ใครที่มีครอบครัวแล้วยกมือขึ้น ที่ถามอย่างนี้เพราะในวันนี้เรามีเรื่องราวดีๆเกี่ยวกับปัญหาในครอบครัวมาฝากกัน หากใครที่มีครอบครัวแล้วและกำลังสงสัยอยู่ว่าคนที่คุณอยู่ร่วมด้วยกันนั้นมีความลับทางเรื่องการเงินอยู่หรือเปล่า แอบเก็บเงินหรือเปล่า ? เชื่อได้เลยว่าบทความนี้และเรื่องที่จะเราจะมาบอกเล่ากันจะช่วยคุณได้อย่างแน่นอน แต่เราขอบอกก่อนว่าวิธีนี้เราควรจะเอามาใช้ตอนที่เราสงสัยมากจริงๆและเรื่องราวมันมีเค้ามูลว่าจะมีการเนียนเก็บเงินบางส่วนไว้จริงๆแล้วเท่านั้น เพื่อป้องกันปัญหาครอบครัวนั่นเอง แล้ววิธีการที่เราจะมาบอกนั้นมีอะไรบ้างเรามาดูกันเลยดีกว่า
1. สำรวจตู้ไปรษณีย์ดูบ้าง
นี่เป็นวิธีการเริ่มต้นสำหรับการสังเกตว่ามีไปรษณีย์มาบ้าง และมาจากที่ไหนบ้าง หากเป็นพวกบิลก็ให้ลองดูว่ามีบิลไหนมาจากธนาคารที่แตกต่างออกไปหรือไม่ หรือมีบิลไหนที่เปลี่ยนวันที่ที่มาส่งบ้าง เพราะปกติหากเป็นบิลใหม่ก็อาจจะส่งไปรษณีย์มาคนละวันกับบิลเดิมนั่นเอง และถ้าหากพบสิ่งใดผิดปกติไป เราไม่แนะนำให้กระโตกกระตากไปเลย หรือเปิดไปรษณีย์พวกนี้ แนะนำว่าให้ดูไปสักพักว่ายังมีมาอีกไหม หากมีสัก 3 เดือนแล้วก็ให้ลองถามกันตรงเลย
2. ดู History เว็บไซต์ทางการเงิน
อันนี้จะสะดวกหน่อยสำหรับคนที่ใช้คอมพิวเตอร์ร่วมกันและมีการใช้งานเว็บไซต์ทางการเงินหรือแอปพลิเคชั่นทางเงินนั่นเอง รวมไปถึงเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับการเงินอื่นๆอีกด้วย เพราะเว็บไซต์อาจจะบ่งบอกได้บางส่วนถึงการใช้เงินที่เปลี่ยนไป หรือปัญหาทางการเงินที่มีอยู่ของคนที่คุณสงสัยอยู่ หากเป็นปัญหาที่สามารถช่วยกันได้ก็อาจจะถึงเวลาที่เราต้องยื่นมือเข้าไปช่วยหรือให้คำปรึกษาได้แล้วนั่นเอง เพราะบางครั้งการที่เขาแอบเก็บเงินบางส่วนไว้ ก็อาจจะเป้นเพราะเขากำลังประสบกับปัญหาทางการเงินเป้นอย่างมาก ซึ่งไม่อยากให้คุณรู้ เพราะกลัวคุณจะเครียดไปด้วย ทางที่ดีคุณควรให้กำลังใจและยื่นมือเข้าไปช่วยอย่างเนียนๆ จะดีกว่านะ
3. ดูของในบ้าน
มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้างมีอะไรใหม่บ้างเพื่อตรวจสอบว่าเงินที่คุณสงสัยว่าหายไปนั้นไม่ได้มาเป็นของพวกนี้ หรือถ้าหากใครที่สงสัยว่าคนที่คุณสงสัยอยู่นั้นแอบซ่อนเงินไว้ในบ้านแล้วล่ะก็ ก็อาจจะต้องเริ่มมาค้นตามของในบ้านที่มีที่พอให้ซ่อนเงินได้แล้วล่ะว่ามีจริงๆหรือเปล่า และถ้าหากว่าแจ็กพ็อตแตกเจอเงินจริงๆก็อาย่าเพิ่งแสดงตัว แต่ให้จำเงินและสถานที่ไว้แล้วรอดูอีกสักพัก ว่าทำเป็นประจำหรือว่าทำแค่ครั้งนั้นครั้งเดียว และที่สำคัญควรดูสาเหตุด้วยว่า เพราะอะไรเขาจึงต้องแอบซ่อนเงินไว้ เป็นเรื่องดีหรือเรื่องร้ายกันแน่นะ
4. ตรวจสเตทเมนต์บัตรเครดิตของคนที่คุณสงสัย
ว่ามีค่าอะไรอย่างไรบ้าง มีการใช้บัตรเครดิตที่ร้านไหนบ้าง และสิ่งที่เราแนะนำให้คุณดูเป็นอย่างแรกบนสเตทเมนต์บัตรเครดิตก็คือ เครื่องหมาย – ในสเตทเมนต์บัตรเครดิตนั้นเอง เพราะอะไรนะหรือ เพราะเครื่องหมายลบนี้แสดงว่ามีเงินถูกโอนเข้าบัตรเครดิตมาหรือไม่ ดังนั้นการตรวจสอบสเตทเมนต์บัตรเครดิตจึงใช้ในกรณีที่คุณสงสัยว่าเขาแอบเงินในบัตรเครดิตนั่นเอง และยิ่งตัวเลขที่มีลบข้างหน้ามากขึ้นเท่าไหร่นั่นจะยิ่งหมายความว่ามีใครบางคนใส่เงินเข้าไปในบัญชีบัตรเครดิตมากขึ้นเท่านั้นนั่นเอง เก็บสะสมสถิติสักหน่อยว่าเป็นนานแค่ไหน จะได้รู้กันไปเลยว่าเขาต้องการแอบเงินไว้ในบัตรเครดิตเพื่ออะไร
5. ถึงเวลาถามแล้ว
หลังจากรวบรวมหลักฐานมานานก็คงต้องถึงเวลาที่เราจะได้ถามเสียที อย่าถามด้วยอารมณ์เด็ดขาดและอย่าพานอกเรื่องเชียวล่ะ ไม่อย่างนั้นหลักฐานที่เราหาและรวบรวมมานานจะหมดค่าไปทันที ตอนที่ถามก็ถามไปแค่ว่ามีอะไรปิดอยู่หรือเปล่าและอย่าลืมจ้องตาเพื่อพิสูจน์ความจริงๆด้วย หรืออาจจะรวมไปถึงอาการของร่างกายที่ลุกลี้ลุกลนหรือทำอะไรซ้ำด้วย เพราะอาจจะแสดงได้ว่าเขากังวลใจอยู่นั่นเอง และถ้าเขามายอมรับก็เอาหลักฐานมาให้ดูไปเลย
วิธีการเหล่านี้อาจจะเป็นวิธีการที่ดีจริงแต่เราขออย่าให้ใครมีโอกาสได้ใช้เลยจะดีกว่าเพื่อความสงบสุขของครอบครัวและตัวคุณเอง เพราะความเชื่อใจและความซื่อสัตย์ต่อกันในครอบครัว จะทำให้อยู่กันได้อย่างยาวนานขึ้น ลดปัญหาครอบครัวลงและยังช่วยให้ครอบครัวของคุณมีความสุขมากขึ้นอีกด้วย แต่หากเริ่มมีความผิดสังเกตจากคนใกล้ตัวของคุณจริงๆ และเริ่มรู้สึกถึงความเปลี่ยนไป โดยเฉพาะเรื่องการเงิน ก็คงต้องทดสอบและหาหลักฐานกันหน่อยแล้วล่ะ ว่าเขากำลังแอบซ่อนเงินอยู่หรือเปล่า
แต่การแอบซ่อนเงินนั้นก็ไม่สำคัญเท่าเขาแอบซ่อนเงินไปเพื่ออะไร เพราะบางทีเจตนาในการแอบซ่อนเงินของเขาอาจไม่เป็นอย่างที่คุณคิดก็ได้ เช่นเขาอาจจะแอบซ่อนเงินเพื่อซื้อของขวัญมาเซอร์ไพร์สคุณ หรือซ่อนเงินเพราะกำลังมีปัญหาการเงินบางอย่าง เพียงไม่อยากให้คุณต้องเครียดไปด้วย กรณีนี้ก็น่าเห็นใจมากกว่าจะไปโกรธเขานะ เพราะฉะนั้นเมื่อจับได้ว่าเขากำลังแอบซ่อนเงิน ก็อย่าเพิ่งไปวีนใส่เขาซะก่อนล่ะ