แก้หนี้เสีย ต้องทำยังไงบ้าง ให้ปลดหนี้ได้จริง
ปัญหาหนี้สินเป็นเรื่องที่หลายคนต้องเผชิญ โดยเฉพาะในยุคที่ค่าครองชีพสูงขึ้นแบบนี้ ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ พุ่งเกินรายรับ และหากคุณกำลังมีปัญหาหนี้เสีย มีหนี้เยอะจนชำระไม่ไหว อย่าเพิ่งท้อไป วันนี้เรามาแนะนำ 5 วิธี แก้หนี้เสีย ต้องทำยังไงบ้าง ให้ปลดหนี้ได้จริง รับรองว่าช่วยให้คุณหลุดพ้นจากปัญหาหนี้สินได้แน่นอน มาดูกันเลยว่ามีวิธีอะไรบ้าง
หนี้เสีย คืออะไร
หนี้เสีย หรือที่เรียกในภาษาทางการว่า “หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้” (Non-Performing Loan หรือ NPL) คือหนี้ที่ลูกหนี้ผิดนัดชำระเกินกว่า 90 วัน นับจากวันที่ครบกำหนดชำระ
หนี้เสียเกิดขึ้นเมื่อลูกหนี้ไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด ทำให้เจ้าหนี้ไม่ได้รับการชำระเงินตามที่ตกลงกันไว้ ส่งผลให้เจ้าหนี้ต้องกันเงินสำรองเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น
หนี้เสียส่งผลเสียทั้งต่อลูกหนี้ และเจ้าหนี้ โดยลูกหนี้อาจถูกฟ้องร้องดำเนินคดี และมีประวัติเครดิตเสีย ส่วนเจ้าหนี้ก็อาจสูญเสียรายได้ และต้องเผชิญกับปัญหาสภาพคล่อง
แนะนำ 5 วิธี แก้หนี้เสีย ต้องทำยังไงบ้าง
- รวมหนี้ให้เป็นก้อนเดียว
วิธีแรกที่แนะนำเลยคือการรวมหนี้ หลายคนอาจจะสงสัยว่ารวมหนี้คืออะไร? ก็คือการนำหนี้หลาย ๆ ก้อนมารวมกันให้เหลือเพียงก้อนเดียว โดยมักจะกู้เงินก้อนใหม่มาปิดหนี้เก่าทั้งหมด แล้วผ่อนชำระหนี้ก้อนเดียวแทน
ข้อดีของการรวมหนี้มีเยอะมาก อย่างแรกเลยคือช่วยให้เราจ่ายดอกเบี้ยน้อยลง เพราะอัตราดอกเบี้ยรวมหนี้มักจะต่ำกว่าดอกเบี้ยของหนี้แต่ละก้อนรวมกัน โดยเฉพาะถ้าเรามีหนี้บัตรเครดิตที่ดอกเบี้ยสูงมาก ๆ การรวมหนี้จะช่วยประหยัดดอกเบี้ยไปได้เยอะ อีกทั้งยัง สามารถขอยืดระยะเวลาผ่อนชำระให้นานขึ้นได้ ทำให้ค่างวดต่อเดือนลดลง ช่วยลดภาระการผ่อนในแต่ละเดือนได้มาก เหมาะสำหรับคนที่กำลังมีปัญหาเรื่องกระแสเงินสด
นอกจากนี้ การรวมหนี้ยังช่วยให้เราจัดการหนี้ได้ง่ายขึ้นด้วย ไม่ต้องคอยจำว่าต้องจ่ายหนี้ไหนวันไหนบ้าง จ่ายทีเดียวจบ สบายใจ ไม่ต้องกังวลว่าจะลืมจ่ายหนี้ก้อนไหน
แต่ก็มีข้อควรระวังนะ คือต้องดูให้ดีว่าดอกเบี้ยรวมแล้วถูกลงจริง ๆ และระยะเวลาผ่อนไม่นานเกินไป ไม่งั้นอาจเสียดอกเบี้ยรวมมากกว่าเดิมได้ ต้องคำนวณให้ดีก่อนตัดสินใจ
- ขอปรับโครงสร้างหนี้
การปรับโครงสร้างหนี้คือการเจรจากับเจ้าหนี้เพื่อขอเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการชำระหนี้ให้เหมาะสมกับความสามารถในการชำระหนี้ของเรา อาจทำได้หลายรูปแบบ เช่น ขอลดค่างวดแต่ขยายระยะเวลาผ่อนให้นานขึ้น ขอพักชำระเงินต้นชั่วคราวโดยจ่ายแค่ดอกเบี้ย หรือขอลดอัตราดอกเบี้ย
ข้อดีของการปรับโครงสร้างหนี้คือ ช่วยลดภาระการผ่อนชำระในแต่ละเดือนได้มาก ทำให้เรามีเงินเหลือพอใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ไม่ต้องเครียดว่าจะหาเงินที่ไหนมาจ่ายหนี้ และที่สำคัญคือไม่ต้องกู้เงินก้อนใหม่มาปิดหนี้เก่า ทำให้ยังคงความสัมพันธ์ที่ดีกับเจ้าหนี้ได้
แต่ก็มีข้อเสียเหมือนกันคือ อาจต้องจ่ายดอกเบี้ยรวมมากขึ้นถ้าขยายระยะเวลาผ่อน และบางครั้งเจ้าหนี้อาจไม่ยอมปรับโครงสร้างหนี้ให้ โดยเฉพาะถ้าเราเคยผิดนัดชำระหนี้บ่อย ๆ
- เข้าร่วมโครงการแก้หนี้ยั่งยืน
อีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจคือการเข้าร่วมโครงการแก้หนี้ยั่งยืน โครงการนี้เป็นความร่วมมือระหว่างธนาคารแห่งประเทศไทย สถาบันการเงิน และบริษัทบริหารสินทรัพย์ เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ที่มีหนี้หลายเจ้าหนี้ให้สามารถชำระหนี้ได้อย่างยั่งยืน
โครงการนี้มีข้อดี คือช่วยรวมหนี้จากหลายเจ้าหนี้ให้เป็นก้อนเดียว ทำให้จัดการง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังมีการปรับโครงสร้างหนี้ให้เหมาะสมกับความสามารถในการชำระของลูกหนี้ด้วย เช่น อาจมีการลดอัตราดอกเบี้ย ขยายระยะเวลาผ่อนชำระ หรือลดเงินต้น
ที่สำคัญคือ โครงการนี้มีการให้ความรู้ทางการเงินแก่ลูกหนี้ด้วย เพื่อให้สามารถบริหารการเงินได้ดีขึ้นในระยะยาว ไม่กลับไปเป็นหนี้อีก นี่แหละที่ทำให้เป็นการแก้หนี้อย่าง “ยั่งยืน” จริง ๆ
วิธีเข้าร่วมโครงการก็ไม่ยาก แค่ติดต่อไปที่สถาบันการเงินที่เราเป็นหนี้อยู่ หรือจะติดต่อผ่านศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน (ศคง.) ของธนาคารแห่งประเทศไทยก็ได้ เจ้าหน้าที่จะช่วยตรวจสอบคุณสมบัติและให้คำแนะนำในการเข้าร่วมโครงการ
- เข้าร่วมคลินิกแก้หนี้
คลินิกแก้หนี้จะให้คำปรึกษา และช่วยเหลือลูกหนี้แบบครบวงจร เริ่มตั้งแต่การวิเคราะห์สถานะทางการเงิน ให้ความรู้เรื่องการบริหารจัดการหนี้ และการวางแผนการเงิน ช่วยเจรจากับเจ้าหนี้เพื่อหาทางออกที่เหมาะสม และยังติดตามผลการแก้ไขปัญหาหนี้อย่างต่อเนื่องด้วย
ข้อดีของคลินิกแก้หนี้คือ เราจะได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ช่วยให้เราเห็นภาพรวมของสถานะทางการเงิน และมีแผนในการจัดการหนี้ที่ชัดเจน นอกจากนี้ยังช่วยเป็นตัวกลางในการเจรจากับเจ้าหนี้ ทำให้มีโอกาสได้รับการปรับโครงสร้างหนี้ที่เหมาะสมมากขึ้น
วิธีเข้าร่วมคลินิกแก้หนี้ก็ง่ายมาก แค่โทรไปที่สายด่วนคลินิกแก้หนี้ หรือลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ของธนาคารแห่งประเทศไทย จากนั้นเจ้าหน้าที่จะติดต่อกลับมาเพื่อนัดหมายให้คำปรึกษา ซึ่งอาจเป็นการปรึกษาทางโทรศัพท์หรือนัดพบที่สาขาของธนาคารที่เข้าร่วมโครงการ
- วางแผนการเงิน และปรับพฤติกรรมการใช้จ่าย
วิธีสุดท้ายที่อยากแนะนำ และเป็นวิธีที่สำคัญมาก ๆ คือการวางแผนการเงิน และปรับพฤติกรรมการใช้จ่ายเพราะไม่ว่าเราจะใช้วิธีไหนในการแก้หนี้ ถ้าเรายังไม่ปรับพฤติกรรมการใช้จ่าย ก็มีโอกาสที่จะกลับไปเป็นหนี้อีกได้
การวางแผนการเงินเริ่มจากการทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย จดทุกบาททุกสตางค์ที่เราใช้จ่าย เพื่อให้รู้ว่าเงินของเราไปไหนบ้าง มีค่าใช้จ่ายอะไรที่ไม่จำเป็น และสามารถตัดออกได้ เมื่อรู้รายจ่ายแล้ว ก็มาวางแผนการใช้จ่ายในแต่ละเดือน โดยใช้หลักการ 50-30-20 คือ
-
- 50% สำหรับค่าใช้จ่ายจำเป็น เช่น ค่าอาหาร ค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำค่าไฟ
- 30% สำหรับค่าใช้จ่ายที่อยากได้ เช่น ความบันเทิง ช้อปปิ้ง
- 20% สำหรับการออม และชำระหนี้
การวางแผนการเงิน และปรับพฤติกรรมการใช้จ่ายอาจทำได้ยากในช่วงแรก แต่ถ้าทำได้ จะช่วยให้เราหลุดพ้นจากวงจรหนี้สินได้อย่างยั่งยืนจริง ๆ
ทั้งหมดนี้คือ วิธีแก้หนี้เสีย ต้องทำยังไงบ้าง ซึ่งการรวมหนี้ให้เป็นก้อนเดียวเพื่อลดดอกเบี้ย และจัดการง่ายขึ้น การขอปรับโครงสร้างหนี้โดยเจรจากับเจ้าหนี้เพื่อเปลี่ยนเงื่อนไขการชำระหนี้ให้เหมาะสมกับความสามารถ การเข้าร่วมโครงการแก้หนี้ยั่งยืนของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ช่วยรวมหนี้ และปรับโครงสร้างหนี้ การใช้บริการคลินิกแก้หนี้ที่ให้คำปรึกษา และช่วยเหลือแบบครบวงจร และสุดท้ายคือการวางแผนการเงิน และปรับพฤติกรรมการใช้จ่ายเพื่อแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน ทั้งหมดนี้ต้องอาศัยความตั้งใจจริง และความอดทนในการแก้ไขปัญหาหนี้สินอย่างต่อเนื่อง