ในชีวิตคนเราการได้มีบ้านสักหลังเป็นของตัวเอง มันคือความฝันอันยิ่งใหญ่จริงไหมคะ ยิ่งเป็นมนุษย์เงินเดือนที่ไม่ได้มีสมบัติตกทอดมากมายมาจากไหน ยิ่งเรียกว่าเหนื่อยคูณสอง เพราะราคาบ้านในปัจจุบันไม่ใช่ถูกๆ เอาแบบราคาขั้นต่ำเลยก็น่าจะเป็นล้านขึ้นไป ซึ่งทางออกของการมีบ้านของหลายคนก็คือ “การขอสินเชื่อบ้าน” ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย ต้องวิ่งกันแล้ววิ่งกันอีกฝุ่นตลบเลยทีเดียว แต่พอได้มาแล้วอย่าพึ่งคิดว่าสวรรค์มาโปรด โล่งแล้ว! อะไรประมาณนี้ เพราะดอกเบี้ยบ้านมันบานสุดๆ ทำไปทำมามันจะเท่าราคาบ้านได้เลยกว่าจะผ่อนหมด คิดแล้วคิดอีกยังไงก็แพง ดังนั้นก่อนจะขอสินเชื่อต้องหาความรู้และเลือกที่ดอกเบี้ยน้อยที่สุด เอาเป็นว่ามาดูรายละเอียดกันก่อนดีกว่า
อัตราดอกเบี้ยเงินกู้บ้าน
- เงินกู้อัตราดอกเบี้ยคงที่ หรือ Fixed rate loan
เงินกู้แบบนี้คิดง่ายๆก็คือไม่ว่าสถานการณ์บ้านเมืองจะเป็นอย่างไร เศรษฐกิจจะดีหรือไม่ดี ค่าเงินบาทจะเป็นอย่างไร อัตราดอกเบี้ยก็ยังจะคงที่ตลอดระยะเวลาที่กู้ ดังนั้นเงินค่างวดที่ชำระในแต่ละเดือนก็จะเท่ากันไปตลอดนั่นเอง
- เงินกู้อัตราดอกเบี้ยลอยตัว หรือ Floating rate loan
การคิดดอกเบี้ยเงินกู้แบบนี้เรียกได้ว่า แล้วแต่สถานการณ์ของทางธนาคารเลย บางครั้งอาจปรับขึ้น บางครั้งอาจปรับลง หรือจะไม่ปรับเลยในปีนั้นก็ได้ ไม่มีใครรู้ล่วงหน้า ซึ่งก็แน่นอนว่าการปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยนี้จะส่งกระทบต่อยอดส่งค่างวดในแต่ละเดือนแน่นอน
- เงินกู้อัตราดอกเบี้ยคงที่ระยะหนึ่งและปรับเป็นคงที่ใหม่ทุกรอบเวลา หรือ Rollover Mortgage Loan
อัตราเงินกู้แบบนี้ อาจคิดอัตราดอกเบี้ยในช่วงหนึ่ง เช่น 3 ปี 5 ปี แต่หลังจากนั้นก็ปรับเป็นคงที่ใหม่ทุกรอบ 3 หรือ 5 ปี ตลอดระยะเวลาการ 25-30 ปี ดังนั้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้แต่ละช่วงจึงอิงกับต้นทุนพันธบัตรที่บวก 2.5% เช่น ถ้าต้นทุนพันธบัตรอยู่ที่ 5% อัตราดอกเบี้ยเงินกู้จะเท่ากับ 7.5% เป็นต้น
วิธีรับมือดอกเบี้ยบ้าน
- ประเมินความสามารถของตัวเอง
ก่อนขอสินเชื่อบ้านต้องดูสถานะทางการเงินของตัวเองก่อน โดยมีวิธีคิดง่ายๆคือ ค่าใช้จ่ายในการผ่อนบ้านที่เหมาะสมต้องไม่เกิน 30% ของรายได้ แต่ถ้าไม่มีภาระก็เพิ่มเป็น 50% ได้เลย หรือคิดง่ายๆ คือ
- บ้าน 1 ล้านบาท เราจะผ่อนประมาณ 7,000 ควรมีรายได้สุทธิ 15,000 ขึ้นไป
- บ้าน 2 ล้านบาท เราจะผ่อนประมาณ 14,000 ควรมีรายได้สุทธิ 28,000 ขึ้นไป
- บ้าน 3 ล้านบาท เราจะผ่อนประมาณ 21,000 ควรมีรายได้สุทธิ 42,000 ขึ้นไป
ยังไงก็ควรคำนวนให้ดี เพราะหากมีเหตุทำให้ขาดส่งค่างวดขึ้นมาบอกเลยว่าดอกเบี้ยนี่จุกเลย ธนาคารเขาคิดดอกเบี้ยเป็นวันนะคะ
- รีไฟแนนซ์บ้าน
การรีไฟแนนซ์บ้าน ส่วนใหญ่จะทำกันตอนที่เราผ่อนบ้านครบช่วงดอกเบี้ยโปรโมชั่นแล้ว จึงย้ายธนาคารเพื่อให้ได้อัตราดอกเบี้ยที่ใหม่ต่ำกว่าเดิม ซึ่งจะสามารถลดเงินต้นได้เร็วขึ้น หรือได้เงินส่วนต่างเพื่อนำไปใช้จ่ายอย่างอื่นได้ ซึ่งโดยทั่วไปดอกเบี้ยโปรโมชั่น อาจจะอยู่ที่ 1 หรือ 3 ปี จากนั้นอัตราดอกเบี้ยมักเป็นแบบลอยตัว (MLR) ดังนั้นหากต้องการจะรีไฟแนนซ์ก็อย่าลืมเปรียบเทียบที่ใหม่กับที่เก่าว่าดอกเบี้ยที่ไหนถูกกว่ากัน หากคิดว่าคุ้มค่าก็ตัดสินใจรีไฟแนนซ์ได้เลย
- ใช้เทคนิค ผ่อนบ้านให้หมดไว
– ชำระเกินทุกงวด วิธีการนี้สามารถลดดอกเบี้ยได้มากพอสมควรเลยทีเดียว ซึ่งวิธีการก็คือ ให้ผ่อนค่างวดเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนเท่า ๆ กันในแต่ละเดือน เช่นเคยผ่อนเดือนละ 10,000 บาท ก็ให้เพิ่มอีก 10% หรือ 1,000 บาท นั่นคือผ่อนเดือนละ 11,000 บาท ซึ่งวิธีนี้จะทำให้สามารถลดปีผ่อนลง และดอกเบี้ยถูกลงหลายแสนเลยทีเดียว อยากให้หนี้สินบ้านหมดเร็วๆ ก็ขยันชำระเกินกำหนดทุกๆงวดนะจ๊ะ
– ชำระค่างวดเป็นสองเท่า วิธีนี้ก็คล้ายๆกับวิธีแรก แต่จะส่งมากขึ้นไปอีกเพื่อให้หนี้บ้านหลุดเร็วๆจะผ่อนระยะสั้นกว่าเยอะ แถมเสียดอกให้ธนาคารน้อยกว่ามาก โดยมีวิธีการคิดง่ายๆคือ ผ่อนล้านละ 12,000 บาท แทนที่จะ ผ่อนล้านละ 7,000 บาท นั่นคือ
- เงินกู้ 1 ล้านบาท ผ่อน 12,000
- กู้ 2 ล้านบาท ผ่อน 24,000
- กู้ 3 ล้านบาท ผ่อน 36,000
– ผ่อนชำระเพิ่มเป็น 13 เดือน นั่นคือในเดือนธันวาคมของทุกปีให้ส่งยอดเบิ้ล 2 เดือน นั่นคือเคยส่ง 10,000 บาทก็ส่ง 20,000 บาท (อย่าลืมบอกเจ้าหน้าที่ไว้ด้วย ว่าผ่อนบ้านเพิ่ม) แค่นี้ก็ปีที่ผ่อนก็จะลดลง ดอกเบี้ยก็จะลดลงตามไปด้วย เช่นกัน
– โปะเพิ่มปีละครั้งด้วยเงินก้อน เช่น นำเงินออม 10,000 บาทมาโปะบ้าน เมื่อคำนวณแล้วยอดดอกเบี้ยรวมจะลดลงเป็นแสนเลยทีเดียว ดังนั้นมีวินัยพยายามโปะบ้านทุกปี ลดดอกเบี้ยได้มหาศาลเลยทีเดียว ใครที่พอจะหาเงินมาโป๊ะบ้านได้ไหว ก็รีบๆ โป๊ะให้หนิ้สินหมดเร็วๆจะดีกว่านะ
อ่านเพิ่มเติม : แนะนำ โปรแกรมคำนวณค่าผ่อนบ้านฉบับ Excel
จะเห็นว่ามีวิธีการที่สามารถลดดอกเบี้ยบ้านและลดจำนวนปีลงมาหลายวิธี ยังไงก็ลองวางแผนบริหารการเงินกันดู เพราะบอกตามตรงเสียดายเงินตรงนี้มาก คือออกรถใหม่หรือสร้างบ้านหลังย่อมๆอีกหลังได้เลย และเมื่อส่งบ้านหมดเร็วก็จะทำให้มีอิสรภาพทางการเงินมากขึ้น มีเงินเหลือใช้จ่ายในครอบครัวมากขึ้น สบายไปเลยล่ะทีนี้!!