ต้องยอมรับว่าเงินเดือนของคนสมัยนี้ไม่ใช่น้อยๆเลย โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 15,000 -30,000 บาท แต่หากเราจะถามกันถึงเงินที่เหลือใช้ถึงมือกันจริงๆเดือนหนึ่งอาจไม่เท่าไร บางคนอาจเหลือแค่ 3,000-4,000 เองด้วยซ้ำ เมื่อหักค่าใช้จ่ายประจำจิปาถะ ค่าผ่อนนั่นนี่ ไปจนถึงใช้หนี้บัตรเครดิต ด้วยเหตุนี้พนักงานกินเงินเดือนส่วนใหญ่จึงมักรวยกันแต่ในวันแรกๆที่เงินเดือนออกเท่านั้น นี่คือปัญหาที่อยากหาคำตอบว่า เราจะทำอย่างไรจึงจะบริหารเงินให้พอใช้และเหลือเก็บให้ได้
เราลองมาดูกันหน่อยไหมว่าหากเราจะบริหารเงินเดือนกันจริงๆจังๆในแต่ละเดือนเราต้องจ่ายอะไรและจะประหยัดได้อย่างไร?
- ค่ากิน ค่อนข้างเป็นเรื่องใหญ่ เพราะเราต้องกินทุกวันและถ้าต้องซื้อทุกมื้อบอกเลยว่า 100 บาท/วันไม่อยู่แน่ แค่นี้ก็ปาเข้าไปอย่างต่ำๆก็เดือนละ 3,000 บาทแล้วไหนจะค่าน้ำอีก แต่ถ้าจะให้กินแบบอดๆอยากๆ มาม่าทุกวันก็ใช่ที่ ดังนั้นจะดีกว่าไหมถ้าเราจะทำกับข้าวกินเองทั้งที่บ้านและใส่กล่องไปกินที่ทำงาน ซึ่งเราจะได้ประโยชน์เต็มๆในเรื่องคุณค่าทางอาหาร ความอร่อย ประหยัด และกินได้อิ่มอีกด้วย
- ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง นี่ก็เป็นเรื่องใหญ่อีกเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางด้วยรถยนต์ รถประจำทางหรือรถไฟฟ้า ก็ล้วนแล้วแต่ต้องเสียเงินทั้งนั้น บางคนรวมๆทั้งไปกลับแทบจะมากกว่าค่าข้าวด้วยซ้ำ ซึ่งหากมองเป็นตัวเลขกลมๆไปกลับวันละ 100 บาท เดือนหนึ่งก็ 3,000 บาทเข้าไปแล้ว ลองหาหนทางประหยัดบ้างได้ไหมเช่น หากอยู่ใกล้ก็ลองเดินไปทำงาน ดีกว่าขึ้นมอเตอร์ไซค์รับจ้าง หรือจะออกกำลังกายด้วยการปั่นจักรยานก็ยังได้ หากอยู่ไกลออกไปอีกหน่อยแทนที่จะขึ้นรถตู้ไปทำงาน ลองขึ้นรถเมล์แบบธรรมดาดูไหมหรือหากเป็นรถเมล์แบบแอร์ก็ยังน่าจะถูกกว่า ยังไงก็ลองบริหารดูเพราะถ้าประหยัดได้เงินเดือนก็เหลือเก็บอยู่หลายบาทเหมือนกัน
- ค่าใช้จ่ายประจำ อย่างค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าอินเตอร์เน็ต เดือนหนึ่ง 3,000 บาท อยู่ไหม ลองหาวิธีการลดดู เช่น หากคืนไหนอากาศดีๆก็ใช้พัดลมแทนแอร์ รีดผ้าก็รีดสัปดาห์ละครั้งพอ ซักผ้าก็อาจใช้มือซักบ้างเป็นการออกกำลังกายไปในตัว ค่าโทรศัพท์ก็พยายามใช้ให้น้อยที่สุด โทรทางไลน์ หรือทางเฟสบุ๊คก็ได้ ส่วนค่าอินเตอร์เน็ตอาจใช้ที่ราคาถูกที่สุด เปิดใช้เป็นวันๆเอาหรือไม่ก็ใช้แต่ WIFI ของที่ทำงานใช้เล่นตอนพักกลางวันก็พอแล้ว
- ค่าสิ่งอุปโภคบริโภค ไม่ว่าจะเป็น ค่าสบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน ยาสระผม โรลออน น้ำหอม ยาล้างห้องน้ำ ฯลฯ ของพวกนี้ส่วนใหญ่เราจะซื้อกันเดือนละครั้งประมาณ 2,000-3,000 บาทคงได้ ทางที่ดีพยายามใช้ให้หมดถึงหยดสุดท้าย อย่าใช้ทิ้งๆขว้างๆเพราะทุกอย่างต้องใช้เงินซื้อมาทั้งนั้น
- ค่าใช้จ่ายในการให้ความสุขตัวเอง ทั้งการไปสังสรรค์กับเพื่อน การไปกินข้าวกับแฟน การไปช้อปปิ้ง การไปดูหนัง การไปเที่ยว เดือนหนึ่งก็ขึ้นอยู่ว่าคุณใช้บริการข้อนี้มากน้อยแค่ไหน ทางที่ดีรวมๆกันเดือนละครั้ง สองครั้งก็พอนะ เพราะครั้งหนึ่งมีนค่อนข้างหมดหลายตังค์มาก
รวมๆแล้วก็หลายบาทเหมือนกันนะ นี่ยังไม่รวมถ้าเรามีหนี้ที่ต้องใช้อีก ดังนั้นเราจึงควรบริหารเงินให้เหลือเก็บตั้งแต่วันนี้
วิธีบริหารเงินเพื่อความมั่นคงของชีวิตทั้งในปัจจุบันและอนาคต
- บริหารเงินเพื่อเอาไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน
การบริหารเงินแบบนี้ควรพิจารณาเป็นอันดับแรก เพราะสิ่งไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการเจ็บป่วย การเปลี่ยนงาน หรือเรื่องอื่นๆที่ไม่คาดคิด ซึ่งส่วนใหญ่เรามักจะกันเงินตรงนี้จากรายได้ประมาณ 10 % อาจเป็นการฝากธนาคารในเรื่องนี้โดยเฉพาะหรือทำประกันชีวิต ทำประกันสุขภาพก็ได้ ซึ่งส่วนใหญ่คนจะไม่ค่อยคิดถึงตรงนี้ และคิดว่าเป็นรายจ่ายที่เพิ่มเติมแบบฟุ่มเฟือย แต่ถ้าหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันจริงๆจะรู้ว่ามันช่วยได้เยอะเลยจริงๆ
- บริหารเงินเพื่อการเก็บออม
ส่วนใหญ่เรามักหักเงินออมออกก่อนที่จะนำเงินไปใช้จ่ายอื่นๆ ประมาณ 10% หรือเดือนละ 1,000-2,000 บาทก็ยังดี ซึ่งเงินส่วนนี้โดยมากมักไม่ค่อยเบิกออกมาใช้ มักเก็บไว้ในระยะยาวเพื่อเอาไว้ใช้ตอนเกษียณเลยทีเดียว แต่ถ้ามีความจำเป็นมากๆไม่สามารถหาเงินตรงไหนได้ก็อาจต้องนำออกมา แล้วยาลืมใช้คืนพร้อมดอกเบี้ยด้วย
- บริหารเงินเพื่อความมั่นคงในอนาคต
ถึงเราจะมีเงินออม 2 ทางบ้างแล้ว แต่ใช่ว่าจะสบาย หากพอมีรายได้พิเศษหรือเงินโบนัสอะไรเข้ามา เราก็อาจเก็บไว้ในเงินจุดนี้ เมื่อได้มากๆก็อาจนำไปลงทุนตามแบบที่ตัวเองชอบและพอมีความรู้ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนอาชีพอิสระ ซื้อทองเก็งกำไร ซื้อพันธบัตรหรือซื้อหุ้น เป็นต้น แต่อย่างไรก็ตามในด้านของการลงทุนมักจะมีความเสี่ยงตามมาเสมอ เพราะฉะนั้นก่อนจะลงทุนอะไรก็ควรวางแผนให้ดีและทำความเข้าใจกับการลงทุนนั้นก่อนเสมอ
การบริหารเงินเดือนไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแต่เราต้องมีความตั้งใจจริง หมั่นเก็บหมั่นออม เชื่อแน่ว่าทุกคนทำได้และจะมีอนาคตที่ดีแน่นอนเพราะฉะนั้นลองนำวิธีเหล่านี้ไปใช้กันดูสิ