แนะนำวิธีซื้อบ้านยังไง ให้ดอกเบี้ยถูกที่สุด ผ่อนสบายได้ยาว ๆ
บ้าน ที่อยู่อาศัยซึ่งเป็นความใฝ่ฝันของใครหลายคนที่อยากจะมีบ้านสักหลังเป็นของตนเอง แต่ในยุคปัจจุบันอาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายมากนักเพราะราคาบ้านส่วนใหญ่เริ่มต้นที่หลักล้าน การจะมีเงินเก็บซื้อสดในคนทำงานอาจจะไกลตัวออกไป แต่ก็สามารถทำได้เมื่อเรายื่นกู้ขอสินเชื่อบ้านกับธนาคาร หรือสถาบันการเงินซึ่งถ้าหากอนุมัติก็มาผ่อนชำระเป็นรายเดือน วันนี้จึงได้มาแชร์ทริคการ เลือกซื้อบ้านยังไง ให้ดอกเบี้ยถูกที่สุด ? เพื่อช่วยโปะบ้านให้หมดไว ผ่อนสบายได้ยาว ๆ
เลือกซื้อบ้านยังไง ให้ดอกเบี้ยถูกที่สุด
เริ่มต้นกัน 6 ทริคเลือกซื้อบ้านให้ดอกเบี้ยถูกที่สุดซึ่งจะมีอะไรบ้าง และแต่ละข้อต้องเตรียมตัวอย่างไรได้อธิบายไว้ดังนี้
1.เลือกสินเชื่อบ้านให้ถูกประเภท
โดยในปัจจุบันมักจะแบ่งรูปแบบสินเชื่อออกเป็น 4 ประเภทตามวัตถุประสงค์ ได้แก่
- ขอสินเชื่อเพื่ออยู่อาศัย เช่น การซื้อบ้านเดี่ยว บ้านทาวน์โฮม อาคารพาณิชย์อาคารชุด
- ขอสินเชื่อเพื่อสร้างที่อยู่อาศัย คือ ขอสินเชื่อเพื่อสร้างบ้านบนที่ดินของตนเอง
- ขอสินเชื่อเพื่อปรับปรุง ซ่อมแซม ต่อเติมที่พักอาศัย
- ขอเปลี่ยนสินเชื่อใหม่ เพื่อขอใช้สินเชื่อจากธนาคาร หรือสถาบันการเงินเพื่อไถ่ถอน หรือรีไฟแนนซ์
2.ราคาบ้านและวงเงินกู้
ต่อมาก่อนจะรู้วงเงินกู้ว่าจะต้องกู้เท่าไรก็ต้องรู้ราคาบ้านกันเสียก่อน เช่น ราคาบ้าน 2.4 ล้านบาท โดยมีเงินสดที่อยากสามารถนำไปจ่ายเพื่อซื้อบ้านได้ 300,000 ก็หักจากราคาบ้านจะเหลือ 2.1 ล้านบ้านที่จะเป็นวงเงินขอกู้สินเชื่อกับทางธนาคาร (จะบอกเป็นร้อยละ) และโดยส่วนใหญ่จะสถาบันการเงิน หรือธนาคารจะให้กู้ร้อยละ 70 – 80 ของราคาประเมิน หรือราคาขายโดยถือเอาราคาที่ต่ำกว่าเป็นหลัก แต่ในบางกรณีธนาคารก็จะให้วงเงินสูงขึ้นร้อยละ 90 – 100% ครอบคลุมทั้งหมด แต่ก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของสถาบันการเงินที่ต้องการกู้
3.ระยะเวลา
โดยปกติธนาคาร หรือสถาบันการเงินจะให้กู้ในช่วง 15 – 30 ปี โดยมีหลักเกณฑ์สำคัญ คือ ระยะเวลากู้เมื่อรวมกับอายุผู้กู้แล้วต้องไม่เกิน 65 – 70 ปี
ตัวอย่าง: นาย A อายุ 45 ปีอยากกู้ซื้อบ้านราคา 1.5 ล้านจะมีระยะเวลาผ่อนโดยใช้ อายุผู้กู้ + ระยะเวลากู้นานสุด จะเท่ากับ 45 + 25 = 70 ปี ซึ่งผู้กู้จะมีเวลาเพียง 25 ปีในการผ่อนชำระค่างวดบ้านไปจนถึงอายุ 70 ปีซึ่งเผลอ ๆ บางธนาคารให้แค่ 15 – 20 ปีเท่านั้น
แต่ก็มีข้อดีในเรื่องของอัตราดอกเบี้ยหากผ่อนระยะเวลาสั้นลงดอกเบี้ยก็จะลดลงไปด้วย แต่ค่างวดก็อาจจะสูง แต่ถึงอย่างไรการเลือกระยะเวลากู้ว่าจะยาวนานเท่าไร ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถในการผ่อนชำระหนี้ของผู้กู้เป็นหลัก
4.ดอกเบี้ย
หลังจากที่สินเชื่อได้รับอนุมัติแล้ว ผู้กู้ก็จะต้องเริ่มชำระค่างวดบ้าน โดยในแต่ละะงวดนั้นจะประกอบด้วยเงินต้นและดอกเบี้ย และสิ่งหนึ่งที่จะมาเน้นย้ำกันอีกครั้งก็คือเรื่องดอกเบี้ยบ้านที่ควรเลือกสินเชื่อบ้านที่คิดดอกเบี้ยต่ำที่สุด เพราะการคิดดอกเบี้ยของแต่ละธนาคารจะกำหนดอัตราดอกเบี้ยไม่เท่ากันในแต่ละช่วงเวลา แล้วข้อดีของดอกเบี้ยต่ำจะช่วยให้เราจ่ายเงินต้นได้มากขึ้นและช่วยให้โป๊ะผ่อนบ้านหมดไวขึ้น และเพื่อให้เทียบอัตราดอกเบี้ยง่ายขึ่นในแต่ละสินเชื่อแนะนำให้นำอัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อแต่ละตัว มาเฉลี่ยเป็นอัตราดอกเบี้ยตลอดอายุของสินเชื่อ แล้วค่อยปรับออกมาให้เป็นอัตราดอกเบี้ยต่อปี ซึ่งจะช่วยให้สามารถเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยระหว่างสินเชื่อได้ง่ายขึ้น
แต่ในกรณีที่คิดอัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัว อัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อบ้านจะอ้างอิงกับอัตราดอกเบี้ยของเงินกู้ระยะยาวสำหรับลูกหนี้ชั้นดีโดยกำหนดอัตราดอกเบี้ย หรือขั้นต่ำสุด หรือ MLR (Minimum Loan Rate) ซึ่งหากช่วงเวลาดังกล่าวอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เท่ากับร้อยละ 7.5 อัตราดอกเบี้ยที่อยู่อาศัยจะเท่ากับ 7.5%-1% = 6.5% ซึ่งหากใครที่เลือกอัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัว ควรเลือกในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้มีแนวโน้มปรับลดลงและยังคงยึดหลักการเปรียบเทียบด้วยอัตราดอกเบี้ยตลอดอายุสินเชื่อ
5.ค่าผ่อนชำระแต่ละงวด
หลังจากที่ได้รับวงเงินกู้ ระยะเวลาที่จะป่อนจ่ายไม่ว่าจะเลือกป่อนดอกเบี้ยต่ำสุดกับเจ้าไหนต่อมาก็จะต้องเป็นเรื่องค่า่ผอนชำระรายงวดว่าเรามีความสามารถในการผ่อนชำระงวดได้อย่างสม่ำเสมออย่างไร โดยแนะนำให้ดูจากรายจ่ายต่อเนื่อง รวมไปถึงรายจ่ายอื่น ๆ ทั้งสินเชื่อ บัตรเครดิตและอื่น ๆ โดยไม่ควรเกิน 40% ของรายได้ เช่น เงินเดือน 30,000 บาท 40% ของรายได้ 12,000 บาท โดยหากไม่มั่นใจว่าจะชำระได้อย่างสม่ำเสมอก็อาจจะลองพิจารณาในการปรับลดวงเงินกู้ หรือขยายระยะเวลากู้ออกไป
6.ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ
ที่อาจจะไม่ทราบสำหรับหลาย ๆ คนว่ายังมีเงื่อนไขเพิ่มเติมอื่น ๆ จากธนาคาร หรือสถาบันการเงินในการยื่นกู้ไม่ว่าจะเป็นดอกเบี้ยผิดนัดชำระ ค่าธรรมเนียมการยื่นกู้ ค่าใช้จ่ายในการประเมินมูลค่าหลักประกัน ค่าธรรมเนียมจำนองหลักประกัน ค่าประกันภัยอัคคีภัย ค่าประกันชีวิตเพื่อที่อยู่อาศัย หรือค่าค่าธรรมเนียมการไถ่ถอนก่อนกำหนด ทั้งหมดนี้เป็นค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่นอกเหนือจากวงเงินกู้บ้านที่อาจจะต้องมีการพิจารณาเปรียบเทียบของแต่ละะนาคาร่วมด้วยเพื่อให้เกิดความคุ้มค่ามากที่สุด
จากทริคข้างต้น คงจะพอรู้แล้วว่าเลือกซื้อบ้านยังไง ให้ดอกเบี้ยถูกที่สุดซึ่งก็ควรจะเริ่มต้นมาจากการเลือกสินเชื่อให้ถูกประเภทว่าจะซื้อบ้านจากโครงการ สร้างเอง หรือแค่ซ่อมแซม ปรับปรุง หรือต้องการที่รีไฟแนนซ์ จากนั้นให้ตรวจสอบราคาบ้านและวงเงินกู้ว่าได้เท่าไร กู้ได้ 100% หรือไม่ แล้วค่อยมาดูระยะเวลากู้ว่าจะผ่อนสั้นยาวเพราะมีผลต่ออัตราดอกเบี้ยเพราะยิ่งยาวดอกเบี้ยก็ยิ่งสูง