มีลูก 1 คน ต้องใช้เงินเท่าไหร่ มีค่าใช้จ่ายอะไรบ้างที่ต้องรู้
หนึ่งในปัญหาใหญ่ของสังคมไทย ก็คือเตรียมเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มตัวในอนาคตอันใกล้นี้ เนื่องจากอัตราเด็กแรกเกิดลดน้อยลงอย่างต่อเนื่อง หลายครอบครัวเลือกจะไม่มีลูก หรือมีแค่คนเดียว ทั้งจากสภาพเศรษฐกิจ การแข่งขันในสังคม ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ไปจนถึงสวัสดิการของรัฐที่ไม่เอื้อให้คนรายได้น้อยสามารถเลี้ยงลูกได้อย่างมีคุณภาพ สำหรับใครที่ตัดสินใจแล้วว่าอยากจะมีลูก หรือกำลังตั้งครรภ์อยู่ ก็จำเป็นต้องวางแผนการเงินให้ดี วันนี้เราจะพามาดูกันว่า มีลูก 1 คนต้องใช้เงินเท่าไหร่ มีค่าใช้จ่ายอะไรบ้างที่ควรรู้ เพื่อให้ลูกมีคุณภาพชีวิตที่ดี พ่อแม่ไม่ขาดสภาพคล่อง มีเงินก้อนยามจำเป็น เพื่อความมั่นใจก่อนสร้างครอบครัว
เจาะลึกค่าใช้จ่าย มีลูก 1 คน ต้องใช้เงินเท่าไหร่
ช่วงที่ 1 : ค่าใช้จ่ายช่วงตั้งครรภ์-คลอด
เป็นค่าใช้จ่าย ก้อนแรกของการมีลูก โดยจะมีค่าใช้จ่าย ในการบำรุงครรภ์เป็นส่วนใหญ่ เช่น ค่าตรวจครรภ์ค่าฝากครรภ์ ค่ายาและค่าพยาบาล เป็นต้น
- ค่าฝากครรภ์ (ฝากท้อง) : เฉลี่ย 1,500 – 2,000 บาท/เดือน
- ค่าทำคลอด : เฉลี่ย 30,000 – 100,000 บาท (ขึ้นอยู่กับโรงพยาบาล)
ช่วงที่ 2 : ค่าใช้จ่ายช่วงแรกเกิด
ค่าใช้จ่าย หลังคลอดลูกแล้วก็ จะเป็นเรื่องของ ค่าวัคซีน ค่านม ค่าอุปกรณ์ดูแลเด็กแรกเกิด ค่าของเล่น รวมไปถึงของเสริมพัฒนาการต่างๆ
- ค่าวัคซีนป้องกันโรค : เฉลี่ย ครั้งละ 500 – 1,000 บาท
- ค่านมและอาหาร : เฉลี่ย 3,000 – 5,000 บาท/เดือน
- ค่าอุปกรณ์เลี้ยงเด็กและอื่นๆ : เฉลี่ย 5,000 บาทขึ้นไป
ช่วงที่ 3 : ค่าใช้จ่ายในการเล่าเรียน
เมื่อลูกโตขึ้นมาหน่อย ก็จะมีค่าเทอม ในช่วงอนุบาลจนจบชั้นประถมนั้น ตรงนี้ควรวางแผนระยะยาวไปเลย โดยลูกของเราต้องเรียนอย่างน้อย 9 ปี ตั้งแต่ชั้นเตรียมอนุบาลจนถึงมัธยมปลาย หากเรียนโรงเรียนรัฐบาลก็จะไม่มากเท่าไร แต่ถ้าลูกของเราจำเป็นต้องเรียนโรงเรียนเอกชน
- ระดับอนุบาลถึงประถม (โรงเรียนรัฐบาล) : เฉลี่ย 20,000-50,000 บาท
- ระดับมัธยม (โรงเรียนรัฐบาล) : เฉลี่ย 50,000-60,000 บาท
- ระดับปริญญาตรี (โรงเรียนรัฐบาล) : เฉลี่ย 40,000-60,000 บาท
ช่วงที่ 4 : ค่าใช้จ่ายด้านอื่น ๆ
เช่น ค่ากิจกรรม ค่าเรียนหลักสูตรเสริมต่างๆ เดินทางท่องเที่ยว ของเล่นลูก ค่ายานพาหนะ เป็นต้น ค่าใช้จ่ายในส่วนนี้งค่อนข้างกว้าง ขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ของแต่ละครอบครัว ภายในระยะเวลา 10 ปี เฉลี่ยอยู่ที่ 500,000 – 1,000,000 บาท
4 ขั้นตอนวางแผนการเงินเพื่อลูก
1.วางแผนการมีลูก
คือการตั้งเป้าหมายก่อนว่าเราอยากมีลูกทั้งหมดกี่คน แต่ละคนจะห่างกันกี่ปี เพราะต้องยอมรับว่ามีลูกน้อยก็มีค่าใช้จ่ายน้อย มีลูกเยอะก็ค่าใช้จ่ายเยอะขึ้น หากมีลูกมากกว่า 1 คนในระยะเวลาติด ๆ กันมากเกินไป ก็อาจจะหารายได้ได้ไม่ทัน จนทำให้ตัวพ่อแม่ต้องขาดสภาพคล่อง และลูกอาจจะไม่มีคุณภาพชีวิตที่ดีเท่าที่ควร เพราะฉะนั้นต้องพิจารณาความพร้อมที่จะเลี้ยงของเราก่อน
2.ประเมินค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงลูก
อย่างที่เราแจกแจงมาข้างต้นการเลี้ยงลูกคนหนึ่งจนจบปริญญาตรี และสามารถดูแลตัวเองได้นั้นใช้เงินค่อนข้างเยอะ ในช่วงวัยเด็กอาจจะไม่ได้ใช้เงินมากนัก แต่เมื่อลูกโตขึ้นเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นก็จะมีค่าใช้จ่ายที่คาดไม่ถึงตามมา นอกจากค่าใช้จ่ายในการเล่าเรียนที่สูงขึ้น นอกจากนี้ ยังควรมีเงินสำรองในกรณีที่ลูกมีการเจ็บป่วยหรือเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝันด้วย
3.ลงทุนหรือทำประกันไว้ให้ลูก
พ่อแม่ควรวางแผน การลงทุน ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ไว้ให้ลูก อาจจะเริ่มจากการออมเงินทุกเดือนในบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ไว้ให้ลูก ในระยะต่อมาว่าจะเริ่มมองหาการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนชนะเงินเฟ้ออย่างกองทุนรวมหรือหุ้น ที่สำคัญแนะนำให้ทำประกันสุขภาพหรือประกันชีวิตไว้ให้ลูกด้วย เพราะเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันลูกจะได้มีเงินก้อนไว้ดูแลตัวเองได้
4.ปรับเปลี่ยนแผนการเงินตามความเหมาะสม
เพราะแผนการเงินที่เราวางไว้ตั้งแต่ต้นอาจจะไม่สามารถสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันได้อย่างดีตลอดไป แนะนำให้ ทบทวนแผนการเงิน ทุกๆ 6 เดือนหรือ 1 ปี โดยเฉพาะ การลงทุนไว้ให้ลูกควรมีการปรับพอร์ต ให้เหมาะสมตามสภาวะตลาด ก็จะช่วยให้มีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่มากขึ้น ทำให้มีเงินเก็บเพิ่มมากขึ้นให้กับลูกด้วย
จากข้อมูลข้างต้น คงจะพอเห็นภาพแล้วว่ามีลูก 1 คนต้องใช้เงินไปกับอะไรบ้าง มีค่าใช้จ่ายอะไรที่จำเป็น ซึ่งต้องบอกเลยว่าการเลี้ยงลูกตั้งแต่แรกเกิดจนเรียนจบนับเป็นค่าใช้จ่าย ที่มหาศาล ยิ่งถ้าหากลูกเรียนโรงเรียนเอกชน ค่าใช้จ่ายกับตัวเองเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว เพราะฉะนั้นก่อนจะมีลูกแนะนำให้วางแผนการเงินให้ดีให้มั่นใจ เพื่อให้ไม่ลำบากจนเกินไป และให้ลูกมีคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุด