การออม มีหลากหลายคำจำกัดความ แต่พูดได้ง่ายๆคือ การเก็บ การออมเงิน คือการเก็บเงิน หรือทรัพย์สินที่สามารถเปลี่ยนเป็นเงินได้ในอนาคต เพื่อวัตถุประสงค์อย่างใดอย่างหนึ่ง การออมมีหลากหลายวิธี ก่อนที่เราจะตัดสินใจออมด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง เราควรศึกษารูปแบบที่เหมาะกับตัวของเราให้มากที่สุด รวมถึงศึกษาประโยชน์ที่จะได้รับต่อตัวเราและครอบครัวของเรา ให้สูงสุด หรือตรงกับความต้องการของเรามากที่สุด การออมนั้นไม่จำเป็นจะต้องรอให้มีฐานะมั่นคง หรือจำเป็นจะต้องใช้ก่อนถึงจะค่อยออม แต่ควรจะออมไว้ เผื่อเวลาที่ “จำเป็นจะต้องใช้” จะได้ไม่ลำบาก ดังนั้น การออมเพื่ออนาคตจึงทำได้ทุกเพศ ทุกวัย แต่สำหรับในวันนี้ที่นำมาคุยให้ฟังนั้น จะเป็นการออมผ่านสถาบันการเงินค่ะ
สำหรับการออมผ่านสถาบันการเงินนั้น ต่างก็มีผลิตภัณฑ์ทางการเงินแตกต่างกันไป ยกตัวอย่างผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เป็นที่นิยม คือ ฝากประจำ กองทุน และประกันชีวิตค่ะ
การออมแบบฝากประจำ
การฝากประจำ คือการทำสัญญากับธนาคารว่า เราจะเอาเงินเข้าไปฝากทุกๆระยะเวลาที่กำหนด ธนาคารก็จะสัญญาว่า จะให้ดอกเบี้ยเราตามที่กำหนด ซึ่งส่วนใหญ่จะสูงกว่าฝากออมทรัพย์ทั่วไป เมื่อฝากจนครบกำหนดเวลา เราถึงจะสามารถถอนได้ ระหว่างนั้น เราจะไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับเงินก้อนนั้นเลย ที่สำคัญคือ เราต้องคำนวณค่าใช้จ่ายเราให้มีเพียงพอก่อน เพื่อที่จะหาเงินมาฝากได้โดยไม่เดือดร้อนตัวเองนั่นเองค่ะ
อ่านเพิ่มเติม : เทคนิคการออม รวยด้วยการฝากประจำ
การออมแบบกองทุน
การออมแบบกองทุน ก็คือการที่เราฝากเงินไว้กับสถาบันการเงิน เพื่อที่จะให้สถาบันการเงินลงทุนแทนเรา ค่าตอบแทนที่เราจะได้ก็ขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงานของกองทุน หรือพูดง่ายๆคือขึ้นอยู่กับฝีมือโบรกเกอร์และผู้จัดการกองทุนนั่นเองค่ะ ดังนั้น ก่อนที่จะตัดสินใจออมแบบกองทุน ก็ต้องศึกษาผลการดำเนินงานของกองทุนที่ผ่านมา เลือกกองทุนที่มีความเสี่ยงอยู่ในระดับที่เรารับได้ รวมถึงศึกษาเงื่อนไขของกองทุนก่อนด้วย เช่น บางกองทุนจ่ายปันผล บางกองทุนไม่จ่ายปันผล บางกองทุนลงทุนในหุ้นเท่านั้น เป็นต้น
อ่านเพิ่มเติม : มาออมเงินกับ กองทุนรวม กันเถอะ
การออมแบบประกันชีวิต
การออมแบบนี้ คือการออมที่เป็นวิธีจำกัดความเสี่ยงด้านค่ารักษาพยาบาลไปในตัว เพราะเมื่อเกิดอุบัติเหตุ หรือนอนโรงพยาบาลจะสามารถเบิกประกันได้ ค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียเมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ก็จะลดลง และเมื่อชำระค่าเบี้ยประกันไปจนครบกำหนดก็อาจจะมีเงินคืน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสัญญา ถึงแม้การออมแบบนี้จะได้ผลตอบแทนเหมือนจะไม่เท่าแบบอื่นๆ แต่สามารถช่วยเราได้ในกรณีฉุกเฉินมากกว่าแบบอื่นๆนะคะ
อ่านเพิ่มเติม : ออมเงินด้วยประกัน แบบไหน? ถึงจะใช่ เหมาะกับเรา
การเลือกบริษัทประกันชีวิต อาจจะเลือกจากความมั่นคง หรืออ่านรีวิว ว่าบริษัทนี้เบิกง่ายหรือเบิกยาก มีการยื้อไม่จ่าย หรือจ่ายตรงตามสัญญา ควรเลือกบริษัทที่ไม่ต้องสำรองจ่ายเมื่อเข้าโรงพยาบาล หรือมีโรงพยาบาลในเครือเยอะ เพื่อที่จะเข้ารักษาได้สะดวกกว่า และหลีกเลี่ยงปัญหาที่เกิดจากการสำรองจ่ายแต่บริษัทไม่ยอมจ่ายในภายหลัง แนะนำให้เลือกประกันแบบที่มีการออมไปพร้อมๆกันด้วย เพราะจะได้เงินคืนเมื่อครบกำหนด การออมในประกันชีวิต เป็นสิ่งหนึ่งที่หลายๆคนมองข้ามไป เพราะคิดว่าคงจะไม่ได้ใช้ เสียเงินเปล่า แต่สมมติว่าคุณป่วยกะทันหันจนต้องนอนโรงพยาบาลหลายๆวัน บริษัทคงไม่จ่ายเงินเดือนคุณเท่าเดิมเป็นแน่ แต่ถ้าคุณมีประกันสุขภาพไว้ อย่างน้อยก็ช่วยคุณได้มาก ทั้งค่ารักษาพยาบาล ค่าห้อง และบางกรมธรรม์มีค่าชดเชยการขาดรายได้ต่อวันด้วย ทำให้อย่างน้อยๆ คุณก็ไม่ลำบากมาก
พูดถึงตรงนี้แล้ว ดิฉันขออนุญาตนำเรื่องของตนเองมาบอกเล่าเป็นประสบการณ์ เพื่อให้อีกหลายๆคนที่ยังมีความคิดว่าการออมไม่ใช่สิ่งสำคัญหรือยังไม่ถึงเวลา หันมาใส่ใจการออมบ้างนะคะ สำหรับการออมที่ดิฉันทำอยู่คือ ประกันชีวิตและประกันสุขภาพค่ะ
สาเหตุที่ดิฉันหันมาออมในรูปแบบประกัน คือ เมื่อกลางๆปี2552 ได้เกิดอุบัติเหตุเล็กๆ แต่รักษานานเป็นเดือนทีเดียวกับดิฉัน ดิฉันได้รับอุบัติเหตุกับนิ้วก้อยข้างซ้าย ยาวตลอดนิ้วจนถึงเล็บ ต้องเย็บ 7 เข็มแต่ดิฉันไม่สามารถทำงานได้ เพราะงานที่ทำนั้นต้องใช้2 มือ ดิฉันทำงานไม่ได้ไปเดือนกว่า และได้พบกับบูธขายประกันในห้าง ตอนแรกบอกตรงๆว่าไม่ได้สนใจเลย ออกรำคาญด้วยซ้ำ แต่เนื่องจากตัวแทนเปิดประเด็นมาตรง ในเรื่องอุบัติเหตุที่เจอมาพอดี เลยลองรับฟัง และที่เรารู้สึกได้เลยว่าเหมาะกับครอบครัวดิฉัน คือการออมแล้วมีประกันสุขภาพร่วมมาด้วย เพราะเมื่อได้รับบาดเจ็บจนไม่สามารถทำงานได้ ทางบริษัทจะมีเงินชดเชยตามวันจริงที่ทำงานไม่ได้ และถ้าได้รับอุบัติเหตุ หรือเป็นโรคร้ายตามสัญญา บริษัทก็ชดเชยให้ เมื่อจ่ายจนครบสัญญาแล้วทางบริษัทจะคืนเงินต้นให้เรา หรือกรณีเสียชีวิตก็ได้รับเงินชดเชย ในตอนที่ทำ ดิฉันก็ไม่ได้คิดว่าตนเองจะเจออุบัติเหตุอีกครั้ง แต่เมื่อดิฉันเกิดอุบัติเหตุอีกครั้งจนทำงานอย่างคนปกติไม่ได้ ดิฉันก็ยังได้ค่าชดเชยจากประกัน นับว่าดิฉันอาจยังโชคดีอยู่บ้างในความโชคร้าย