เงินสำรองฉุกเฉิน เท่าไหร่ ถึงจะพอ เริ่มวางแผนการเงินวันนี้
ในยุคปัจจุบัน การวางแผนการเงินเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นคนทำงานประจำ คนทำธุรกิจ หรือแม้แต่คนที่กำลังมองหาการลงทุน การมีเงินสำรอง เงินก้อนฉุกเฉินเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก เพราะเหตุการณ์ฉุกเฉินอาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ไม่ว่าจะเป็นการเจ็บป่วย สูญเสียงาน หรือแม้แต่การเกิดภัยพิบัติ ดังนั้นการวางแผนการเงินด้วยการเริ่มต้นออมเงินสำรองฉุกเฉิน จึงเป็นเรื่องสำคัญ แล้ว เงินสำรองฉุกเฉิน เท่าไหร่ ถึงจะพอ เริ่มเก็บยังไงดี สำหรับใครที่กำลังมองหาแนวทางการเก็บเงินออมสำหรับฉุกเฉิน เราจะมาดูกันในบทความนี้
เงินสำรองฉุกเฉินคืออะไร ทำไมถึงสำคัญ
เงินสำรองฉุกเฉิน หมายถึง เงินที่เก็บไว้เผื่อใช้จ่ายในกรณีฉุกเฉิน เปรียบเสมือนที่พึ่งทางการเงิน ช่วยให้เรามีเงินเพียงพอใช้จ่ายโดยไม่ต้องกังวล ตัวอย่างเหตุการณ์ฉุกเฉิน เช่น ป่วยหนัก เสียงาน รายได้ขาดหาย หรือเผชิญเหตุการณ์ไม่คาดฝัน การมีเงินก้อนนี้จึงช่วยให้เราอุ่นใจและมั่นคงมากกว่า
เงินสำรองฉุกเฉิน เท่าไหร่ ถึงจะพอ?
จำนวนเงินสำรองฉุกเฉินที่เหมาะสม ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ โดยทั่วไป แนะนำให้มีเงินสำรองฉุกเฉิน อย่างน้อย 3-6 เท่าของค่าใช้จ่ายรายเดือน หรือถ้าหากมีรายจ่ายมากกว่านั้น อาจจะต้องมองหาวิธีเพิ่มรายได้เสริม เพื่อเพิ่มความมั่นคงทางการเงิน และช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายได้ ซึ่งเหตุการณ์ที่จำเป็นสำหรับการใช้เงินออมสำรองฉุกเฉิน เช่น
- การเจ็บป่วยหรืออุบัติเหตุ: ค่ารักษาพยาบาลอาจสูงเกินกว่าที่เราจะแบกรับได้
- การสูญเสียงาน: รายได้หลักขาดหายไป ส่งผลต่อค่าใช้จ่ายประจำวัน
- ภัยธรรมชาติ: บ้านหรือทรัพย์สินเสียหาย ต้องการเงินซ่อมแซมหรือซื้อใหม่
- ปัญหาครอบครัว: เหตุการณ์ฉุกเฉินในครอบครัว เช่น การเสียชีวิต ต้องการเงินช่วยเหลือ
- ปัญหาบ้าน: เครื่องใช้ไฟฟ้าหรืออุปกรณ์สำคัญเสียหาย ต้องการเงินซ่อมแซมหรือซื้อใหม่
- เหตุการณ์อื่นๆ: เหตุการณ์ที่เราไม่สามารถคาดการณ์ล่วงหน้า เช่น การระบาดของโรคภัยไข้เจ็บ
ตัวอย่างการคำนวณเงินสำรองฉุกเฉิน
ปัจจัยที่ต้องพิจารณาในการคำนวณเงินสำรองฉุกเฉิน:
- คำนวณค่าใช้จ่ายต่อเดือน: รวมค่าใช้จ่ายประจำเดือนทั้งหมด
- กำหนดระยะเวลาที่ต้องการสำรองเงิน: โดยทั่วไป แนะนำให้มีเงินสำรองฉุกเฉิน อย่างน้อย 3-6 เท่าของค่าใช้จ่ายรายเดือน
- คำนวณจำนวนเงินสำรองฉุกเฉิน: ค่าใช้จ่ายต่อเดือน x ระยะเวลาที่ต้องการสำรองเงิน
กรณีโสด:
- ค่าใช้จ่ายรายเดือน: 10,000 บาท
- ระยะเวลาที่ต้องการสำรองเงิน: 3 เดือน
- เงินสำรองฉุกเฉิน: 10,000 บาท x 3 = 30,000 บาท
กรณีมีครอบครัว:
- ค่าใช้จ่ายรายเดือน: 20,000 บาท
- ระยะเวลาที่ต้องการสำรองเงิน: 6 เดือน
- เงินสำรองฉุกเฉิน: 20,000 บาท x 6 = 120,000 บาท
ข้อดีของการมีเงินสำรองฉุกเฉิน
- ลดความเครียด: ยามเผชิญเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น ป่วยหนัก เสียงาน รายได้ขาดหาย เงินสำรองฉุกเฉิน เปรียบเสมือนเพื่อนร่วมทาง ช่วยให้เรามีเงินเพียงพอใช้จ่ายโดยไม่ต้องกังวล
- รักษาสภาพคล่องทางการเงิน: การมีเงินสำรองฉุกเฉิน ช่วยให้เรามีเงินหมุนเวียน ยามเผชิญเหตุการณ์ฉุกเฉิน โดยไม่ต้องกู้ยืมเงินหรือขายทรัพย์สินเพื่อนำมาใช้จ่าย ส่งผลเสียต่อสภาพการเงินในระยะยาว
- วางแผนอนาคตได้อย่างมั่นใจ: การมีเงินสำรองฉุกเฉิน ช่วยให้เรามุ่งสู่เป้าหมายทางการเงินได้อย่างมั่นใจ โดยไม่ต้องกังวลว่าเงินจะหมดกลางคัน ยามเผชิญเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
- ช่วยให้ผ่านพ้นวิกฤตได้อย่างราบรื่น: เงินสำรองฉุกเฉิน เปรียบเสมือนเรือชูชีพ ช่วยให้เราผ่านพ้นวิกฤตทางการเงินได้อย่างราบรื่น โดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายที่จำเป็น
- สร้างความมั่นคงทางอารมณ์: การมีเงินสำรองฉุกเฉิน ช่วยให้เรารู้สึกมั่นคงทางอารมณ์ ลดความเครียดและความกังวล ช่วยให้เผชิญปัญหาได้อย่างมีสติ
- เพิ่มโอกาสในการคว้าโอกาส: เงินสำรองฉุกเฉิน ช่วยให้เรามีความคล่องตัว คว้าโอกาสทางการเงิน เช่น ลงทุนในธุรกิจใหม่ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องเงินทุน
- ช่วยให้ตัดสินใจได้อย่างมีอิสระ: การมีเงินสำรองฉุกเฉิน ช่วยให้เรามีอิสระทางการเงิน ตัดสินใจเลือกสิ่งที่เราต้องการ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องเงิน
- ช่วยให้ประหยัดเงินในระยะยาว: การมีเงินสำรองฉุกเฉิน ช่วยให้เราหลีกเลี่ยงการกู้ยืมเงินฉุกเฉิน ซึ่งมักมาพร้อมกับดอกเบี้ยที่สูง ส่งผลให้เสียเปรียบทางการเงินในระยะยาว
- ช่วยให้บรรลุเป้าหมายทางการเงินได้เร็วขึ้น: การมีเงินสำรองฉุกเฉิน ช่วยให้เราสามารถออมเงินและลงทุนได้อย่างมั่นใจ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องเงินฉุกเฉิน ส่งผลให้บรรลุเป้าหมายทางการเงินได้เร็วขึ้น
- ช่วยให้มีความสุขมากขึ้น: การมีเงินสำรองฉุกเฉิน ช่วยให้เรามีความสุขมากขึ้น ลดความเครียดและความกังวล ส่งผลดีต่อสุขภาพกายและสุขภาพใจ
การมีเงินสำรองฉุกเฉิน ช่วยให้เราสามารถวางแผนทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ป้องกันการเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ทำให้เรารู้สึกอุ่นใจและใช้ชีวิตได้อย่างอิสระ อย่างไรก็ตาม เราควรพิจารณาถึงปัจจัยอื่น ๆ เพื่อสร้างความมั่นคงทางการเงิน เช่น การลดการสร้างหนี้ที่ไม่จำเป็น การสมัครประกันสุขภาพหรือประกันอุบัติเหตุ การลงทุนในระดับที่รับความเสี่ยงได้ เป็นต้น