วิธีทำให้เงินงอกเงย มีเงินเหลือใช้เป็นหลักแสนก่อนวัย 30 และมีเงินเก็บเมื่อถึงวัยเกษียณ
เชื่อว่ามีหลายคนที่ทำงานหนักตั้งแต่เรียนจบจะปักธงเป้าหมายไว้ว่าอยากมีเงินหลักแสนก่อนอายุ 30 และอยากมีเงินใช้หลังอายุเกษียณ ผมเองก็เคยวางเป้าหมายนี้มาแล้วครับ เลยอยากจะมาแชร์วิธีในการสร้างรายได้หลักแสนให้ทุกคนได้ทราบกัน เพราะตอนนี้ผมทำตามเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ได้แล้ว
ย้อนกลับไปตอนเรียนสมัยมหา’ลัย จำได้เลยว่าบอกกับตัวเองตั้งปณิธานดิบดีว่าจะเอาเกียรตินิยม แต่ผลที่ได้กลับเป็นเกรดนิยม! เลยทำให้ตอนสมัครงานต้องไฟท์กับคนอื่นเขาแบบสุดตัว จนสุดท้ายก็คว้าตำแหน่งมนุษย์เงินเดือน 20K มาได้แบบหวุดหวิดและเริ่มหาวิธีทำให้เงินงอกเงยตั้งแต่อายุ 23 ปี เพราะไม่อยากลำบากในอนาคต ปณิธานต่อมาของผมต่อมาคือมีความตั้งใจว่าจะทำรายได้หลักแสนก่อนอายุ 30 ปี เพื่อผมจะได้ค่อยๆ เกษียณตัวเองจากงานประจำได้เร็วขึ้น
ซึ่งข้อดีของการเริ่มเป็นมนุษย์เงินเดือนใหม่ในตอนนั้นทำให้มีไฟ อยากทำงาน อยากลงทุนและอยากมีคอนโดเป็นของตัวเอง สรุปในช่วงที่เป็นมนุษย์เงินเดือนสองปีแรกตัดสินใจกู้เงินมาซื้อคอนโด เพื่อความสะดวกในการเดินทางไปทำงานแล้วก็กะว่าจะทำให้เกิดรายได้ให้ได้ในอนาคต วิธีของผมคือไม่ใช่รอให้รวยก่อนค่อยซื้อ แต่ผมเลยใช้เครดิตเงินเดือนรายได้ประจำที่มีอยู่ยื่นขอสินเชื่อกับทางธนาคารซื้อคอนโดแถว ๆ สุขุมวิท ทำเลดีถึงไม่ใกล้รถไฟฟ้าแต่อยู่ในแหล่งที่แวดล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก ที่สำคัญคอนโดแห่งนี้ยังมีสวัสดิการส่วนกลางให้ใช้อีกด้วยทั้งสระว่ายน้ำ ฟิตเนสและห้องซาน่า ทำให้ผมไม่ต้องเสียเงินเข้าฟิตเนสในการออกกำลังกายเพิ่ม ส่วนค่าผ่อนชำระต่อเดือนแค่ 9,800 บาท ปกติก็จ่ายค่าเช่าห้องเดือนละ 6,500 บาทอยู่แล้วเลยคิดว่าเพิ่มเงินอีกนิดหน่อยผ่อนคอนโดดีกว่าเดินทางก็สะดวกเพราะใกล้รถไฟฟ้า ผ่อนเสร็จก็เป็นคอนโดก็เป็นของเรา
จุดเริ่มต้นของการปั่นเงินหลักแสนก่อนอายุ 30 ปีอยู่ในตอนที่จะเข้าปีที่ 2 ของการทำงาน เพราะเมื่อผมเริ่มรายได้และมีเงินเก็บที่แบ่งบางส่วนมาจากรายได้ประจำ ก็นำเงินส่วนที่แบ่งนี้ไปซื้อกองทุน RMF หรือกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ เป็นการออมในระยะยาว โดยตอนที่ซื้อกองทุนผมซื้อขั้นต่ำ 5000 บาท ถึงจะดูน้อยแต่เมื่อซื้อต่อเนื่องทุกปีจะมีเงินสะสมใช้ในวัยหลังเกษียณแน่นอน ซึ่งกองทุนนี้ก็มีเงื่อนไขอยู่ว่าต้องซื้อจนกว่าอายุจะ 55 ปี (ขายคืนได้ตอนอายุ 55 ปี) ดังนั้นแน่นอนว่าถ้าผมอายุ 30 ยังขายคืนไม่ได้ถือว่าเป็นเงินก้อนสำหรับใช้ในยามเกษียณ ด้วยเหตุผลนี้นอกจากจะลงทุนกับกองทุนรวมที่จะเก็บไว้ใช้ในอนาคต ผมจึงตัดสินใจลงทุนเพิ่มเพื่อให้ได้ผลตอบแทนเร็วกว่า
โดยเลือกวิธีทำรายได้ด้วยการนำเงินบางส่วนจากรายได้ประจำ หุ้นกับเพื่อน 3-4 คนเปิดร้านกาแฟแถว BTS ผมหุ้นซึ่งกว่าจะได้เงินคืนพร้อมเงินค่าเหนื่อยก็ปาเข้าไปเดือนที่ 3 เลยละครับกว่าจะได้ทุนคืน ซึ่งช่วงแรกทุลักทุเลพอดูเลยเอาเรื่องเลย เพราะช่วงเปิดร้านใหม่ยังทำยอดขายไม่ได้ตามเป้าที่วางไว้ ผมและเพื่อน ๆ ก็ช่วยกันโปรโมทสุดชีวิต ทั้งบอกต่อปากต่อปาก ทั้งสื่อโซเชียล ทั้งจากโฆษณา เลยทำให้ร้านเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็ว ลูกค้าเริ่มทยอยกันเข้ามาใช้บริการกันมากขึ้น ทำให้ใจชื่นกันขึ้นมาหน่อย ยอดขายก็ค่อยๆ ขยับๆ เข้าใกล้เป้าหมายที่ตั้งไว้
ถึงแม้ว่ากว่าจะได้เงินคืนจะนานไปหน่อยแต่ก็ถือว่าคุ้มค่ากับการลงทุนครับกับเสียงตอบรับและผลกำไรที่ได้ โดยรวม ๆ แล้วเฉลี่ย
- ต้นทุนกาแฟต่อแก้วจริง ๆ แค่ 15 – 17 บาท ราคาขายอยู่ที่ 55 – 65 บาท ได้กำไรต่อแก้ว 40 – 48 บาท
- ต้นทุนเครื่องดื่มอื่น ๆ ต่อแก้ว 11.5 – 16 บาท ราคาขายอยู่ที่ 45 – 55 บาท ได้กำไรต่อแก้ว 33.5 – 39 บาท
- ต้นทุนขนมเค้กรับขายต่อชิ้นไม่มี เพราะเป็นการฝากขาย ได้กำไร 15 – 25 บาทต่อชิ้น
- ต้นทุนอาหารต่อเมนูประมาณ 35 – 150 บาท ราคาอยู่ที่ 69 – 250 บาท ได้กำไรต่อเมนู 34 – 100 บาท
ซึ่งด้วยความว่าที่ร้านเปิด 9 โมงเช้าและปิด 4 ทุ่ม กว่าจะเก็บร้านเคลียร์ของเสร็จก็ปาเข้าไปเกือบ 5 ทุ่มกว่าจะได้กลับคอนโด ผมเลยประกาศปล่อยเช่าคอนโดแล้วย้ายมาเฝ้าร้านกาแฟกับเพื่อนแทนเลย แล้วปล่อยเช่าคอนโดต่อ หักลบกับค่าผ่อนแล้วเหลือเงินใช้อีกก้อน เพราะค่าเช่าคอนโดตั้งราคาสูงกว่าค่าผ่อนชำระกับธนาคารในแต่ละเดือน ซึ่งรายได้ทั้งสองทางนี้ทำให้พอที่จะมีเงินลงทุนต่ออีกเลยเลือกการลงทุนง่าย ๆ และได้เงินเร็ว ขอแค่รับเงื่อนไขได้ว่าอาจจะได้กำไรน้อย เพราะเป็นการลงทุนคิดหลักง่าย ๆ ว่าขายให้แพงกว่าซื้อ พอใจกำไรเท่าไหร่ก็ขายเท่านั้นแล้วเก็บหอมรอบริบเงินกำไรนั้นไปเรื่อย ๆ ส่วนตัวผมเลือกลงทุนทองแท่งเพราะเมื่อนำไปปล่อยขายได้กำไรดีกว่า มีล่าสุดที่ทำกำไรจากการซื้อมาขายไปคือ ก่อนหน้านี้ซื้อทองแท่งมาในราคา 18,600 บาท ต่อมาในอีกสองเดือนราคาทองขึ้นเป็น 22,000 บาท ได้กำไรส่วนนั้นไป 3,400 ซึ่งตอนที่ลงทุนผมก็ซื้อเป็นตั๋วทองมา(เสี่ยงอีกแล้ว)ถึงจะเสี่ยงแต่ก็ต้องกล้า ถ้าอยากจะจับเงินแสนเร็ว ๆ
ก่อน 30 ผมจึงมีรายได้จากการลงทุนโดยแบ่งเป็นรายได้ประจำที่ตอนแรกมีเงิน 20,000 บาท และเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จากประสบการณ์การทำงานจนเงินเดือนแตะที่ 40,000 บาท, รายได้จากการลงทุนเปิดร้านกาแฟกับเพื่อนตกเดือนละ 20,000, เงินออมสะสมที่จะทำให้มีเงินใช้ยามเกษียณจากการซื้อกองทุน RMF ที่จะเป็นเงินหลังเกษียณ,รายได้จากการซื้อมาขายไปของทองคำ ส่วนใหญ่เป็นเงินหลักพันเพราะไม่กล้าเสี่ยงซื้อมาเก็บไว้มาก แต่โดยรวมแล้วเมื่อนำเงินเก็บจากที่ฝากธนาคารตั้งแต่เริ่มทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือน ในวัยเลข 3 ในบัญชีก็มีเงินเก็บหลักแสนบาทและเหลือใช้อีกส่วนหนึ่ง
สำหรับใครที่อยากจะมีเงินเหลือใช้มีเงินเก็บก่อนวัยเลข 3 และมีเงินใช้ในอนาคตหลังเกษียณ วันนี้จะต้องเริ่มนับ 1 กันแล้วนะครับในการลงทุนให้เงินงอกเงย เพราะแต่ละปีไม่ปฏิเสธใช่ไหมครับว่ามันผ่านไปเร็วมาก!