หลายๆ คนที่เพิ่งสนใจที่จะลงทุนในกองทุนรวม หรืออาจจะเป็นคนที่ลงทุนในกองทุนรวมอยู่แล้ว แต่เป็นการลงทุนแบบที่ซื้อตามๆ กันไป เพื่อนว่ากองไหนดีก็ซื้อกองนั้น หรือว่าอ่านข่าวจากอินเตอร์มีบทวิเคราะห์ว่ากองทุนนี้น่าสนใจ ราคาไม่แพงจนเกินไปก็ซื้อกองนั้นเข้าไปอีก หรือบางคนพอจะรู้มาบ้างว่าจะซื้อกองทุนต้องเปรียบเทียบผลตอบแทน และต้องดูไม่น้อยกว่า 5 ปี ถ้าผลตอบแทนสูงกว่าตัววัดมาตรฐาน (Benchmark) มาตลอดก็ซื้อกองนั้นอีกเหมือนกัน แต่บทความนี้จะมาชี้ให้เห็นว่ายังมีปัจจัยอื่นอีกอย่างน้อย 4 ตัวที่เราจะต้องนำมาใช้เปรียบเทียบก่อนตัดสินใจซื้อกองทุนด้วย
โดยปัจจัยทั้ง 4 อย่างที่เราจะพูดถึงกันอยู่นี้เป็นสิ่งที่สมาคมบริษัทจัดการหรือ AIMC ได้จัดทำขึ้นเพื่อให้ผู้ลงทุนสามารถนำไปใช้ตัดสินใจในการลงทุนได้ ซึ่งประกอบไปด้วย การจัดประเภทกองทุน เปอร์เซ็นไทล์ของกองทุน ผลตอบแทน และความผันผวน เราจะมาดูว่าแต่ตัวนั้นจะบอกข้อมูลอะไรกับเราบ้าง
การจัดประเภทกองทุน
ถ้าเราไม่ได้ใส่ในเรื่องนี้เท่าไรนักเราก็จะคิดว่ากองทุนรวมมีแค่กองทุนตราสารทุน กองทุนรวมตราสารหนี้ กองทุนรวมอสังหาริมทรัย์ แต่จริงๆ แล้ว AIMC นั้นได้จัดประเภทกองทุนรวมไว้ทั้งหมดถึง 34 ประเภทเลยทีเดียว เพราะจะแบ่งแบบละเอียดมากๆ ตามแต่นโยบายการลงทุน ยกตัวอย่างเช่น กองทุนรวมตราสารทุน AIMC ยังจัดประเภทให้ทั้งหมดอีก 10 ประเภท เช่น ตราสารทุนทั่วไป กองทุนที่ลงทุนในตราสารทุนของจีน ลงทุนในยุโรป หรือจะเป็นกลุ่มหุ้นกลุ่มใหญ่ของตลาด เป็นต้น ซึ่งการจัดประเภทของกองทุนรวมนี้จะช่วยให้เราสามารถเลือกกองทุนที่มีนโยบายการลงทุนเหมือนกันมาเปรียบเทียบได้ดีขึ้น
เปอร์เซ็ลไทล์ของกองทุน
ที่สมาคมบริษัทจัดการจัดอันดับไว้ 5 กลุ่ม ได้แก่
- เปอร์เซ็นไทล์ที่ 5
- เปอร์เซ็นไทล์ที่ 25
- เปอร์เซ็นไทล์ที่ 50
- เปอร์เซ็นไทล์ที่ 75
- เปอร์เซ็นไทล์ที่ 95
ซึ่งการเราสามารถอ่านค่าเปอร์เซ็นไทล์ได้แบบนี้ เช่น กองทุนรวมที่เราสนใจอยู่ในกลุ่มเปอร์เซ็นไทล์ที่ 5 ก็จะหมายความว่า ถ้ามีกองทุนในกลุ่มนี้ทั้งหมด 100 กองทุน กองทุนที่เราสนใจนี้จะอยู่ในอันดับ 5% แรกที่ให้ผลตอบแทนสูงที่สุดในกลุ่ม ซึ่งถ้าเราสามารถอ่านและเปรียบเทียบของกองทุนของเรากับเปอร์เซ็นไทล์ของทั้งตลาดเป็นก็จะทำให้เรารู้ได้ว่ากองทุนที่เราสนใจนั้นอยู่ในกลุ่มไหนของตลาดทั้งหมด
ผลตอบแทนเรื่องผลตอบแทน
คงไม่ต้องอธิบายกันมาก เพราะคนที่ลงทุนกองทุนรวมโดยส่วนใหญ่แล้วจะต้องนำผลตอบแทนของแต่ละกองทุนมาเปรียบเทียบกันก่อนที่จะลงทุนกันอยู่แล้ว แต่อย่าลืมว่าเวลาเปรียบเทียบผลตอบแทนก็จะต้องใช้กองทุนที่เป็นประเภทเดียวกันมาเปรียบเทียบกันเท่านั้น
ความผันผวน
หรือเราจะเรียกได้ว่าเป็นความเสี่ยงของกองทุนที่เราสามารถจะเห็นได้จากตารางผลการดำเนินงานที่ AIMC จัดทำไว้เช่นกัน ซึ่งค่าความผันผวนของกองทุนนี้จะช่วยทำให้เรารู้ว่ากองทุนที่เราสนใจนั้นมีระดับความเสี่ยงเท่าไรในตลาด มีความคงเส้นคงวาในการบริหารกองทุนมากน้อยแค่ไหน และจะน่าสนใจลงทุนแค่ไหน
แต่ที่สำคัญคือเราจะต้องไม่ลืมว่าข้อมูลทั้งหมดที่ AIMC สรุปมาให้เราไว้ใช้งานนั้นเป็นข้อมูลที่เกิดขึ้นในอดีต ที่เราใช้สำหรับดูแนวโน้มของกองทุนในอนาคตเท่านั้น และก็จะเป็นเหมือนกับที่โฆษณากันคือ ข้อมูลผลตอบแทนต่างที่แสดงอยู่นั้นไม่ได้เป็นตัวการันตีผลตอบแทนในอนาคต แต่ก็ไม่เป็นไรเราเพียงแต่เป็นแนวทางในการตัดสินใจเลือกซื้อกองทุนของเราสักกองทุนเท่านั้นเอง
เรามาลองดูตัวอย่างวิธีการอ่านข้อมูลที่ AIMC แสดงไว้ให้เราในเว็บไซต์กันดีกว่า
ยกตัวอย่างเช่น ตอนนี้เราสนใจจะซื้อกองทุนรวม LTF คือ TISCO Dividend Long Term Equity Fund เพราะเพื่อนแนะนำมาว่ากองทุนนี้จ่ายปันผลดี และตอนนี้ราคาก็ไม่แพงมากเท่าไร เพราะฉะนั้นก่อนที่เราจะตัดสินใจซื้อเราก็ต้องหาข้อมูลกันก่อนสักเล็กน้อย ซึ่งเราสามารถไปที่เว็บไซต์ของ AIMC ที่ www.aimc.or.th แล้วไปเลือกตรงที่ข้อมูลสถิติและผลการดำเนินงาน
จากนั้นเราก็มาดูประเภทกันก่อนว่ากองทุน TISCO Dividend Long Term Equity Fund (TDLTF) นั้นจัดเป็นกองทุนที่ลงทุนในหุ้นทั่วไปหรือ Equity General ต่อจากนั้นก็ไปเลือกดูข้อมูลความเสี่ยงที่เราจะเห็นผลตอบแทนและค่าเบี่ยงเบนของกองทุน เพื่อที่เราจะได้ไปเปรียบเทียบกับตลาด โดยเราจะเทียบผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปีกัน เราจะพบว่ากองทุน TDLTF มีผลตอบแทนเท่ากับ -0.44% และค่าความผันผวน 8.88% และเราจะเทียบกับตลาดดูว่ากองทุน TDLTF นั้นเป็นยังไงในตลาดกัน ซึ่งก็จะเป็นข้อมูลที่เรามาจากเว็บไซต์ของ AIMC อีกเหมือนกัน
โดยสามารถเปรียบเทียบข้อมูลกองทุน TDLTF ได้ว่ามีผลการดำเนินงานอยู่ในช่วงเปอร์เซ็นไทล์ที่ 25 ถึง 50 ที่ก็ยังถือว่าอยู่ในกลุ่มที่มีผลตอบแทนสูงอยู่ และแถมด้วยผลการดำเนินก็ยังสูงกว่าเฉลี่ยอีก เพราะผลการดำเนินงานเฉลี่ยของตลาดจะ -1.24% ส่วนความเสี่ยงของกองทุน TDLTF ก็ต่ำกว่าตลาดอีก คือ TDLTF มีค่าผันผวน 8.88% แต่ตลาดอยู่ที่ 10.11 % เพราะฉะนั้นกองทุน TDLTF ก็ถือได้ว่าเป็นกองทุนที่น่าสนใจจะลงทุนกองทุนหนึ่งเลยทีเดียว แต่อย่างไรก็ตามก่อนที่เราจะลงทุน เราก็ควรจะศึกษาหนังสือชี้ชวนของกองทุนให้เข้าใจให้ดีกันก่อนด้วยนะ
อ่านเพิ่มเติม : หุ้นดีหุ้นเด่น เลือกถูก เข้าเป็น มีสิทธิรวยเละ !