลา 10.00 น. ของวันที่ 1 ตุลาคม 2560 ก็มีผู้มาใช้สิทธิบัตรนี้มากกว่า 51,870 คน คิดเป็นยอดเงินประมาณ 12.96 ล้านบาทแล้ว
วันที่ 2 ตุลาคม 2560 นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรงการคลัง เปิดเผยว่า การใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐเมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา พบว่า มียอดการใช้จ่ายกว่า 90 ล้านบาท โดยจะเป็นการซื้อสินค้าผ่านบัตรสวัสดิการกว่า 3 แสนรายการ และใช้เดินทางด้วยรถโดยสาร บขส. 300-400 รายการซึ่งตัวเลขดังกล่าวถือว่าอยู่ในระดับที่เหมาะสมสำหรับการเปิดใช้งานวันแรก
ทั้งนี้ปลัดกระทรวงการคลัง ยังกล่าวต่ออีกว่า ในเดือนนี้ยังเตรียมเสนอที่ประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ (National E-payment) เพื่อพิจารณาเพิ่มสิทธิให้กับผู้ที่ใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐและร้านธงฟ้าประชารัฐที่ติดตั้งเครื่องอีดีซี ให้มีโอกาสได้ลุ้นรางวัลจากการใช้บัตรเช่นเดียวกับโครงการใช้บัตรเดบิตลุ้นโชค เพื่อจะได้ส่งเสริมให้ผู้มีรายได้น้อยใช้บัตรสวัสดิการ และกระตุ้นให้ร้านค้าเข้าร่วมโครงการด้วย สำหรับรางวัลใหญ่จะเป็นเงินสด 1 ล้านบาท และยังมีรางวัลย่อยอีกหลายล้านบาท โดยคาดว่าจะเริ่มจับรางวัลแจกโชคได้ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2560 ไปจนถึงเดือนพฤษภาคม 2561 รวมทั้งหมด 49 ล้านบาท หรือตกเดือนละ 7 ล้านบาท
วันที่ 3 ตุลาคม 2560 นางสาวสุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า จากการให้เจ้าหน้าที่คลังจังหวัดและพาณิชย์จังหวัด ลงพื้นที่ติดตามการใช้บัตรซื้อสินค้าในร้านธงฟ้าประชารัฐ ปรากฏว่า มีร้านธงฟ้าบางแห่ง ฉวยโอกาสให้ผู้มีสิทธิเปลี่ยนวงเงินซื้อสินค้าเป็นเงินสด จึงทำให้ผิดวัตถุประสงค์ของรัฐบาล ที่ต้องการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ด้วยการลดค่าครองชีพ จึงไม่สามารถแลกเป็นเงินสดได้ ไม่ว่ากรณีใด ๆทั้งนั้น
สำหรับร้านที่กระทำผิดไปจากเงื่อนไขจะถูกกระทรวงพาณิชย์ถอนออกจากทะเบียนร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ อีกทั้งทางกรมบัญชีกลางจะดำเนินการเรียกคืนเครื่อง EDC จากเจ้าของร้านทันที ส่วนเจ้าของบัตรที่ร่วมกระทำผิด จะถูกตัดสิทธิในบัตรและต้องคืนเงินให้แก่ทางราชการ และอาจมีโทษตามที่กฎหมายกำหนดด้วย
และเพื่อให้ประชาชนที่ได้รับบัตรมีความเข้าใจตรงกันจะขอนำรายละเอียดการรูดบัตรผ่านเครื่องรับชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์จากร้านธงฟ้าประชารัฐ และร้านอื่นๆ ที่กระทรวงพาณิชย์ กำหนด มานำเสนออีกครั้ง นั่นคือ ผู้ที่ได้รับบัตรสามารถซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น สินค้าเพื่อการศึกษา และวัตถุดิบเพื่อการเกษตรได้ โดยผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาท/ต่อปี จะได้รับ 300 บาท/เดือน ส่วนผู้ที่มีรายได้สูงกว่า 30,000 บาท จะได้รับ 200 บาท/เดือน
ในวันที่ 1 ของทุกเดือน วงเงินจะถูกปรับเป็นค่าเริ่มต้นของวงเงินแต่ละสวัสดิการเสมอ สำหรับวงเงินคงเหลือของเดือนที่ผ่านมา จะไม่มีการสะสมในเดือนถัดไปใดๆอีกทั้งไม่สามารถถอนวงเงินสวัสดิการออกจากบัตรเป็นเงินสดได้ ยกเว้นวงเงินส่วนลดค่าก๊าซหุงต้มจากร้านค้าที่กระทรวงพลังงานกำหนด 45 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน โดยวงเงินจะปรับเป็นค่าเริ่มต้นทุกวันที่ 1 ของทุก 3 เดือน สำหรับค่าก๊าซหุงต้มส่วน ที่เกิน 45 บาท ผู้มีสิทธิต้องจ่ายเงินเพิ่มเอง
นอกจากนี้ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ยังได้รับ
- ค่าโดยสารรถเมล์ (รถเมล์ที่มีระบบ e-Ticket) และรถไฟฟ้า 500 บาท/เดือน
- วงเงินค่าโดยสารรถ บขส. 500 บาท/เดือน
- วงเงินค่าโดยสารรถไฟ 500 บาท/เดือน
ในกรณีผู้ถือบัตรแจ้งอายัดบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีวงเงินคงเหลือในส่วนของกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Money) ให้ผู้ถือบัตรติดต่อ Call Center หลักของ บมจ.ธนาคารกรุงไทย หมายเลขโทรศัพท์ 02-111 1111 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อที่จะทำการระงับการใช้วงเงิน และหากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐสูญหาย หรือชำรุดที่เกิดจากการใช้งาน เจ้าของบัตรสามารถดำเนินการขอเปลี่ยนบัตรใหม่ได้ที่สาขาของ บมจ.ธนาคารกรุงไทย ได้