ทุกคนต่างก็อยากมีบ้านเป็นของตัวเองทั้งนั้น เมื่อถึงเวลาที่มีการงานและรายได้ที่มั่นคง พร้อมที่จะสร้างครอบครัว หลายคนตัดสินใจเริ่มมองหาบ้านหลังที่ถูกใจ ติดต่อธนาคารเพื่อขอสินเชื่อบ้าน หลังจากนั้นก็เป็นขั้นตอนของการผ่อนจ่ายจนครบกำหนดสัญญา เมื่อผ่อนหมดบ้านหลังนั้นก็เป็นทรัพย์สินของเราอย่างเต็มตัว
เงินกู้ผ่อนบ้านนั้นอย่างที่ทราบกันดีว่ามักมีระยะเวลาในการผ่อนที่ยาวนานมากเป็นสิบหรือหลายสิบปี เพราะบ้านเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูง พอเห็นว่าผ่อนนานบางคนก็ท้อแท้ตั้งแต่เริ่มผ่อนไปเพียงไม่กี่เดือน หรือบางคนเมื่อเจอกับอุปสรรคหรือปัญหาเรื่องเงินเข้ามาในชีวิต พอนึกถึงภาระที่จะต้องผ่อนบ้านก็ยิ่งรู้สึกเหนื่อยเข้าไปใหญ่ เพราะเรามักมองไปยังจุดหมายซึ่งดูเหมือนจะดูอีกห่างไกลมาก
ที่จริงแล้วเวลาที่ผ่านไปในแต่ละวัน แต่ละเดือน แต่ละปี จะว่าไปก็ไม่นานเลย รู้สึกว่าไม่นานก็หมดปีอีกแล้ว อย่างนี่ก็ใกล้จะหมดปี 2559 ก้าวเข้าสู่ปี 2560 สำหรับคนที่ผ่อนบ้านอย่างสม่ำเสมอก็เท่ากับว่าเราผ่อนสำเร็จไปอีกหนึ่งปี หนี้เบาไปอีกหน่อยหนึ่งแล้ว
อ่านเพิ่มเติม : แนะนำ โปรแกรมคำนวณค่าผ่อนบ้านฉบับ Excel
ใกล้ปีใหม่แล้ว เราต้องสร้างแรงกายแรงใจในการดำเนินชีวิตสำหรับปีต่อไป อย่าเพิ่งรู้สึกเหนื่อยหรือท้อแท้ตั้งแต่ต้นปี … วันนี้เราบทความเรามีเทคนิคและคำแนะนำในการผ่อนบ้านอย่างไรไม่ให้รู้สึกเหนื่อย หรือรู้สึกว่านานมาฝากกันค่ะ
-
ผ่อนให้มากกว่าค่างวด
ถ้าเราผ่อนรายเดือนตามค่างวดในสัญญา ระยะเวลากว่าจะผ่อนหมดก็เป็นไปตามในสัญญาเช่นกัน บางคนเลือกผ่อน 25 ปี หรือ 30 ปี ก็ตามนั้น แต่ถ้าเราไม่อยากเหนื่อยนาน เทคนิคก็คือให้ผ่อนเกินจากค่างวด ส่วนที่เกินจะเป็นเท่าไหร่ก็ขึ้นอยู่กับรายได้และค่าใช้จ่ายของแต่ละคน ยิ่งผ่อนเกินค่างวดมากเท่าไหร่ เงินส่วนเกินจะไปลดเงินต้นและช่วยย่นระยะเวลาที่เราต้องผ่อนให้สั้นลง เมื่ออ่านถึงตรงนี้หลายคนคิดว่าจะลดลงได้สักเท่าไหร่กันเชียว อยากบอกว่าไม่น้อยนะคะ ยกตัวอย่างเช่น บ้านราคา 3 ล้านบาท ผ่อนเดือนละ 18,000 บาท 30 ปี สมมติว่าเราผ่อนเกินค่างวดเพิ่มอีกเดือนละ 2,000 บาทไปเรื่อย ๆ บ้านจะผ่อนหมดภายในเวลาไม่เกิน 23 ปี เห็นไหมคะ แค่ผ่อนเพิ่มขึ้นอีกเดือนละ 2,000 บาท ช่วยย่นระยะเวลาไปได้ตั้ง 7 ปี ถ้ามีกำลังที่จะผ่อนเกินต่อเดือนได้มากขึ้นกว่านี้อีก ก็จะยิ่งย่นระยะเวลาเร็วขึ้นอีก มีหลายคนที่ทำสัญญากู้บ้านไว้ที่ 25 ถึง 30 ปี แต่เอาเข้าจริง ๆ ผ่อนแค่ 5-7 ปีหมดก็มีให้เห็นเยอะเหมือนกันค่ะ
-
โปะเมื่อมีเงินก้อน
อีกเทคนิคที่จะช่วยให้ผ่อนบ้านไม่เหนื่อยและไม่นานก็คือ ให้นำเงินมาโปะเพิ่ม บางคนได้รับเงินพิเศษหรือเงินโบนัสประจำปี ถ้านำมาโปะบ้าน หนี้จะหมดเร็วขึ้น หรือบางคนมีรายได้พิเศษจากการรับงานอื่น ๆ ถ้านำเงินนั้นมาโปะบ้าน หนี้ก็จะหมดเร็วขึ้น การโปะแบบนี้จะเลือกโปะเท่าไหร่ หรือโปะตอนไหนก็ได้ เพราะเงินที่โปะจะไปลดยอดเงินต้น และช่วยย่นระยะเวลาในการผ่อนบ้านของเราเช่นกัน ส่วนจะช่วยย่นมากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับจำนวนเงินและจำนวนครั้งที่นำเงินมาโปะค่ะ
-
รีไฟแนนซ์บ้าน
ปกติลูกหนี้ที่มีประวัติดีในการผ่อนชำระเงินกู้บ้าน และผ่อนเกินกว่า 3 ปีขึ้นไป จะมีสิทธิ์รีไฟแนนซ์บ้านได้ โดยจะเลือกรีไฟแนนซ์กับธนาคารเดิมหรือธนาคารใหม่ก็ได้ ถ้าดอกเบี้ยบ้านที่ผ่อนอยู่สูงกว่าดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ เราน่าจะพิจารณาทางเลือกในการรีไฟแนนซ์บ้านดู ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้เหนื่อยน้อยลงได้ การรีไฟแนนซ์ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นการขยายระยะเวลาผ่อนบ้านออกไปเท่านั้น สัญญาใหม่อาจมีระยะเวลาสั้นกว่าเดิมก็ได้ ถ้าเรามองแล้วว่ามีความสามารถในการผ่อนต่อเดือนได้มากกว่าเดิม
นี่แหละค่ะ เทคนิคที่จะช่วยให้เราผ่อนบ้านให้ไม่เหนื่อยและไม่นาน ลองทำดูนะคะ แล้วจะเห็นผลเลยว่ายอดเงินกู้ของเราในแต่ละปีมันลดลงมากกว่าที่เราคิดไว้มาก ทุกเดือนพอธนาคารส่งยอดเงินมาเราเห็นหนี้ค่อย ๆ ลดลงไปเรื่อย ๆ ก็จะทำให้เรามีกำลังใจมากขึ้นเหมือนกับเวลาที่เราเก็บออมเงินแล้วเห็นเงินในบัญชีค่อย ๆ เพิ่มขึ้น เป็นความรู้สึกเดียวกันค่ะ มันคือความภูมิใจว่าเราก็ทำได้
นอกจากเทคนิคที่จะช่วยให้ผ่อนบ้านให้หมดไว ๆ โดยที่ไม่เหนื่อยแล้ว การให้กำลังใจตัวเองก็เป็นสิ่งสำคัญค่ะ ที่จะทำให้เรารู้สึกว่าการผ่อนบ้านนั้น ไม่ได้เหนื่อยหรือนานอย่างที่คิดเลย
-
ผ่อนนานก็จริง แต่ค่างวดเท่าเดิม รายได้เพิ่มขึ้น
ช่วงของการผ่อนบ้านที่จะทำให้รู้สึกเหนื่อยมากที่สุดมักจะเป็นช่วงผ่อนแรก ๆ ค่ะ แต่พอผ่านไปสัก 2-3 ปี เราจะรู้สึกสบายตัวขึ้น เพราะค่างวดเท่าเดิม แต่รายได้ของเราต้องมากขึ้นแน่ ๆ อย่างตอนเริ่มผ่อนบ้านเรามีเงินเดือนที่ 40,000 บาท แต่อีก 2-3 ปีข้างหน้าเงินเดือนเราต้องไม่ใช่แค่ 40,000 บาทแล้วล่ะ ก็ต้องเพิ่มขึ้นไปอีก เป็น 50,000-60,000 บาท ก็ว่ากันไป ที่เคยรู้สึกว่าเหนื่อย ท้อแท้ หรือไม่มั่นใจ ความรู้สึกเหล่านี้ก็จะลดน้อยลงไป
-
ราคาบ้านแพงขึ้นเรื่อย ๆ
อีกเรื่องที่จะเป็นกำลังใจได้ดีก็คือ ราคาบ้านที่เราผ่อนอยู่จะค่อย ๆ เพิ่มขึ้น ในขณะที่เราผ่อนบ้านอยู่นั้น บ้านที่เราซื้อมาก็ได้ทำหน้าที่ของมันด้วยการเพิ่มมูลค่าขึ้นเรื่อย ๆ ตอนซื้อบ้านราคา 3 ล้านบาท ผ่อนไป 3 ปี ได้ยินว่ามีการขายบ้านละแวกเดียวกับบ้านเราไป ราคา 4 ล้านบาท ผ่อนต่อไปจนครบ 5 ปี ได้ยินมาอีกว่าบ้านเราตอนนี้มีมูลค่าเป็น 5 ล้านบาทแล้ว ข้อคิดก็คือเงินที่เราผ่อนทุกเดือนเราซื้อทรัพย์สินที่เพิ่มมูลค่าซึ่งก็คือบ้านของเรานั่นเอง เมื่อมองย้อนกลับไปเราจะรู้สึกว่าคิดไม่ผิดเลยที่ตัดสินใจซื้อและผ่อนบ้านตั้งแต่ตอนนั้น ถ้าตัดสินใจช้าแทนที่จะกู้ 3 ล้าน อาจต้องกู้เป็น 5 ล้าน คิดแบบนี้ก็จะสบายใจขึ้นมากนะคะ
ช่วงเวลาใกล้ปีใหม่แบบนี้ อย่าลืมวางแผนเรื่องเงินและเรื่องหนี้ในปีหน้าให้รัดกุมมากขึ้น ใครยังไม่เริ่มเก็บเงินก็ให้เริ่มเก็บ ใครมีหนี้ก็รีบใช้ให้หมดไว ๆ และที่สำคัญลองมองสิ่งต่าง ๆ ในมุมอื่น ๆ ดูบ้าง เพื่อเป็นกำลังใจให้กับตัวเองในการพร้อมรับกับปีใหม่ที่จะมาถึงนี้อย่างมีความสุขกันทุกคนค่ะ