คุณเชื่อหรือไม่ว่าจิตใต้สำนึกของเรามีพลังมากพอดึงดูดทุกสิ่งให้เป็นไปอย่างใจหวัง ดังคำที่ว่าจะสุข หรือทุกข์ล้วนขึ้นอยู่ที่ใจของเราเอง ความรู้สึกเป็นสุขย่อมเริ่มต้นจาก เปลี่ยนความคิด แง่บวก (Positive thinking) การบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งความหวัง ความเบิกบาน และความรู้สึกพอใจให้กับตัวเองอยู่เสมอ ๆ จิตจึงได้รับพลังในทางบวกอย่างเปี่ยมล้น พลังแห่งจิตที่เป็นสุขจะสะท้อนรังสีอยู่รอบตัวเราเพื่อดึงดูดสิ่งที่ใจปรารถนาให้เป็นจริงที่ละเล็กทีละน้อย จนในที่สุดอาจเปลี่ยนชีวิตเราไปเลยก็ได้
คำกล่าวข้างต้นดูเป็นเรื่องซับซ้อนเข้าใจยากหลายคนอาจมองเป็นเรื่องเพ้อเจ้อ การดึงพลังจิตใต้สำนึกมาใช้ไม่เหมือนการขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างที่เราเข้าใจ ความปรารถนา (Passion)ของมนุษย์ทุกคนมีมากมายนานับประการ หากขอพรแล้วเป็นจริงได้เพียงหนึ่งข้อเชื่อว่าคำตอบในใจของคุณคงไม่ต่างกันนั่นคือ “ความร่ำรวย” ใครใครก็อยากรวย แม้ความรวยจะไม่ใช่คำตอบของชีวิต เงินตราไม่สามารถซื้อทุกสิ่งทุกอย่างได้ แต่กุญแจดอกสำคัญเปิดโอกาสให้คุณทำในสิ่งอื่น ๆ ได้อย่างมากมาย หนึ่งในปัจจัยทำให้ทุกสิ่งสำเร็จได้นั่นคือ เงิน
อ่านเพิ่มเติม >> อุ อา กะ สะ คาถาเศรษฐี <<
ประตูบานแรก คุณควรทำความรู้จักจิตของตัวเองให้มากขึ้นเสียก่อน
ซิกมันด์ ฟรอยด์ (Sigmund Freud) จิตแพทย์ผู้เลื่องชื่อได้อธิบายเกี่ยวกับจิตใจของมนุษย์ว่าแบ่งเป็น ระดับจิตสำนึก (Conscious mind) หมายถึง ภาวะที่รู้ตัวว่ากำลังทำอะไรต้องการสิ่งใด มักเกี่ยวโยงกับสัมผัสทั้ง 5 ได้แก่ ตา หู จมูก ลิ้น และกาย ส่วนระดับจิตใต้สำนึก (Unconscious mind) หมายถึง ภาวะจิตที่ไม่รู้ตัวคือการบันทึกในส่วนที่เกี่ยวข้องกับความรู้สึกอารมณ์ต่าง ๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ฝังลึกภายในจิตใจบางคนอาจเก็บกดเอาไว้ไม่แสดงออก เป็นภาวะจิตที่เราควบคุมตัวเองไม่ได้ แต่กลับมีอิทธิพลอย่างมากต่อการสร้างบุคลิกภาพในระยะยาว โดยแสดงออกมาในรูปของพฤติกรรมและการดำเนินชีวิตเมื่อเรามีอายุมากขึ้น
เดิมทีจิตใต้สำนึกล้วนว่างเปล่าปราศจากสิ่งใด ๆ ทั้งความคิดแง่บวกและแง่ลบ การสะท้อนความรู้สึกลงสู่จิตใต้สำนึกเกิดขึ้นโดยที่เราไม่ตั้งใจและไม่รู้ตัว เปรียบเหมือนการใส่ของทีละชิ้นลงในกล่องแห่งจิต ของที่ดีก็เหมือนการกักตุนความคิดแง่บวกเอาไว้เมื่อถึงจุดหนึ่งที่พลังมีมากพอจิตจะดึงความคิดแง่บวกมาใช้ให้เกิดประโยชน์และเปี่ยมด้วยพลังมหาศาลอย่างคาดไม่ถึง เช่นเดียวกับความคิดแง่ลบเหมือนการใส่ของไม่ดีเก็บเอาไว้ ยิ่งมีมากยิ่งเป็นตัวดึงดูดสิ่งไม่ดีให้เกิดขึ้นได้มากเช่นกัน ความน่ากลัวของความคิดแง่ลบคือมันจะส่งผลร้ายเป็นเท่าทวีคูณมากกว่าความคิดแง่บวก
ความน่าทึ่งของพลังจิตเป็นที่ประจักษ์ผ่านการสาธิตอันโด่งดังที่เรียกว่า “การใช้กระดาษตัดดินสอ” คุณอาจโต้แย้งว่าเป็นไปไม่ได้ แต่นี่คือการฝึกจิตใต้สำนึกที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายและถูกนำมาใช้กับสถาบันฝึกพลังจิตทั่วโลก วิธีการเริ่มจากการนำกระดาษแผ่นบางมาถือในมือข้างที่คุณถนัดและถือดินสอไว้ในมือข้างที่ไม่ถนัด รวบรวมสมาธิโดยบอกกับตัวเองว่าเราทำได้ จินตนาการว่าดินสอคือถั่วฝักยาวและกระดาษคือมีดที่คมที่สุดในโลก ต่อไปจินตนาการภาพที่ชัดเจนในหัวว่าถั่วฝักยาวถูกตัดขาดไปแล้วจากนั้นก็ตัดลงไป เมื่อทำตามวิธีนี้ปรากฏว่าผู้เข้าอบรมสามารถตัดดินสอให้หักเป็นสองท่อนได้ นี่คือพลังเร้นลับของจิตใต้สำนึกที่น้อยคนจะล่วงรู้และดึงออกมาใช้ได้
วิธีการปลูกฝังจิตใต้สำนึกเพื่อนำไปสู่ความร่ำรวยเป็น How-to ยอดนิยมบนชั้นหนังสือขายดี นักจิตวิทยาทั่วโลกเปิดเผยความลับนี้มาหลายปีแล้ว ทว่าเป็นเรื่องที่ซับซ้อนและต้องอาศัยการฝึกฝนในทุกห้วงขณะจิต ในโลกแห่งความจริงคนร่ำรวย คนโชคดี หรือคนเรียนหนังสือเก่งมักถูกเห็นภาพจากภายนอกว่าความสำเร็จของพวกเขาเกิดขึ้นซ้ำ ๆ ราวกับว่ามีคาถาวิเศษเรียกโชคลาภ เงินทอง หรือชื่อเสียงได้ดั่งใจคิด อันดับแรกคุณต้องเชื่อในโอกาสอยู่เสมอ แม้ว่าพื้นฐานคุณอาจเกิดมาในครอบครัวฐานะไม่ร่ำรวยนักไม่มีมรดกตกทอดให้ลงทุน ไม่ได้รับการศึกษาสูงเหมือนคนอื่น ฯลฯ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ คุณต้องทำลายข้อจำกัดทางความคิดเกี่ยวกับความสามารถของตัวเองให้ได้ก่อน
อันดับต่อมา คุณต้องปลูกฝังความเชื่อที่ถูกต้องเกี่ยวกับความร่ำรวยลงในจิตใต้สำนึกเสียใหม่
อาจต้องใช้ความพยายามสักหน่อยกว่าจะขจัดความเชื่อเดิมซึ่งเป็นสิ่งที่ขัดขวางการเปลี่ยนแปลงออกไปได้ ทัศนคติเกี่ยวกับความร่ำรวยถูกปลูกฝังมาตั้งแต่วัยเยาว์ อุปสรรคสำคัญคือความคิดที่ว่า เงินเป็นของสกปรก รวมถึงความเชื่อว่าการคดโกงและเอารัดเอาเปรียบเท่านั้นบันดาลความร่ำรวยให้เป็นจริงได้ แท้จริงแล้วมหาเศรษฐีทุกคนล้วนมีความคิดสร้างสรรค์ มีวิสัยทัศน์และขยันหมั่นเพียรด้วยกันทั้งสิ้น โชคชะตาย่อมมีส่วนอยู่บ้าง แต่การเห็นโอกาสและลงมือทำโดยไม่ลังเลใจต่างหากที่เป็นคุณสมบัติสำคัญ รายละเอียดปลีกย่อยที่คุณต้องเสาะหาและฝึกฝนมีอีกมาก ความลับอันน่าทึ่งเกี่ยวกับจิตคงไม่อาจบอกเล่าเป็นตำราได้ทั้งหมดเพราะมนุษย์มีความสามารถในการหยั่งถึงก้นบึ้งในจิตใจของตัวเองได้ไม่เท่ากัน
เคล็ดลับที่น่าสนใจและสามารถนำไปใช้ได้ทันทีคือการฝึกจินตนาการภาพของตัวเองที่ประสบความสำเร็จให้ชัดเจนและนึกถึงภาพนั้นบ่อย ๆ จิตใต้สำนึกแยกไม่ออกระหว่างภาพในจินตนาการกับภาพจากประสบการณ์จริง ดังนั้นการที่คุณสร้างภาพในใจก็เหมือนการบอกให้จิตบันทึกภาพนี้ไว้และบันดาลให้เกิดขึ้นจริงต่อไป จงอย่ารู้สึกอิจฉาริษยา อาฆาตมาดร้าย หรือมีความรู้สึกในแง่ลบ เพราะมันจะถูกฝังลงในกล่องแห่งจิตและนำพาคุณให้พบกับเรื่องราวร้าย ๆ ที่ถูกดึงดูดด้วยหลักการเดียวกัน จงเชื่อในพลังของตัวเองเมื่อความเชื่อของคุณถูกเปลี่ยน ชีวิตคุณก็เปลี่ยนได้