แม้ว่าการเป็นหนี้จะไม่ใช่สถานะที่หลายคนอยากจะเป็นนัก แต่บางครั้งความจำเป็นก็ทำให้เราต้องเป็นหนี้ ไม่ว่าจะเป็นเพราะต้องการเริ่มต้นธุรกิจ มีรายได้ที่ไม่พอกับค่าใช้จ่าย ไม่สามารถหมุนเงินได้ทัน ต้องการได้สิ่งของที่มีมูลค่ามากมาใช้ล่วงหน้า เป็นหนี้จากค่ารักษาพยาบาล หนี้การพนัน หรือหนี้จากการค้ำประกันให้คนอื่น
ไม่ใช่ว่าเมื่อถึงเวลาที่ต้องการใช้เงินจำเป็นต้องกู้เงินขอสินเชื่อจากธนาคาร แล้วธนาคารจะให้เรากู้ได้อย่างที่ใจเราคิด เพราะการกู้เงินนั้นก็ต้องมีหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่ธนาคารและสถาบันการเงินต่าง ๆ กำหนดไว้ว่าจะอนุมัติหรือไม่อนุมัติสินเชื่อให้กับลูกค้ารายนั้น ๆ ด้วย
มีคนไม่น้อยที่ยื่นใบสมัครสินเชื่อพร้อมหลักฐานแล้วไม่ได้รับการอนุมัติ ซึ่งอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุด้วยกัน และเรื่องสำคัญที่ถือเป็นความเสี่ยงเมื่อไม่ได้รับอนุมัติเงินกู้ก็คือ ธนาคารจะไม่พิจารณาเงินกู้ของเราไปนานอีก 6 เดือนเลยทีเดียว ดังนั้นการเตรียมตัวให้พร้อมก่อนกู้เงิน ทั้งศึกษาหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการกู้ของแต่ละธนาคารให้ดี และเตรียมเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ให้พร้อม เป็นการเพิ่มโอกาสในการที่ธนาคารจะอนุมัติเงินกู้ให้กับเราได้มากทีเดียว
สำหรับหลักเกณฑ์การพิจารณาการปล่อยสินเชื่อของธนาคารและสถาบันการเงินที่ผู้กู้ควรรู้ก่อน มีดังนี้
- สถานะของบัญชีธนาคาร หลักเกณฑ์สำคัญอันดับแรกที่ธนาคารจะพิจารณาปล่อยกู้ให้หรือไม่ก็คือเรื่องความสามารถในการชำระหนี้ของผู้กู้ ซึ่งก็คือดูจากรายได้นั่นเอง เอกสารที่ธนาคารจะพิจารณาเรื่องรายได้ก็คือบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ที่สามารถเห็นได้ทั้งจำนวนเงินรายได้และความสม่ำเสมอของรายได้ที่เข้ามา บัญชีธนาคารที่มีเงินหมุนเวียนเข้าออกเป็นสิ่งที่แสดงถึงศักยภาพในการหารายได้ของผู้กู้ได้ดีที่สุด
- ความน่าเชื่อถือของผู้กู้ ธนาคารจะดูว่าผู้กู้มีความน่าเชื่อถือหรือไม่จากหลายปัจจัยด้วยกัน เช่น รายได้ อาชีพ และสถานภาพ ถ้าเป็นเจ้าของกิจการก็จะดูจากอุปนิสัย ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการทำธุรกิจที่ผ่านมา ความซื่อสัตย์และตั้งใจจริงที่จะดำเนินธุรกิจ รวมไปถึงเรื่องนโยบายและประวัติในการชำระหนี้ด้วย
- ติดแบล็กลิสต์หรือไม่ ประวัติในการชำระหนี้ที่ผ่านมาของผู้กู้เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ธนาคารจะพิจารณาว่าจะอนุมัติเงินกู้ให้หรือไม่ ถ้ามีประวัติติดแบล็กลิสต์หรือมีประวัติค้างชำระหนี้ ธนาคารก็อาจปฏิเสธเงินกู้ของเราด้วยเหตุผลนี้ได้ทันที
- อายุและประวัติการทำงาน ธนาคารจะกำหนดเกณฑ์อายุในการสมัครสินเชื่อไว้อย่างชัดเจน เช่น ผู้กู้ต้องมีอายุ 20 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป และต้องมีอายุไม่เกินกว่า 60 ปีเมื่อรวมระยะเวลาในการผ่อนชำระหนี้แล้ว ประวัติการทำงานก็สำคัญ เพราะธนาคารมักดูว่าอาชีพที่ผู้กู้ทำอยู่นั้นเป็นหลักแหล่งและมั่นคงหรือไม่ ดังนั้นก่อนทำการกู้ ผู้กู้ควรพิจารณาด้วยตัวเองก่อนว่ามีคุณสมบัติครบถ้วนตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารกำหนดไว้หรือไม่
แน่นอนว่าผู้ขอสินเชื่อหรือผู้กู้ทุกคนก็ย่อมอยากให้ธนาคารอนุมัติเงินกู้ให้ทั้งนั้น สิ่งสำคัญจึงอยู่ที่เราจะสร้างเครดิตการเงินที่ดีได้อย่างไร เพื่อขอสินเชื่อให้ผ่านฉลุย เรามีคำแนะนำ ดังนี้ค่ะ
- บัญชีมีหลักฐานมายาวนาน บัญชีเงินฝากธนาคารที่แสดงถึงรายได้เป็นสิ่งสำคัญที่ธนาคารจะพิจารณา ยิ่งมีเงินรายได้เข้าสม่ำเสมอและยาวนานก็ยิ่งมีโอกาสได้รับอนุมัติมากขึ้น พนักงานประจำหรือผู้ที่รับรายได้ผ่านบัญชีเงินเดือนมักไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องนี้ แต่ถ้ามีรายได้เป็นเงินสดหรือเป็นเจ้าของกิจการ ควรต้องนำเงินรายได้เข้าบัญชีเป็นประจำก่อนเบิกถอนออกไปใช้จ่าย เพื่อให้มีหลักฐานเป็นบัญชีหมุนเวียนแสดงรายได้เมื่อต้องการกู้นั่นเอง
- ทำงานมั่นคงไม่เปลี่ยนงานบ่อย หลายธนาคารไม่ปล่อยสินเชื่อให้กับผู้กู้ที่มีอายุงานน้อยกว่า 6 เดือน เพราะมองว่าอาชีพและรายได้ยังไม่มั่นคงเพียงพอ คนที่ชอบเปลี่ยนงานบ่อย ๆ อาจไม่รู้ว่าวันหนึ่งเมื่อถึงเวลาที่เราต้องกู้เงิน ประวัติการทำงานของเรานี่แหละที่ธนาคารจะใช้ในการพิจารณาด้วย และเราอาจไม่ได้รับอนุมัติเงินกู้เพราะเปลี่ยนงานบ่อย
- มีประวัติผ่อนบ้าง คนที่ไม่เคยเป็นหนี้เลย ธนาคารก็ไม่มีประวัติการชำระหนี้ให้ตรวจสอบ ทำให้อาจเกิดความลังเลในการปล่อยสินเชื่อให้ได้ แต่หากผู้กู้มีประวัติในการใช้บัตรเครดิต ใช้บัตรผ่อนสินค้า หรือผ่อนรถยนต์อยู่ และมีประวัติในการชำระหนี้ที่ดีมาตลอด โอกาสที่ธนาคารจะอนุมัติเงินกู้ให้ก็ย่อมมากขึ้นตามไปด้วย
- ไม่มีหนี้ก้อนใหญ่ ภาระหนี้เป็นอีกเรื่องที่ธนาคารจะต้องดู หากเรามีหนี้ก้อนใหญ่ เช่น หนี้บ้านที่ต้องจ่ายทุกเดือน ธนาคารอาจปฏิเสธคำขอสินเชื่อเพราะกังวลถึงความสามารถในชำระหนี้ที่มีมากในอนาคตได้ ดังนั้นถ้าอยากได้รับอนุมัติสินเชื่อก็ต้องแน่ใจว่าเราไม่มีหนี้ก้อนใหญ่ที่เป็นภาระอยู่ด้วย
- หมั่นเช็คเครดิตตัวเอง ผู้กู้ควรหมั่นเช็คเครดิตของตัวเองอยู่เสมอ หากต้องการให้ธนาคารอนุมัติเงินกู้ต้องมั่นใจว่าไม่มีประวัติค้างชำระหนี้ในช่วง 6 เดือนล่าสุดก่อนทำการกู้
ถ้าเรายังกังวลว่าจะไม่สามารถขอสินเชื่อเพื่อนำเงินมาใช้ตามความจำเป็นได้ กลัวว่าธนาคารจะไม่อนุมัติแล้วต้องรอนานอีก 6 เดือนกว่าจะยื่นเรื่องได้ใหม่ งั้นลองมาเตรียมตัวให้พร้อมด้วยการสร้างเครดิตให้ดีก่อนการกู้เงิน เช่น ชำระค่าบัตรเครดิต/ หนี้ ให้ตรงเวลา , ควบคุมสัดส่วนหนี้ต่อรายได้ประจำ แต่บางคนเลือกจ่ายขั้นต่ำของบัตรเครดิตเพื่อรักษาประวัติ อาจจะพบปัญหาดอกเบี้ยแพงถึงร้อยละ 18% ขึ้นไป
สินเชื่อบุคคล (Personal Cash) ของธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย เป็นทางเลือกหนึ่งในการแบ่งเบาภาระหนี้ได้ ด้วยดอกเบี้ยเริ่มต้นเพียง 9% ไม่ต้องมีหลักทรัพย์หรือบุคคลค้ำประกัน และให้วงเงินสูงมากถึง 5 เท่าของรายได้ประจำด้วย
สำหรับเอกสารที่ต้องเตรียมเพื่อประกอบการยื่นขอสินเชื่อบุคคล (Personal Cash) ของธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ก็มีเอกสารที่แสดงตัวตน เอกสารแสดงรายได้ และ Bank Statement ที่ต้องอัพเดทให้เป็นล่าสุด มีรายละเอียดดังนี้
- สำเนาบัตรประชาชน (กรณีใช้สำเนาบัตรข้าราชการหรือพนักงานรัฐวิสาหกิจให้แนบสำเนาทะเบียนบ้านด้วย)
- สำเนาสมุดเงินฝากบัญชีออมทรัพย์หน้าแรก เพื่อใช้โอนเงินกู้
- กรณีเป็นพนักงานประจำ ให้เตรียมเอกสารแสดงรายได้ อย่างหนึ่งอย่างใด ดังนี้
- สลิปเงินเดือนตัวจริง ย้อนหลังไม่เกิน 2 เดือน และสำเนาบัญชีเงินเดือนย้อนหลัง 3 เดือน
- สลิปเงินเดือนที่พิมพ์จากคอมพิวเตอร์เดือนล่าสุด และสำเนาบัญชีเงินเดือนย้อนหลัง 3 เดือน
- หนังสือรับรองเงินเดือนตัวจริง ย้อนหลังไม่เกิน 2 เดือน และสำเนาบัญชีเงินเดือนย้อนหลัง 3 เดือน
โดยลูกค้าสามารถติดต่อเพื่อขอข้อมูลและคำแนะนำการขอสินเชื่อบุคคลได้ที่ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ทุกสาขาหรือสมัครออนไลน์ได้เลย ที่นี่