มักจะมีคนมาถามบ่อยๆ ว่า ทำประกันสุขภาพให้ลูก จะคุ้มไหม….คำตอบที่จะบอก คือ คุ้มของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนทำประกันสุขภาพให้ลูกไว้ ไม่เคยเบิกประกันเลยแต่คิดว่าตัวเองคุ้มที่ซื้อประกัน เพราะรู้สึกอุ่นใจและไม่เครียดหากลูกต้องนอนโรงพยาบาล แต่บางคนอาจจะบอกว่า ทำประกันสุขภาพให้ลูก แล้วนอนโรงพยาบาลครั้งเดียวก็คุ้มแล้ว ที่นี่ก่อนที่จะบอกว่าคุ้มหรือไม่ เรามาลองดูเงื่อนไขต่างๆ ของประกันสุขภาพกันดีกว่า
ประกันสุขภาพ คือ การทำประกันภัยที่บริษัทประกันตกลงจะชดเชยค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการรักษาพยาบาลของผู้ทำประกัน ไม่ว่าค่ารักษาพยาบาลนั้นจะเกิดขึ้นจากการเจ็บป่วยด้วยโรคภัย หรือการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ โดยอาจจะมีการทำเป็นประกันภัยส่วนบุคคล หรือจะทำเป็นประกันภัยหมู่ก็ได้ที่เราจะเห็นกันบ่อยๆ ของการทำประกันภัยหมู่ก็ คือ การทำประกันให้กับพนักงานของบริษัทหลายๆ แห่งในปัจจุบัน
โดยความคุ้มครองจากการทำประกันสุขภาพสามารถเลือกซื้อได้ทั้งคนไข้นอกและคนไข้ใน บางคนก็เลือกคนไข้ในเพียงอย่างเดียว ซึ่งการซื้อประกันสุขภาพที่คุ้มครองค่ารักษาคนไข้นอกนั้น เวลาพาลูกไปหาหมอแบบไม่ต้องเข้าพักที่โรงพยาบาลเราก็สามารถนำใบเสร็จพร้อมใบรับรองแพทย์ไปเบิกประกันหรือจะใช้ระบบ Fax Claim ก็ได้ โดยที่เราไม่ต้องจ่ายเงิน แต่อาจจะจ่ายเพิ่มอีกนิดหน่อย หากค่าใช้จ่ายเกินจำนวนวงเงินประกันที่เราซื้อไว้
ส่วนการทำประกันสุขภาพที่เป็นแบบคนไข้ในนั้น ความคุ้มครองก็จะประกอบด้วย ค่าห้องและค่าอาหาร ค่าบริการทั่วไป ค่าใช้จ่ายในกรณีที่มีการรักษาพยาบาลฉุกเฉินหลังการเกิดอุบัติเหตุ ค่าใช้จ่ายสำหรับแพทย์เยี่ยมไข้ ค่ารักษาทางการแพทย์ต่างๆ โดยที่การเข้ารักษาตัวแต่ละครั้งก็จะขึ้นอยู่กับวงเงินประกันภัยของเราว่าครอบคลุมค่าใช้จ่ายมากน้อยแค่ไหน ถ้าเราเคยเข้าพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลมาก่อน เราก็สามารถเอาใบเสร็จของเราไปปรึกษาตัวแทนประกันได้ว่า อัตราค่ารักษาพยาบาลของโรงพยาบาลที่เราใช้บริการนั้น ควรซื้อประกันสุขภาพแบบไหน ด้วยอัตราค่าเบี้ยประกันเท่าไร เพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันที่สูงเกินไป
อ่านเพิ่มเติม >> สิทธิประโยชน์ ค่าชดเชยรายวัน ของผู้ป่วยใน <<
สำหรับเบี้ยประกันสุขภาพจะแบ่งเป็นช่วงอายุ เช่น เด็กแรกเกิดถึง 5 ปี และ 6 ปี ถึง15 ปี โดยในช่วงแรกของอายุหรือที่เรียกว่าเด็กเล็กค่าเบี้ยประกันสุขภาพจะแพงกว่าช่วงที่ 2 หรือเด็กโต เพราะบริษัทประกันจะมองว่าเด็กเล็กร่างกายยังสร้างภูมิคุ้มกันได้ไม่เต็มที่ เด็กเล็กมีโอกาสป่วยมากกว่าเด็กโต อีกทั้งเชื้อโรคต่างๆ ก็มีมากมาย จึงเป็นสาเหตุให้ค่าเบี้ยประกันของเด็กเล็กสูงกว่าเด็กโต
ค่าเบี้ยประกันสุขภาพจะเริ่มต้นที่ 8,000-9,000 บาท จนถึง 50,000 กว่าบาทเลยก็มี ซึ่งสิ่งที่ทำให้แตกต่างกันก็คือ ราคาห้องพักโรงพยาบาล ถ้าเราเลือกรักษาโรงพยาบาลที่ค่าห้องไม่สูงมากนักก็เลือกประกันสุขภาพแบบที่ค่าเบี้ยประกันไม่แพง แต่ถ้าเราเลือกรักษาโรงพยาบาลที่ค่าห้องมีราคาสูง เราก็ได้ประกันสุขภาพแบบที่ค่าเบี้ยประกันมีราคาสูงเช่นกัน
เรามาลองดูตัวอย่างประกันสุขภาพที่มีขายกันทั่วไปดูบ้าง ว่าเมื่อซื้อประกันสุขภาพแล้วเราจะได้รับความคุ้มครองอะไรบ้าง และต้องเสียค่าเบี้ยประกันภัยเป็นจำนวนเงินต่อปีเท่าไรบ้าง
จากตัวอย่างโปรแกรมประกันสุขภาพที่เลือกมาเป็นประกันสุขภาพสำหรับเด็กอายุ 1-10 ปี เราจะเห็นได้ว่าในช่วงอายุตั้งแต่ 1 ปี จนถึง 5 ปี ค่าเบี้ยประกันจะสูง เนื่องจากว่าเป็นช่วงที่เด็กเริ่มไปเนอร์สเซอรี่และโรงเรียนอนุบาล ซึ่งจะได้รับเชื้อโรคต่างๆ ได้ง่าย แต่พออายุ 6 ปีขึ้นไปแล้วค่าเบี้ยประกันจะถูกลง ก็เพราะเป็นเด็กโตแล้วมีภูมิคุ้มกันมากแล้ว ส่วนก่อนจะครบ 1 ปี บริษัทประกันเห็นว่ายังเลี้ยงเองอยู่ที่บ้านยังไม่ได้ออกไปรับเชื้อโรคเท่าไรค่าเบี้ยประกันก็เลยไม่แพงมาก
ส่วนความคุ้มครองอื่นๆ ที่จะได้รับ อย่างที่บอกไปตอนต้นเราต้องไปดูราคาค่าห้องพักของโรงพยาบาลที่เรารักษาอยู่ สำหรับใช้ตัดสินใจเลือกแผนกรมธรรม์ เพราะการประกันสุขภาพเป็นค่าเบี้ยที่จ่ายแล้วจ่ายเลยปีต่อปี เหมือนการซื้อประกันให้กับรถยนต์จ่ายแล้วทิ้งไปเลย ถ้าไม่ชนก็ไม่ได้ใช้ประกัน การซื้อประกันสุขภาพให้ลูกก็เหมือนกัน ถ้าไม่ป่วยก็ไม่ได้ใช้ประกัน แต่ถ้าเกิดป่วยขึ้นมาเราก็อุ่นใจได้ว่ามีคนมาช่วยรับภาระค่าประกันภัยของเรา
เพราะฉะนั้นคำถามที่ว่าซื้อประกันภัยให้ลูกคุ้มหรือเปล่า เราก็ต้องกลับมาถามตัวเองใหม่ว่าเวลาเราซื้อรถมาเราทำประกันด้วยหรือเปล่า ถ้าทำก็อย่าลังเลที่จะซื้อประกันสุขภาพให้ลูกของเราเลย ซื้อตามกำลังที่เราจะจ่ายค่าเบี้ยไหว อย่างน้อยก็มีคนช่วยเวลาต้องนอนโรงพยาบาล หรือพูดง่ายอีกทีซื้อประกันให้รถเรายังซื้อได้ แต่กับลูกของเราทำไมเราถึงซื้อประกันให้ลูกไม่ได้….คุณพ่อคุณแม่ทั้งหลายลองไปทบทวนดูนะว่าจะซื้อประกันสุขภาพให้กับลูกของเราดีหรือเปล่า