คำกล่าวที่ว่า “ความไม่มีหนี้เป็นลาภอันประเสริฐ” อาจจะไม่ค่อยคุ้นสักเท่าไหร่ แต่ก็คงไม่มีใครสามารถปฏิเสธได้ว่าไม่จริง เพราะหนี้สินเป็นภาระหรือความรับผิดชอบที่ผู้ได้สร้างหนี้สินจำเป็นต้องชดใช้ให้แก่ผู้ให้กู้ตามที่ได้ตกลงกันไว้ อันเป็นสิ่งที่ไม่สามารถหลีกหนีได้ หากเปรียบเทียบหนี้สินเหมือนดั่งเช่นโรคภัยไข้เจ็บก็คงมีความหมายไม่ผิดกันนัก เพราะการกู้หนี้สินยืมสินไม่ว่าประเภทใด ถ้าไม่รีบแก้ไขจ่ายชำระคืนก็จะมีดอกเบี้ยพอกพูนทบต้น และสุดท้ายก็จะมีภาระหนี้ที่กู้มากกว่าเงินที่ตนเองได้รับจริงจากผู้กู้ ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ต้องยอมทนจ่ายชำระหนี้ที่ตนได้สร้างขึ้น ก่อให้เกิดความเครียด ความกลุ้มใจ วิตกกังวลใจ ทั้งยังส่งผลต่อคนรอบข้างทำให้สภาพแวดล้อมดูกดดันจนอาจนำไปสู่การหาหนทางให้ตนหลุดพ้นจากหนี้ดังกล่าวโดยที่ไม่ได้ใช้สติคิดอย่างรอบคอบ
อย่างไรก็ตามส่วนใหญ่ของการ เป็นหนี้ มักเกิดจากการตัดสินใจของผู้กู้เป็นหลัก แม้จะมีบุคคลภายนอกเป็นผู้ร่วมตัดสินใจกำหนดการก่อหนี้สินหรือเป็นผู้ตัดสินใจแทนบ้างในบางกรณี แต่ท้ายที่สุดแล้วการกู้จะเกิดขึ้นได้ก็ต้องได้รับการยินยอมจากผู้กู้เป็นสำคัญ โดยการเป็นหนี้เกิดจากการมีทรัพย์สินไม่เพียงพอในการได้มาซึ่งสิ่งที่ต้องการหรือจำเป็นต้องใช้ในขณะหนึ่ง ๆ จึงทำให้เกิดการหาหนทางกู้ยืมจากแหล่งการเงินต่าง ๆ ที่มีอยู่ในระบบอย่างสถาบันการเงิน ประเภท ธนาคารพาณิชย์ บริษัทบัตรเครดิต บริษัทลิสซิ่ง สหกรณ์ออมทรัพย์ หรือจากนอกระบบอย่างญาติพี่น้อง คนรู้จัก กลุ่มเจ้าหนี้ทั่วไป
สิ่งที่ทำให้บุคคล เป็นหนี้ เกิดจากหลายสาเหตุ เช่น เพื่อจัดหาสิ่งของเพื่อตอบสนองความต้องการส่วนตัวซึ่งเป็นสิ่งฟุ่มเฟือยตามกระแสสังคม เพื่อใช้จ่ายในกรณีฉุกเฉินและจำเป็นอย่างการกู้เพื่อซ่อมแซมบ้าน ค่าเทอมการศึกษาบุตร ค่ารักษาพยาบาล เพื่อใช้ชำระหนี้เดิมที่ตนมีอยู่อันเกิดจากหนี้สินเดิมครบกำหนดชำระหรือปิดชำระหนี้เดิมซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่า เป็นต้น แต่ในบางกรณีการมีหนี้สินของบุคคลบางกลุ่มมีขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์อื่นอย่างการใช้เพื่อลดหย่อนภาษี เพื่อตกแต่งบัญชี หรือเพื่อสร้างสถานะทางการเงินเพื่อหลบหลีกสิ่งบางอย่าง แต่กระนั้นสิ่งหนึ่งที่มีอิทธิพลสำคัญซึ่งสามารถชักจูงใจให้บุคคลตัดสินใจมีหนี้สินได้อย่างง่ายและรวดเร็ว และเป็นสาเหตุใหญ่ที่สุดของการกู้ยืม นั่นคือ หลุมพรางทางการตลาด และค่านิยมที่ถูกส่งต่อจากผู้อื่นอย่างบริษัทผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ แหล่งให้กู้เงิน หรือบุคคลอื่น โดยสามารถสรุปได้ดังนี้
1.โปรโมชั่น ลด แลก แจก แถม
กิจกรรมทางการตลาดที่ถือว่ายังเป็นที่นิยมตลอดกาลคงหนีไม่พ้น กลยุทธ์สร้างความรู้สึกว่าลูกค้าเป็นผู้ได้รับประโยชน์สูงสุด แต่หารู้ไม่ว่าโปรโมชั่นดังกล่าวเป็นการดึงดูดให้มีการจับจ่ายใช้สอยซื้อผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้นเพื่อให้ได้ตามเป้าหมายที่ผู้จัดจำหน่ายกำหนด ซึ่งบางครั้งอาจเกินความจำเป็นที่ผู้ซื้อต้องการและกลายเป็นสิ่งที่ฟุ่มเฟือยไปโดยไม่รู้ตัว และการได้มาซึ่งผลิตภัณฑ์ดังกล่าวหากราคาไม่สูงมากและมีความสามารถเพียงพอในการจ่ายชำระก็ไม่มีปัญหา แต่บางคนจำเป็นต้องกู้ยืมเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายอันเป็นผลจากการตัดสินใจอย่างไม่รอบคอบอย่างเช่น การกู้เงินเพื่อซื้อรถยนต์ที่มีโปรโมชั่นเฉพาะรุ่น TOP ที่ลด แจก หรือมี OPTION พิเศษให้เลือกมากมาย โปรโมชั่นลดราคาหากซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าคู่กัน เป็นต้น
-
การใช้พรีเซนเตอร์เป็นสิ่งจูงใจ
ผลิตภัณฑ์จะขายดีได้ส่วนหนึ่งมาจากพรีเซนเตอร์ที่ต้องเป็นผู้ที่มีชื่อเสียง เป็นที่รู้จัก และมีผู้คนนิยมชมชอบ ซึ่งก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่อาจส่งผลต่อการก่อหนี้สินของผู้ซื้อผลิตภัณฑ์ได้อย่างกรณีหากซื้อผลิตภัณฑ์ครบได้ตามที่กำหนดทุกแบบ จะได้คูปองส่งชิงโชคหรือสามารถ MEET AND GREET ดาราที่ตนชื่นชอบ หรือให้บัตรคอนเสิร์ตเพื่อเข้าชมการแสดงที่ทางบริษัทจำหน่ายผลิตภัณฑ์จัดขึ้น เพื่อการคืนกำไรให้กับลูกค้า
3.การให้คะแนนสะสมบัตรเครดิต และ การให้สิทธิพิเศษกับผู้ถือบัตรเครดิตในการผ่อนชำระสินค้าและบริการ
แม้การแจกคะแนนสะสมในบัตรเครดิตสำหรับผู้ใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเพื่อซื้อสินค้าและบริการนั้นจะเป็นสิ่งที่ดีสำหรับผู้ใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตที่มีวินัยในการชำระหนี้และมีความสามารถในการชำระหนี้ แต่หากเมื่อใดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเพื่อให้ได้มาซึ่งสินค้าและบริการนั้นไม่สามารถจ่ายได้ตรงตามระยะเวลาที่กำหนดหรือจ่ายชำระได้เพียงบางส่วนก็จะเกิดภาระหนี้สินต้นเงินพร้อมค่าใช้จ่ายประเภทค่าธรรมเนียมและดอกเบี้ยจากการใช้วงเงินบัตรเครดิตเกิดขึ้น ซึ่งเป็นภาระค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าสิทธิพิเศษที่ได้รับจากการได้แต้มสะสมที่ได้จากการรูดซื้อสินค้าและบริการ นอกจากนั้นบัตรเครดิตได้สร้างความพิเศษเฉพาะผู้ถือบัตรเครดิตให้สามารถจับจ่ายซื้อสินค้าและบริการได้โดยสามารถผ่อนชำระสูงสุดถึง 6-10 เดือน ขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัท ซึ่งเป็นแรงจูงใจกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้ที่มีรายได้ไม่เพียงพอในการจ่ายชำระครั้งเดียว
แต่กระนั้นหากถึงงวดชำระไม่สามารถจ่ายได้ครบก็จะเหมือนกับกรณีข้างต้นที่มีค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยรายเดือน สูงสุดไม่เกิน 20% ทบสะสมไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะปิดยอดหนี้หมดลง หรือบางกรณี อาจมีดอกเบี้ยรายเดือนอันเกิดจากการซื้อสินค้าและบริการแบบผ่อนชำระอย่างเช่น สามารถผ่อนชำระได้ 10 เดือน ดอกเบี้ย 0.5% ต่อปี หมายถึง เมื่อมีการใช้บัตรเครดิตก็จะคิดดอกเบี้ยเป็นสองส่วนคือดอกเบี้ย 0.5% ต่อปี ที่ต้องจ่ายรายเดือนกรณีชำระเงินแบบผ่อนชำระ 10 เดือน และดอกเบี้ยในกรณีที่ไม่สามารถจ่ายชำระหนี้บัตรเครดิตได้ครบตามที่ระบุในใบทวงหนี้ทุกเดือนเพิ่มอีกสูงสุดไม่เกิน 20%
ดังนั้นแล้วก่อนการตัดสินใจซื้อสิ่งใดควรพิจารณาไตร่ตรองอย่างรอบคอบ และคิดหลาย ๆ รอบ อาจปรึกษาครอบครัวหรือคนใกล้ชิดเพื่อขอความเห็นหากเป็นสิ่งที่มีมูลค่าสูง หรืออาจเก็บสะสมเงินให้เพียงพอเพื่อซื้อโดยไม่ต้องกู้ยืมเงิน แต่หากจำเป็นจริง ๆ ก็ต้องเตรียมความพร้อมในการหาแหล่งเงินกู้ที่เหมาะสม มีต้นทุนทางการเงินที่ไม่สูงมากพร้อมเตรียมเงินเก็บเพื่อใช้ในการชำระหนี้ด้วย เพื่อลดปัญหาการมีหนี้สินล้นพ้นตัว