หลังจากหนาวมาแป๊ปเดียว ร้อนอย่างนี้ ถ้าให้คิดถึงของกินดับร้อน คุณจะนึกถึงอะไรกันคะ?
เพราะความร้อนเป็นเหตุ บวกกับรสชาติหวานอร่อยที่ชวนให้คนไทยส่วนใหญ่นิยมชมชอบการทานไอศกรีมกันมาก ไม่ว่าจะชายหรือหญิง เด็กหรือผู้ใหญ่ วัยรุ่นหรือวัยชรา ก็ไม่ปฏิเสธว่า ไอศกรีมนั้นเป็นของหวานชนิดหนึ่งที่จะนึกถึงเพื่อดับร้อน
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ไอศกรีมแบรนด์ต่างๆ ผุดขึ้นในไทยเป็นจำนวนมาก ทั้งไอศกรีมท้องถิ่น ไอศกรีมแบรนด์ไทยแบรนด์เทศ ต่างก็ตบเท้าเข้ามาขอส่วนแบ่งทางการตลาดกันอย่างล้นหลาม พร้อมชูจุดเด่นงัดกันเพื่อเรียกคะแนนแข่งกับคู่ต่อสู้ ไม่ว่าจะด้านรูปลักษณ์ วิธีการผลิต วัตถุดิบ หรือรสชาติที่แตกต่าง เพราะรู้ว่า ศึกไอศกรีม ในไทยช่างใหญ่หลวงนัก ถึงแม้จะมี Target ที่กว้างและมาก แต่ก็ไม่ควรประมาทแม้แต่ก้าวเดียว เพราะนั่นหมายถึงความหายนะมาเยือนเพียงชั่วพริบตา
อย่างเมื่อปลายไตรมาสของปีที่แล้วที่ไอศกรีมสัญชาติอเมริกัน แต่ชื่อภาษาแดนิชอย่าง “ฮาเกนดาส” ก็ขอร่วมสู้ศึกรสหวานเย็นนี้ โดยเปิดโมเดลใหม่เจาะตลาดในไทยเป็นครั้งแรก ภายใต้ “ฮาเกนดาสฟรุ้ตตี้คาเฟ่” พร้อมกลยุทธ์ “โลก+ท้องถิ่น” รุกพฤติกรรมผู้บริโภค ที่มุ่งเจาะเปิดเฉพาะในย่านธุรกิจและคอมมูนิตีมอลล์ทั่วกรุงเทพฯ ทั้งสยามสแควร์ สีลม ราชพฤกษ์ อโศก พระราม 4 และชิดลม ก่อนชูเป็นโมเดลหลักขยายตลาดประเทศอื่นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่อไป
จากแนวคิด “โลก+ท้องถิ่น” ฮาเกนดาสได้หยิบกลยุทธ์ที่เคยใช้ในระดับโลกเท่าที่จำเป็นเท่านั้น แล้วนำมาปรับเปลี่ยนผสมผสานกับกลยุทธ์ในท้องถิ่นตามความเหมาะสม ควบคู่กับการนำนวัตกรรมเข้ามาร่วมในการผลิตสินค้า เพื่อรสชาติใหม่ๆ อย่างไอศกรีมรสยูซุ ซิตรัสแอนด์ครีม ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากประเทศญี่ปุ่น และผลิตขึ้นจำนวนจำกัดสำหรับตลาดเอเชียโดยเฉพาะ สำหรับในไทยนอกจากจะได้ลิ้มลองกับรสชาติลิมิเต็ตอิดิชั่นนี้แล้ว ยังมีรสบลูเบอร์รี่แอนด์ครีม และแมงโก้แอนด์ราสเบอร์รี่ให้ดื่มด่ำกันอีกด้วยนะเออ
อย่างที่บอกไปแล้วว่า เพราะไทยเป็น Target ที่กว้างและมากสำหรับตลาดของหวานชิ้นนี้ บริษัท เอซากิ กูลิโกะ ประเทศญี่ปุ่น เจ้าของแบรนด์กูลิโกะ จึงไม่ขอพลาดที่จะจัดตั้งบริษัท กูลิโกะ โฟรเซ่น (ประเทศไทย) จำกัด ขึ้น เพื่อดำเนินธุรกิจด้านไอศกรีมในเมืองไทย ด้วยเล็งเห็นช่องทางหลังจากศึกษาตลาดมายาวนานพบว่า ประเทศไทยมีศักยภาพสูง เพราะคนไทยชอบมองหาประสบการณ์ใหม่ๆ ที่แตกต่าง ซึ่งผนวกเข้ากันกับสินค้าของกูลิโกะอย่างเหมาะเจาะพอดีที่มีความสามารถในการพัฒนาสินค้าให้มีเอกลักษณ์โดดเด่นและแตกต่างไม่เหมือนใคร ด้วยประสบการณ์ความสำเร็จที่การันตีด้านขนมและของหวานมาอย่างยาวนาน โดย ศึกไอศกรีม ครั้งนี้ กูลิโกะจะมุ่งไปที่กลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงานเป็นหลัก
และตั้งแต่วันที่ 27 มกราคมเป็นต้นไป เราจะได้เห็นไอศกรีมยี่ห้อใหม่ภายใต้การนำของกูลิโกะถึง 4 แบรนด์ด้วยกัน คือ ไจแอนด์โคน พาลิตเต้ พาแนปป์ และเซเว่นทีน ไอซ์ ที่เป็นไอศกรีมแท่งรูปแบบใหม่โดยไม่ต้องกลัวละลายที่ฉีกเทรนด์คู่แข่งจนน่าจับตา โดยทั้งหมดจะมีรูปแบบการตลาดดิจิตอลมาร์เก็ตติ้ง ทั้งสื่อออนไลน์และเว็บไซต์ต่างๆ ซึ่งเป็นสื่อที่วัยรุ่นและวัยทำงานเลือกใช้เป็นประจำอยู่แล้ว และกูลิโกะก็ค่อนข้างมั่นใจว่าไอศกรีมทั้งสี่จะได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคคนไทยด้วยรสชาติและคุณภาพที่ถูกใจทุกๆ คนอย่างแน่นอน…เมื่อถึงวันนั้น ต้องมาลองกันหน่อยสิว่า รสชาติไหน แบรนด์ไหนจะถูกลิ้นคนไทยให้ละเลียดต่อในตลาดได้ตลอดการแข่งขัน
เพราะความหวานและเย็นของไอศกรีม จึงเป็นของหวานถูกใจไว้ดับร้อนคนไทยมาอย่างยาวนาน แต่ใครที่จะก้าวขาเข้ามาช่วงชิงขอเป็นส่วนหนึ่งของการตลาดนี้ในไทย ถึงแม้จะดูง่าย แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะทำได้ง่ายๆ อย่างที่คิด เพราะอาจถูกความหวานและเย็นกลืนกินให้กลายเป็นความขมขื่นได้…ถ้าผลิตภัณฑ์ของคุณนั้นไม่โดดเด่นจริง
ที่มา : www. thansettakij.com