การ จัดสรรรายได้ ของวัยทำงานถือเป็นสิ่งจำเป็นมากเพราะเป็นวัยที่ต้องหาเงินและเริ่มสร้างครอบครัวของตัวเอง ยิ่งเป็นผู้มีรายได้ประจำหรือที่เรียกกันว่ามนุษย์เงินเดือนยิ่งต้องวางแผนเรื่องการเงินให้ละเอียด เนื่องจากรายได้ที่มีจะมาเดือนละครั้งและมีการหักค่าใช้จ่ายเพื่อสวัสดิการต่าง ๆ ก่อนเป็นรายได้ให้เราสามารถใช้ได้ ที่สำคัญมีในปริมาณที่จำกัด เช่น ได้รับเงินเดือน 15,000 บาท เมื่อหักประกันสังคมและภาษีแล้วอาจเหลือใช้ประมาณ 13,000 บาทเท่านั้น ซึ่งในเงินจำนวนนี้มนุษย์เงินเดือนโดยทั่วไปต้องนำไปใช้จ่ายในรายจ่ายที่จำเป็นมากมาย เช่น ค่าบ้าน ค่าผ่อนรถ เป็นต้น ทำให้เงินที่มีไม่เหลือเป็นเงินออมเพื่อเก็บไว้ใช้ในอนาคต ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเราจึงควรมีการจัดสรรรายได้ที่ดีเพื่อการออมและการลงทุน
การจัดสรรรายได้ คือ การนำเงินรายรับที่รับอยู่เป็นประจำมาแบ่งเป็นสัดส่วนเพื่อให้เกิดความชัดเจนทางการเงิน เช่น รายได้ – เงินออม – ค่าใช้จ่ายที่จำเป็น โดยรายได้นั้นอาจจะมาจากการทำธุรกิจส่วนตัว เงินเดือน โดยที่เจ้าของเงินจะต้องแยกเงินที่ได้มาเป็นส่วน ๆ โดยมีเป้าหมายและวิธีการแยกเงินที่ชัดเจนเพื่อไม่ให้ตัวเองเดือดร้อนได้ เช่น
- 10 เปอร์เซ็นต์ของรายได้คือเงินออม
- 30 เปอร์เซ็นต์ของรายได้คือค่าใช้จ่ายที่จำเป็น เช่น ค่าเช่าบ้าน ค่ารถ
- 40 เปอร์เซ็นต์อาจจะเป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัวและที่เหลืออาจจะเป็นเงินสำหรับการลงทุน
ซึ่งการทำเช่นนี้จะช่วยให้เรามีเงินใช้ตลอดทั้งเดือนโดยที่ไม่ประสบปัญหา และสามารถมีเงินเก็บมาใช้ในยามจำเป็นอีกด้วย
จัดสรรรายได้ เพื่อใช้จ่ายส่วนตัว
เป็นสิ่งที่จำเป็นมากสำหรับพนักงานประจำ เนื่องจากมีรายได้เข้ามาในบัญชีเพียงเดือนละหนึ่งครั้งเท่านั้น หากใช้จ่ายโดยไม่ระวังก็อาจประสบปัญหาเงินหมดก่อนถึงสิ้นเดือนได้ โดยมีวิธีการคำนวณค่าใช้จ่ายรายวันง่าย ๆ ดังนี้
- นำเงินที่ใช้เป็นประจำทุกวันมาคำนวณกับวันทำงานทั้งหมด เช่น 200 x 20 = 4,000 บาท และ รายจ่ายในวันหยุด เช่น 300 x 8 = 2,400 บาท
- นำยอดรวมของทั้งสองอย่างมารวมกันจะได้เป็น 6,400 บาท นี่คือค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นแต่ละเดือน
เมื่อทราบยอดแล้วจะรู้ได้ทันทีว่าเราควรบริหารเงินนี้อย่างไรให้มีใช้ตลอดทั้งเดือน นอกจากนี้ควรมีเงินสำรองสำหรับค่าใช้จ่ายที่คาดไม่ถึงเช่น ค่าภาษีสังคม (งานเลี้ยง งานแต่งงาน หรืองานสังคมอื่น ๆ เป็นต้น) ค่ารักษาพยาบาล รวมไปถึงค่าอุปกรณ์เครื่องใช้ด้วย เพื่อไม่ให้เงินที่จัดสรรเอาไว้ติดขัดได้
จัดสรรรายได้เพื่อการออม
เมื่อมีการจัดสรรรายจ่ายแล้วสิ่งต่อมาคือการจัดสรรรายได้เพื่อการออม เพราะในยุคนี้การออมเงินคือสิ่งสำคัญ ใครออมก่อนคนนั้นก็จะมีโอกาสและอิสรภาพทางการเงินก่อน ช่วยให้มีหลักประกันทางการเงินที่ดี โดยมีหลักจัดสรรการออมคือ หลังจากคำนวณค่าใช้จ่ายส่วนตัวแล้วเงินที่เหลือจะใช้เป็นเงินออม โดยจะต้องแบ่งออกเงินออมเป็นสามส่วนใหญ่ ๆ คือ เงินออมเพื่อนาคต เช่น เมื่อวันหนึ่งเราไม่ได้ทำงานประจำแล้วสามารถนำเงินนี้มาใช้เพื่อเป็นเงินทุนในการทำกิจการอื่น ๆ หรือหากเป็นวัยเกษียณก็สามารถนำเงินนี้มาเป็นค่าใช้จ่ายได้ เป็นต้น ต่อมาคือเงินออมเพื่อฉุกเฉิน ในกรณีที่เจ็บป่วยหรือเกิดการเลิกจ้างงานกะทันหัน ควรมีเงินสำรองไว้อย่างน้อย 3 เดือนเพื่อเหตุการณ์เหล่านี้และต้องเบิกออกมาใช้ได้ทันทีที่ต้องการ เช่น กรณีถูกเลิกจ้าง ระหว่างที่ต้องรองานใหม่เราสามารถนำเงินออมนี้มาใช้ได้ทันที และสุดท้ายเงินออมเพื่อการลงทุนเป็นการออมเงินในรูปแบบที่สามารถสร้างผลกกำไรได้ในอนาคต ทั้งนี้ควรออมเงินให้พอดีและสมดุลกับค่าใช้จ่ายของตัวเองโดยไม่ทำให้ตัวเองต้องลำบาก
อ่านเพิ่มเติม >> วัยอย่างเรา ออมเท่าไหร่ดี ? <<
จัดสรรรายได้เพื่อการลงทุน
ถือเป็นรูปแบบการออมเงินที่ชาญฉลาด เพราะเป็นการนำเงินออมที่เก็บไว้เฉย ๆ มาสร้างมูลค่าเพิ่มในรูปแบบการลงทุน ช่วยลดปัญหาเรื่องอัตราเงินเฟ้อและเป็นการสร้างรายได้เพิ่มให้กับตัวเอง ซึ่งปัจจุบันมีรูปแบบการออมเพื่อการลงทุนให้เลือกหลายประเภท เช่น การลงทุนในรูปแบบการซื้อตราสารหนี้ การลงทุนในการซื้อสลากออมทรัพย์ การลงทุนในรูปแบบการซื้อกองทุนรวมหุ้นระยะยาว การซื้อประกันชีวิต รวมไปถึงการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ โดยอัตราส่วนจะขึ้นอยู่กับอายุและช่วงวัยของผู้ลงทุน เช่น วัยทำงานอาจจะมีอัตราการลงทุนในรูปแบบหุ้นมากกว่า เนื่องจากสามารถยอมรับความเสี่ยงได้สูง หรือวัยใกล้วัยเกษียณจะมีอัตราการลงทุนรูปแบบอสังหาริมทรัพย์มากกว่า เนื่องจากมีความเสี่ยงต่ำ
นอกจากรูปแบบการจัดสรรเงินที่กล่าวมาแล้ว ยังมีรูปแบบการจัดสรรเงินออมเพื่อใช้อย่างอื่นอีกด้วย เช่น การจัดสรรเงินเพื่อสมรส การท่องเที่ยว การจัดสรรเงินเพื่อบุตร การจัดสรรเงินเพื่อการศึกษาโดยสามารถใช้วิธีการเก็บเงินได้หลายรูปแบบเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเก็บในรูปแบบเงินสด เก็บในรูปแบบของการซื้อกองทุน ซึ่งรายค่าใช้จ่ายเหล่านี้จะต้องมีการวางแผนที่ค่อนข้างละเอียดและต้องใช้ระยะเวลา เช่น การวางแผนการจัดสรรเงินเพื่อการศึกษาบุตร อาจมีรูปแบบการวางแผนในระยะยาว แบ่งเป็นช่วงวัยของบุตรจนกระทั่งบุตรเรียนจบ เป็นต้น โดยที่พ่อแม่เองจะไม่ต้องกังวลในจุดนี้
การ จัดสรรรายได้ เหล่านี้สามารถนำเงินที่เก็บไว้มาใช้ได้เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม เช่น หากต้องการสร้างบ้าน หากเรามีเงินออมส่วนหนึ่งอยู่แล้ว จะช่วยให้ไม่มีปัญหาเรื่องเงินดาวน์และผ่อนในอนาคต หรือจะเป็นวัยเกษียณที่ต้องการพักผ่อน การมีรายได้มาจากเงินที่ตัวเองเก็บไว้นั้นจะช่วยให้ไม่ลำบาก นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทุกคนควรมีการจัดสรรรายได้ให้ถูกวิธี