เจาะลึก วิธีแบ่งหนี้ยังไง ให้เป็นระบบ ตัวช่วยปลดหนี้ไว ฉบับทำได้จริง
หลายคนที่เริ่มต้นเป็นหนี้อาจจะมีความเครียด บริหารจัดการเงินไปทางไหนก็มีแต่เดือนชนเดือนไม่พอใช้ บางครั้งก็ต้องไปหยิบยืมกู้สินเชื่อ กู้เงินนอกระบบมาหมุนเงินนี่ทำให้เกิดสารพัดหนี้แก้ต่อ ๆ กันแบบไม่รู้จบ แต่จะดีกว่าไหมที่หากเราทราบ วิธีแบ่งหนี้ยังไง ให้เป็นระบบซึ่งสามารถทำได้จริง แค่เริ่มต้นจากความเข้าใจ และลงมือทำโดยได้รวบรวมวิธีที่จะช่วยให้การจัดการหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะทำยังไงบ้าง ไปดูกัน
รู้จัก “หนี้” ให้ดีก่อน
มาเริ่มต้นจากการรู้จักกับ “หนี้” ที่มาพร้อม 2 เหตุผลที่มักจะเกิดขึ้นจาก “ความต้องการและความจำเป็น”ซึ่งเริ่มจากความจำเป็นซึ่งจะเกิดมาจากความไม่คาดฝัน เช่น ไม่คาดฝันว่าจะตกงาน ไม่คาดฝันว่าจะเจ็บป่วยไม่ว่าจะเป็นตัวเราเอง หรือคนในครอบครัว รวมถึงอุบัติเหตุต่าง ๆ แต่ในขณะเดียวกันความต้องการเริ่มมาจากการเห็นคนอื่นแล้วอาจจะรู้สึกอยากมี เช่น อยากมีมือถือรุ่นใหม่ อยากมีบ้าน อยากมีรถรุ่นใหม่ เป็นต้น
โดยจากสองเหตุผลมักจะนำมาสู่การก่อหนี้ซึ่งก็จะเกิดจากคน 2 กลุ่มได้แก่ เจ้าหนี้ที่อาจจะเป็นสถาบันการเงิน แหล่งเงินกู้ หรือบุคคลที่ปล่อยเงินกู้ ต่อมาก็จะต้องเป็นลูกหนี้ คือ ผู้ที่กู้ยืมเงินมาใช้เพื่อความจำเป็น หรือความต้องการซึ่งจะมีการทำสัญญาขึ้นมา โดยจะมีการตกลงกันทั้งสองฝ่ายว่าจะชำระคืนในระยะเวลาที่กำหนด พร้อมอัตราดอกเบี้ยตามที่ตกลงกัน โดยต้องเกิดขึ้นจากความพึงพอใจทั้งสองฝ่ายและเป็นธรรม (ไม่คิดเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด)
แบ่งหนี้ยังไง ให้เป็นระบบ ด้วยทริคแบ่งเงิน 3 กอง
เมื่อรู้แล้วว่าหนี้เกิดมาจากความต้องการและความจำเป็นซึ่งถ้าหากเรากลายมาเป็นหนี้ก็จะอยู่ในฐานะลูกหนี้ที่จะต้องจ่ายเงินให้เจ้าหนี้ทำให้ต้องวางแผนว่าทำอย่างไรให้บริหารจัดการหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพหนึ่งในวิธีที่อยากนำเสนอคือ การแบ่งเงินออกเป็น 3 กอง ดังนี้
- เงินกู้ คือ เงินที่เอาไว้จ่ายหนี้สินที่กู้หนี้ยืมสินมาไม่ว่าจะเป็นหนี้สินเชื่อ หนี้บัตรเครดิต หนี้รถ หนี้บ้าน หรือหนี้อื่น ๆ ที่กู้มาใช้เพื่อความต้องการ หรือเพื่อความจำเป็น
- เงินกิน คือ เงินที่เรานำไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวันซึ่งจะนับรวมค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือย เช่น ค่าช้อปปิ้งต่าง ๆ
- เงินเก็บ คือ เงินสดสำรองฉุกเฉิน (ซึ่งนักวางแผนการเงินมักจะแนะนำให้มีเงินสดสำรองฉุกเฉิน 3 – 6 เดือน) เช่น เงินเดือน 15,000 ควรมีเงินเก็บอยู่ที่ประมาณ 45,000 – 90,000 บาท
ตัวอย่าง: นาย A ได้รับเงินเดือนเดือนละ 15,000 บาทและแต่ละเดือนจะได้รับเงินพิเศษเดือนละ 3,500 บาททำให้มีรายรับแต่ละเดือนอยู่ที่18,500 บาท โดยในแต่ละเดือนมีภาระค่าใช้จ่ายในการผ่อนรถอยู่ที่ 7,000 บาทและค่าเช่าบ้านเดือนละ 3,000 บาทโดยไม่รวมน้ำไฟ และยังมีค่าผ่อนบัตรเครดิตเดือนละ 1,2000 บาทเป็นเวลา 24 เดือน ดังนั้นนาย A จะต้องแบ่งเงิน 3 ก้อนออกเป็น ดังนี้
- เงินกู้ จะจ่ายค่ารถเดือนละ 7,000 บาทและค่าบัตรเครดิตเดือนละ 1,200 บาทเท่ากับเดือนละ 8,200 บาท
- เงินกิน ซึ่งจะส่วนที่เหลือจ่ายจากการเงินกู้มาอยู่ที่เดือนละ 10,300 บาทที่จะใช้เป็นค่ากินและค่าใช้ส่วนตัวต่าง ๆ รวมถึงค่าของฟุ่มเฟือยต่าง ๆ (ถือเป็นสิ่งที่จะช่วยให้เป็นแรงขับเคลื่อนในการทำงาน แต่ต้องไม่เกินกว่ารายได้ที่รับ)
- เงินเก็บ หากคิดเฉลี่ยคร่าว ๆ หรือมีการวางแผนว่าจะเก็บเงินเดือนละ 3,000 บาทก็ให้เริ่มจากการลองเก็บก่อนแล้วค่อยเหลือไปเป็นค่ากินก็จะเหลือ 7,300 บาท
โดยหากบริหารจัดการส่วนที่เหลือแต่ละเดือนแล้วไม่พอใช้ก็อาจจะลองปรับเปลี่ยนแผนเก็บเงินได้ตามความเหมาะสม
รวมวิธีปลดหนี้ ที่ทุกคนทำได้
รู้จักวิธีการแบ่งเงินแต่ละก้อนกันไปแล้วก็ถึงเวลาที่จะมาจริงจังการปลดหนี้ที่มีแผนการชำระซึ่งจะช่วยให้การบริการจัดการหนี้อย่างมีประสิทธิภาพผ่านทริคดังนี้
- ทำรายการหนี้ทั้งหมด ว่าณ ปัจจุบันมีหนี้สินอะไรอยู่บ้าง เช่น สินเชื่อบ้านที่ต้องผ่อนแต่ละเดือน หนี้บัตรเครดิต หนี้บัตรกดเงินสด หนี้รถ หนี้ไฟแนนซ์ โดยจัดบันทึกแต่ละรายการรวมถึงอัตราดอกเบี้ย
- จัดลำดับหนี้ นำหนี้ที่มีทั้งหมดมาจัดลำดับว่าควรจ่ายหนี้ไหนก่อนสุดซึ่งอาจจะแบ่งออกเป็นหนี้ที่ยอดน้อยสุด หรือหนี้ที่ดอกเบี้ยแพงสุด อันนี้ขึ้นอยู่กับลูกหนี้ว่าถนัดที่จะจ่ายแบบใด
- มีแผนการชำระหนี้ โดยควรจะมีการกำหนดระยะเวลาว่าหนี้ลำดับแรกต้องการชำระเงินคืนให้หมดภายในระยะเวลาเท่าไรจากนั้นก็ทยอยทำหนี้ก้อนอื่น ๆ เพื่อที่เราจะได้มีแผนการชำระ แม้จะมีการสะดุด หรอมีปัญหาระหว่างการชำระก็ยังสามารถนำแผนที่มีอยู่มาปรับให้เหมาะสมได้ใหม่อย่างมีเป้าหมาย
- เริ่มชำระหนี้ ตามลิสต์หนี้ลำดับแรก ไม่ว่าจะยอดน้อยสุด หรือดอกเบี้ยมากสุดก็ตามโดยเริ่มจากการทยอยจ่ายหนี้ก้อนนั้นให้หมดตามแผนที่หนด แล้วทยอยจัดการส่วนหนี้ก้อนอื่น ๆ ซึ่งระหว่างที่ชำระหนี้ก้อนแรกก็อาจจะให้ชำระขั้นต่ำและวนทำซ้ำแบบหนี้ไปเรื่อย ๆ จนหมดทุกรายการ
สิ่งที่อยากเน้นย้ำ คือ การสำรวจความสามารถในการประกอบอาชีพที่อาจจะเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการสร้างรายได้จากความสามารถอื่น ๆ ที่เราไม่เคยรู้ว่ามีอยู่และทำได้โดยสามารถนำมาต่อยอดเพื่อเพิ่มรายได้โป๊ะหนี้ให้หมดไวขึ้น แต่สำหรับใครที่ถนัดแค่งานที่ทำอยู่ ณ ปัจจุบันก็ไม่ได้ผิดแปลก หรืออย่างใดก็ยังคงใช้แผนการชำระเดิมที่อาจจะมาลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นเพื่อเพิ่มเงินเหลือในการชำระหนี้และแบ่งเก็บออมให้มีเงินเก็บระหว่างเป็นหนี้ได้
แบ่งหนี้ยังไง ให้เป็นระบบจึงเป็นจุดเริ่มทางการเงินที่จะช่วยให้คุณหมดปัญหาเรื่องหนี้ แถมมีเสถียรภาพทางการเงินแต่แค่ต้องมีแบบแผนว่าในการแบ่งเงินซึ่งอาจจะอิงจากเทคนิค 3 กอง คือ เงินกู้ เงินกินและเงินเก็บ แล้วามาเจาะลึกที่เงินกู้ที่ก่อให้เกิดหนี้ว่ามีรายการไหนบ้าง อันไหนยอดน้อยสุด หรืออันไหนดอกเบี้ยน้อยสุดเพื่อวางแผนเริ่มต้นชำระหนี้ได้หมดไวตามแผน