ทางกระทรวงการคลังได้มีการเปิดเผยข้อมูลอย่างเป็นทางการเพื่อแจ้งการประกาศให้กับประชาชน และผู้สื่อข่าวออกมาว่า ทางการคลังมีความมั่นใจว่ารายได้ปีงบประมาณ 2559 ที่กำลังจะมาถึง โดยงบประมาณดังกล่าวมีวงเงินอยู่ที่ 2.35 ล้านล้านบาท จะสามารถดำเนินการทำได้ตามเป้าอย่างแน่นอน เพราะส่วนหนึ่งจากรายได้นั้นทางการคลังก็มีเงินจากการประมูล 4G มาเป็นรายได้ส่วนหนึ่งของการคลังด้วย ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนเงินรายได้ที่มากมายเช่นเดียวกัน ส่วนปีหน้าในพ.ศ. 2559 ก็จะมีการใช้ ภาษีบ้านและที่ดิน รวมถึงภาษีสิ่งแวดล้อมมาจัดเก็บกับประชาชน แต่ต้องดูเวลาการประกาศจากทางการของรัฐบาลอีกด้วย ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพื่อที่จะไม่ให้ประชาชน และภาครัฐไม่ต้องได้รับผลกระทบต่อเศรษฐกิจที่มากเกินไป
ทางด้านนายสมชัย สัจจพงษ์ ทำหน้าที่ปลัดกระทรวงการคลัง ซึ่งก็ทำหน้าที่ในฐานะประธานคณะกรรมการปฏิรูปภาษีนั้นได้กล่าวเอาไว้ว่า นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้มีการสั่งให้เสนอแผนปฏิรูปภาษีทั้งหมดที่จะมีการเปลี่ยนแปลง และจะมีการจัดเก็บเพิ่มเติมให้ดำเนินการเสร็จสิ้น แล้วส่งยื่นภายในเดือนธันวาคมนี้ 2558 ซึ่งในการเสนอจะมีรายละเอียดของภาษีต่างๆ ที่จะดำเนินการภายในปีหน้าทั้งหมด โดยการเปลี่ยนแปลงใดๆ นั้นจะมีการกำหนดเวลาอย่างชัดเจน โดยจะต้องมีการพิจารณาเพื่อให้การเสนอนั้นผ่านเสียก่อน หลังจากที่การยื่นรายละเอียดเสร็จสิ้น และมีผ่านการพิจารณานั้นก็จะให้มีผลบังคับใช้อย่างเหมาะสม เพื่อไม่ให้มีผลกระทบกับผู้ที่เกี่ยวข้อง และเศรษฐกิจ
ในการยื่นข้อเสนอการเก็บภาษีให้พิจารณานั้น ประกอบไปด้วยสาระสำคัญที่จะเสนอจะเก็บ ภาษีบ้านและที่ดิน และสิ่งปลูกสร้างซึ่งกรมสรรพากรจะเป็นผู้ดำเนินการรับผิดชอบในส่วนนี้ ส่วนกรมสรรพสามิตจะรับผิดชอบในเรื่องของการเก็บภาษีสิ่งแวดล้อม แต่ขณะเดียวกันก็จะมีการยกเลิกจัดเก็บภาษีบางตัวที่ไม่จำเป็นออกไป เพื่อลดภาระการทำงานของเจ้าหน้าที่ นอกจากนี้จะลดภาษีบุคคลธรรมดาให้น้อยลง โดยปรับลดอัตราจัดเก็บจากสูงสุดที่ 35% ให้ลดลง เพื่อเป็นการจูงใจให้ผู้เสียภาษีนำตัวเองเข้ามาในระบบการจ่ายภาษีที่ถูกต้องตามกฎหมาย รวมทั้งจะมีการเพิ่มหักลดหย่อนค่าใช้จ่ายจาก 40% ของรายได้ สำหรับคนที่มีรายได้ไม่เกิน 6 หมื่นบาทให้มากขึ้นจากเดิมอีกด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตามเข้าหน้าที่ของทางฝ่ายยื่นเสนอแผนการภาษีในปี 2559 นั้นจะพิจารณาความเป็นไปได้ และความเหมาะสมของการจัดเก็บภาษีที่จะมีการเก็บเพิ่ม และลดลงอย่างเข้มงวด ในการหักลดหย่อนภาษีเองก็จะมีการพิจารณาที่ต้องใช้ความระมัดระวังเข้มงวดมาเป็นพิเศษเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะเรื่องการบริจาคเงินแล้วสามารถนำมาผ่อนผันการจ่ายภาษีนั้นกำลังจะพิจารณาว่าควรมีอยู่ต่อไปหรือไม่ เพราะมีการพบว่าคนบางส่วนนั้นไม่ได้มีการบริจาคเงินจริง แต่กลับนำมาหักลดหย่อนภาษีกับทางรัฐบาล ซึ่งนั่นเป็นการที่ทำให้รัฐสูญเสียรายได้ ถ้าหากว่าจะต้องให้หักค่าบริจาคต่อไป ทางกรมสรรพากรก็จะต้องตรวจสอบได้ว่าผู้นำมาขอลดหย่อนภาษีจากการบริจาคนั้นมีการบริจาคเงินให้กับการกุศลจริง
นอกจากนี้ฝ่ายร่างข้อเสนอก็จะมีการปฏิรูปภาษีที่จะเสนอให้ปรับปรุงประสิทธิภาพการจัดเก็บอีกด้วย โดยให้ประชาชนที่มีการจดทะเบียนพาณิชย์ในฐานะนิติบุคคลทำบัญชีเดียวขึ้นมาเพื่อให้ทางรัฐสามารถเก็บภาษีได้ทันที เริ่มจะมีการดำเนินการระบบใช้จ่ายผ่านอิเล็กทรอนิกส์ หรือที่เรารู้จักกันก็คือ E-payment ซึ่งวิธีการที่ทางรัฐบาลสามารถหักการเสียภาษีได้จากบัญชีทันที รวมถึงจะมีการติดตามจัดเก็บภาษีจากการผู้ที่ทำการซื้อขายสินค้าออนไลน์ด้วยเช่นกัน ซึ่งทางกรมสรรพากร และกรมศุลกากรจะต้องมีการร่วมมือกันในการทำหน้าที่ตรงนี้ถ้าหากว่ามีการนำเข้าสินค้าเข้ามาจากต่างประเทศ และจะต้องมีการดูแลจัดเก็บภาษีนำเข้าส่วนนี้ให้ได้ และทางกรมสรรพากรเองก็จะมีการดูแลลูกค้าออนไลน์ในประเทศที่มีการซื้อขายสินค้าออนไลน์เพื่อให้มีการจัดเก็บภาษีอีกด้วย
โดยแผนการปฏิรูปภาษีในปี 2559 ที่ทางเจ้าหน้าที่กำลังดำเนินการอยู่นั้นจะช่วยให้เกิดความเป็นธรรมกับผู้เสียภาษีมากขึ้น และเพื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพความสามารถของประเทศไทยให้มีรายได้พอต่อค่าใช้จ่าย อีกทั้งยังเป็นการรองรับเศรษฐกิจในอนาคต และทางเจ้าหน้าที่ก็ได้กล่าวว่างบประมาณในปี 2559 ที่วงเงิน 2.35 ล้านบาทนี้ เป็นจำนวนเงินที่เป็นรายได้จากการเก็บภาษี 90% ที่จะสามารถเป็นไปตามเป้าหมายได้ และส่วนหนึ่งก็จะมาจากการประมาณการสร้าง 4G โดยเป็นเงินประมาณ 8 หมื่นล้านบาท ซึ่งการเก็บภาษีบ้านที่ดินนี้ อาจจะทำให้ประชาชนต้องจ่ายภาษีเพิ่มมากกว่าเดิมก็จริง แต่ก็เป็นการทำให้เศรษฐกิจของไทยดีขึ้น ฟื้นตัวขึ้นได้อย่างรวดเร็ว และจะส่งผลดีต่อประชาชนชาวไทยต่อไป
ส่วนจะเป็นภาษีกี่บาทนั้น ก็ต้องรอดูกันต่อไป เมื่อแผนนี้ถูกเปิดใช้ในปี 2559 นั่นเอง แต่อย่างไร ณ ตอนนี้ก็อย่าลืมเตรียมตัวที่จะเสียภาษีในอนาคตที่จะมาถึงนี้กันด้วย นอกจากนี้ยังมีแนวโน้มที่จัจัดทำแผนการเก็บภาษีเพิ่มขึ้นอีกหลายแผน ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการฟื้นฟูเศรศฐกิจไทยอย่างรวดเร็ว ด้วยการนำเงินภาษีของประชาชนจากภาษีต่างๆ เพื่อเข้ามาหมุนเวียนในคลังนั่นเอง