ถ้าถามคนที่เพิ่งเริ่มต้นทำงานใหม่ ๆ กลิ่นความเป็นนักศึกษายังติดตัวอยู่ ว่าพวกเขามีเป้าหมายในการทำงานอย่างไร? คำตอบคงจะมีสะเปะสะปะหลากหลาย เพราะความที่ไม่เคยมีประสบการณ์การทำงาน ไหนจะต้องเรียนรู้งานใหม่ ปรับตัวให้มีวินัยในการทำงาน ไม่มีเวลาอิสระเหมือนตอนเรียน เข้าหาเพื่อนร่วมงาน บางคนอาจต้องหาที่อยู่ใหม่ เส้นทางเดินรถใหม่ เรียกได้ว่าชีวิตได้ก้าวเข้าสู่โลกใบใหม่เลยก็ย่อมได้
การที่เพิ่งได้เข้าทำงาน มีเงินเดือนใช้ที่ได้มาจากน้ำพักน้ำแรงของตนเอง สร้างการใช้จ่ายที่ฟุ่มเฟือยให้กับนักศึกษาจบใหม่ที่เพิ่งได้งานทำมานักต่อนัก เนื่องจากช่วงที่เป็นนักศึกษานั้นไม่ได้มีอิสระที่จะจับจ่ายใช้สอยเงินมากนักเพราะได้เงินใช้อย่างจำกัด เมื่อมีเงินเป็นคนตนเองบวกกับความอยากได้อันไร้ขีดจำกัดของมนุษย์ จึงทำให้หลายต่อหลายคนละเลยที่จะทำสิ่งที่สำคัญที่สุดอีกหนึ่งสิ่งในชีวิต นั่นคือ การวางแผนการออมเงิน
ถ้าถามต่อว่าอยากมีบ้านเป็นของตัวเองไหม ร้อยทั้งร้อยตอบเหมือนกันว่าอยากมี
แต่สายตาอาจดูล่องลอยเหมือนฝัน ไม่ได้มีแววตาของความหวังและความมุ่งมั่นอยู่ในนั้น ก็จะฝันได้อย่างไรเมื่อความเป็นจริงเงินเดือนหมื่นห้า ค่าเช่าห้อง น้ำไฟ อาหารที่ต้องซื้อกินสามมื้อ ค่าเดินทาง ซักผ้า ผ่อนโทรศัพท์เครื่องใหม่ เท่านี้ก็หมดเกลี้ยงงบเงินเดือนที่ได้รับมาแล้ว เกิดอาการชักหน้าไม่ถึงหลังทุกเดือน กระนั้นแล้วยังสมัครบัตรเงินสดรูดมาใช้ก่อน ต้นเดือนค่อยโปะกลับ ดอกเบี้ยเสียเท่าไหร่ไม่รู้ รู้แต่มีเงินสดในมือให้ได้ใช้ หนักเข้ารูดบัตรนี้โปะบัตรนั้น เล่น Rolling of Debt กันอยู่พักใหญ่ หารู้ไม่ว่าทุก ๆ Transaction มีค่าธรรมเนียม รู้ตัวอีกทีหนี้ก็ได้หนี้ก้อนใหญ่เกินกว่าจะรับผิดชอบได้ด้วยตัวเอง แล้วอย่างนี้จะหวังอะไรกับบ้านราคาเป็นล้าน
อ่านเพิ่มเติม >> วัยทำงานอยากมีบ้านในฝันเป็นของตัวเอง <<
การออมจะเกิดขึ้นจากไม่กี่ปัจจัยหลัก ไม่ว่าเป้าหมายของการออมนั้นจะออมไปเพื่ออะไร แต่ปัจจัยเรื่องรายได้ไม่ใช่เหตุผลที่จะทำให้เราไม่ออม การออมนั้นต้องอาศัยการมีวินัยทางการเงินที่ค่อนข้างจะเข้มงวด ยิ่งรายได้น้อยยิ่งต้องเข้มงวด โดยเฉพาะผู้ที่ทำงานใหม่ รายได้ไม่มากเพราะเป็นเงินเดือนสตาร์ทของชีวิต แต่ให้รู้ไว้เลยว่าการเริ่มเก็บเงินตอนเริ่มทำงานนี่แหละสามารถเก็บเงินได้ดีนัก เพราะภาระทางสังคมมีไม่มาก อีกทั้งความเรื่องไม่เยอะในการใช้ชีวิต กินง่ายอยู่ง่าย ทำให้ค่าใช้จ่ายน้อย เมื่อเริ่มออมได้วินัยทางการเงินก็ดี ทำให้เป็นคนใช้จ่ายเงินเป็นและเห็นคุณค่าของเงิน ถ้าหากตอนไหนที่รู้สึกว่าย่อหย่อน ให้หันกลับมาแจกแจงรายรับรายจ่ายใหม่เพื่อที่จะได้ควบคุมกระแสเงินสดไม่ให้เผลอซื้อของที่ใช้เหตุผลว่าให้รางวัลกับตัวเองบ้างมากเกินไป
บ้านพักอาศัยและคอนโดมิเนียมมีราคาของมันขึ้นกับปัจจัยหลัก ๆ คือทำเลที่ตั้ง ขนาด และความใกล้ไกลสาธารณูปโภค เดินทางสะดวกอยู่แนวรถไฟฟ้าก็ยิ่งราคาทวีคูณ
สำหรับเงินเดือนเริ่มต้น อย่าไปหวังว่าจะสามารถซื้อบ้านเดี่ยวได้ เพราะถึงจะเงินเดือนสูง แบงค์ก็อาจไม่ปล่อยกู้เพราะความมั่นคงปลอดภัยในประสบการณ์ทำงานยังไม่เพียงพอ แต่ก็ใช่ว่าเราจะไม่สามารถเป็นเจ้าของได้ เราสามารถเป็นเจ้าของได้เพียงแต่ไม่ใช่วันนี้ แต่การจะเป็นเจ้าของได้ในวันหนึ่งข้างหน้านั้น ให้พิจารณา 2 กรณี ทั้งนี้งาน (แหล่งรายได้) จะต้องมีความชัดเจนและเป็นระยะเวลาที่ยาวนานระดับหนึ่งที่ทำให้เชื่อถือได้ว่าคุณมีหลักประกันรายได้ที่มั่นคง แล้ววางแผนกรอบใหญ่ให้ได้ก่อน ดังนี้
- กรณีที่พำนักอาศัยอยู่ไกลจากที่ทำงาน
อาจจะต้องเช่าห้องหรือซื้อคอนโดมิเนียม ห้ามยึดติดกับประโยคที่ได้ยินเข้าหูบ่อย ๆ ว่า “เสียค่าเช่าเสียเปล่า เอามาผ่อนคอนโดดีกว่า” ประโยคนี้เป็นจริงก็ต่อเมื่อเราต้องการคอนโดนั้นจริง ๆ ไม่ว่าจะเก็บไว้อยู่เองในอนาคตหรือเพื่อการลงทุน อาจคิดว่าการปล่อยเช่าภายหลังแล้วเอาเงินค่าเช่ามาผ่อนเป็นวิธีคิดที่วิเศษ ก็วิเศษจริงตามนั้น เพียงแต่ความเป็นจริงมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหาผู้เช่าดี ๆ ได้ เพราะผู้เช่าที่ดีก็คิดเหมือนคุณคือซื้อเองดีกว่า ถ้าสะระตะแล้วว่าซื้อแล้วดี ทำได้อย่างที่วางแผน ให้ออมเงินดาวน์แล้วเข้าแบงค์ซื้อเลย แต่ถ้าไม่มั่นใจ ก็ไม่ต้องซื้อ เพราะการมีภาระหนี้ยาว 20-30 ปี ทำให้วงเงินเครดิตของคุณหายไปอย่างมาก อาจพิจารณาเช่าห้องที่พออยู่ได้เพื่อสร้างฐานะไปก่อน
- กรณีที่พำนักอาศัยพอเดินทางไปทำงานได้และมีความต้องการอยากซื้อบ้านที่เป็นหลัง ที่ไม่ใช่คอนโดมิเนียม
ให้อยู่ที่อาศัยหลังเก่าก่อน ระหว่างนี้ให้ศึกษาหาข้อมูลเรื่องบ้านที่ชอบ ลองเปรียบเทียบถามผู้รู้จริง อาจลองเปรียบเทียบกับบ้านมือสอง เช็คราคาสม่ำเสมอ เมื่อถึงเวลาจะต้องตัดสินใจเลือกจะได้มีฐานความรู้แน่นพอ เพราะบ้านซื้อแล้วเราอาจต้องอยู่ทั้งชีวิต การเลือกโดยที่ไม่ได้เกิดจากความต้องการของตนเองเปรียบเสมือนติดคุกตลอดชีวิต หลังจากมีเป้าหมายราคาแล้ว ให้ลองคำนวนเงินดาวน์คร่าว ๆ ถ้าทำไม่เป็นให้ไปแบงค์ใกล้บ้านคุยกับเจ้าหน้าที่สินเชื่อ ปรึกษาดูว่าการเงินแบบนี้ ความต้องการแบบนี้และมีแผนการออมแบบนี้ ถ้าจะต้องการซื้อบ้านราคาเท่านี้ควรจะทำอย่างไรได้บ้าง พยายามเพิ่มความรู้เรื่องการกู้เงินซื้อบ้านจากหลาย ๆ ที่ โดยปกติแล้วหากเป็นบ้านมือหนึ่งดอกเบี้ยหลาย ๆ แบงค์จะราคาถูกกว่าบ้านมือสองและสามารถกู้ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็มีบางแบงค์ที่บ้านมือสองเหรทดอกเบี้ยมีราคาเดียวกัน เพียงแต่อาจจะกู้ได้ 70-80% ของราคาประเมิน เช่น ถ้าราคาประเมิน 3 ล้าน อาจกู้ได้แค่ 2.4 ล้าน หมายความว่าเราต้องมีเงินหกแสนในมือ ทั้งนี้ให้ติดตามข่าวสารเรื่องบ้านเสมอ ๆ เพราะข้อกำหนดมักเปลี่ยนแปลงเสมอและเพื่อเราจะได้วางแผนเงินออมไว้ล่วงหน้า
การกู้ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่ได้หมายความว่าการออมไม่จำเป็น บ้าน 3 ล้าน แต่ถ้าเราออมเงิน 5 ปีแรกของการทำงานได้สี่แสนบาท เราอาจยื่นกู้เพียง 2.6 ล้าน ดอกเบี้ยบ้านส่วนใหญ่แบงค์จะจัดให้เป็นแบบ Fix Rate หรือดอกเบี้ยคงที่ 30 ปี ถ้าต้นยิ่งเล็ก ดอกเบี้ยก็เล็กตามไปด้วย การลดเงินกู้ช่วยลดภาระดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ได้มาก
การซื้อบ้านจะมีค่าธรรมเนียมที่เป็นเงินก้อนอีกสองก้อนหลัก ๆ คือ
- ค่าธรรมเนียมจดจำนอง
- ค่าธรรมเนียมการโอน
ค่าจดจำนองนั้นผู้ซื้อ (ผู้กู้) เสียเองอัตราปกติ 0.02 ถ้าบ้าน 3 ล้าน ค่าจดจำนองก็ 60,000 บาท แต่ในทางปฏิบัติอาจไม่ได้คำนวนตามราคาประเมิน 3 ล้าน แต่รวมแล้วค่าธรรมเนียมก็เป็นเงินก้อนหนึ่งที่ต้องเตรียมอยู่ดี ส่วนค่าธรรมเนียมการโอน โดยปกติผู้ขายเป็นคนจ่าย แต่บางทีขึ้นอยู่กับการต่อรองกับผู้ซื้อ ซึ่งค่าโอนมีอัตราปกติ 0.02 เช่นกัน บางเวลารัฐบาลต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเฉพาะด้านอสังหาริมทรัพย์ จึงลดค่าธรรมเนียมการโอนและค่าจดจำนอง ซึ่งบางครั้งอาจลดลงเหลือหลักไม่กี่ร้อยบาทต่อล้านบาท จึงควรติดตามข่าวสารบ้านและธนาคารด้วยเสมอ
การออมคือจุดเริ่มต้นของการสร้างฐานะที่มั่นคง การที่จะวัดว่าบุคคลใดมีฐานะมั่นคง อย่างแรกคือต้องมีที่อยู่อาศัยเป็นหลักเป็นแหล่ง เมื่อเริ่มได้แล้วสิ่งต่าง ๆ ที่ดี ๆ ในชีวิตก็จะค่อย ๆ ทะยอยเข้ามา การเริ่มต้นวางแผนเร็ว ย่อมไปถึงฝันได้เร็ว หากเริ่มช้าเราอาจก้าวไม่ทันดอกเบี้ยและราคาอสังหาริมทรัพย์ที่ราคาเติบโตขึ้นหลักสิบเปอร์เซ็นต์ทุก ๆ ปีได้ หมายความว่าหากไม่เริ่มปีนี้ วางแผนเริ่มออมปีหน้า ก็ให้บวกราคาอสังหาไปอีกสิบเปอร์เซ็นต์ไว้เลย ดังนั้นถ้า เพิ่งเริ่มทำงาน อยากมีบ้าน การเริ่มต้นเลยย่อมดีกว่า ถ้ายังไม่มีแผนชัดเจน ก็ให้ค่อย ๆ ศึกษาหาข้อมูลไปก่อน โดยให้เริ่มออมควบคู่กันไปด้วย เป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุด