ผู้ที่กำลังจะทำประกันอาจจะยังมีข้อสงสัยอยู่ว่าใครสามารถเป็นผู้รับผลประโยชน์ ประกันได้บ้าง ซึ่งผู้รับผลประโยชน์ ประกัน สามารถเป็นใครก็ได้ แต่ทางบริษัทต้องขอให้เป็นผู้ที่มีส่วนได้เสียกับผู้เอาประกันภัยจะดีกว่า เพราะทางบริษัทกลัวว่าอาจมีการทุจริตโดยเอาชีวิตผู้อื่นมาทำประกันชีวิต และอาจมีการฆ่าเพื่อหวังเงินประกันชีวิตตามที่เคยมีข่าวให้เห็นตามหน้าหนังสือพิมพ์ หรือสื่อออนไลน์ นั่นเอง ซึ่งผู้รับประกันภัย คือ คู่สัญญาฝ่ายซึ่งตกลงจะใช้ค่าสินไหมทดแทน หรือใช้เงินจำนวนหนึ่งให้ผู้เอาประกัน ก็คือ คู่สัญญาฝ่ายซึ่งตกลงจะส่งเบี้ยประกันภัย ส่วนผู้รับผลประโยชน์ ประกัน คือบุคคลผู้ที่พึงได้รับค่าสิน ไหมทดแทนเป็นคนที่เอาประกันเองหรืออาจเป็นคนอื่นก็ได้ ซึ่งตามกฎหมายกำหนดว่า ผู้รับผลประโยชน์จะเป็นใครก็ได้ ส่วนข้อปฏิบัติของ บ.ประกัน ไม่ใช่กฎหมาย หากคุณกำหนดผู้รับผลประโยชน์ ประกันเป็นใครก็ตามก็คือเป็นไปตามนั้น
ส่วนลูกที่บรรลุนิติภาวะสามารถทำประกันให้พ่อแม่ได้ และตัวเองก็สามารถรับผลประโยชน์ได้เช่นกัน เป็นผู้ชำระเบี้ยก็ได้ แต่จะนำประกันฉบับนี้ไปลดหย่อนภาษีไม่ได้ และในทางปฏิบัติ พ่อแม่ทำประกันตัวเอง แต่สามารถยกผลประโยชน์ให้ลูกได้ ซึ่งหากพ่อแม่ทำประกันให้ลูก ผู้เอาประกันก็คือลูก คือคนที่ได้รับความคุ้มครองตามกรมธรรม์นั้นๆ โดยที่พ่อแม่จะอยู่ในฐานะผู้ชำระเบี้ย ในกรณีที่ผู้เอาประกัน เป็นฝ่ายที่จะต้องชำระเบี้ยให้ตนเอง จะสามารถใส่ชื่อผู้รับผลประโยชน์เป็นใครก็ได้ หรือไม่ใส่ก็ได้ หากคุณไปทำพินัยกรรมเอาไว้ว่าเงินประกันนี้ขอยกให้ใครบ้าง ซึ่งหากมีเรื่องที่เกิดเหตุจริงๆ เงินประกันก็จะสามารถจ่ายไปตามพินัยกรรมที่ทำไว้ได้ แต่หากไม่ได้ทำพินัยกรรมไว้ก็จะจ่ายให้ไปตามสิทธิทางมรดกของทางผู้เอาประกันนั่นเอง
อ่านเพิ่มเติม : เรียนรู้ข้อมูลของผู้รับผลประโยชน์จากประกัน
ปัญหาผู้รับผลประโยชน์ ประกันที่ไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน
ปัญหาเรื่องสายสัมพันธ์ มีผลเป็นอย่างมากในกรณีที่ผู้เอาประกันไม่ได้เป็นผู้ที่จัดการชำระเบี้ยด้วยตัวเอง และผู้ที่ชำระเบี้ย กลับเป็นผู้รับผลประโยชน์ของกรมธรรม์ฉบับนั้นๆ ซึ่งอันนี้ที่ส่วนใหญ่มักจะเกิดปัญหา เพราะทาง บ.ประกัน กลัวเรื่องการฆ่าเอาเงินประกัน ทำให้ต้องมีการพิสูจน์กันในแง่ของสายสัมพันธ์ ซึ่งมีการได้เสียผลประโยชน์ต่อกัน โดยผู้ชำระเบี้ย ซึ่งมีชื่อเป็นผู้รับผลประโยชน์ ประกันจะเป็นผู้เสียผลประโยชน์อันดับต้นๆ ในกรณีที่ผู้เอาประกันเสียชีวิตไปจริงๆ แต่ทางกฎหมายประกันชีวิตก็ให้สิทธิ์ บ. ประกันชีวิตว่าไม่จำเป็นต้องจ่ายสินไหมหากพิสูจน์ได้ว่า ผู้รับผลประโยชน์ ประกัน เป็นผู้ทำฆาตกรรมผู้เป็นการเอาประกันนั่นเอง
ผู้รับผลประโยชน์ ประกันที่ไม่ใช่ญาติ
หากต้องการระบุให้คนที่ไม่ใช่ญาติมาเป็นผู้รับผลประโยชน์ ประกัน แม้จะมีนามสกุลเดียวกันกับคุณ และคุณจะใส่ชื่อเขาและระบุว่าเป็น พี่หรือน้อง ทางบริษัทประกันก็คงไม่ได้ตรวจเช็คทุกใบสมัครว่า เป็นพี่หรือน้องจริงหรือไม่ ซึ่งในตอนสมัครมันอาจจะไม่น่ามีปัญหาเมื่อมีกรมธรรม์อนุมัติออกมา แต่หากเป็นในปัจจุบันนี้ มีการให้ใส่เลขบัตรประชาชน ซึ่งฝ่ายพิจารณาจะเพิ่มการตรวจสอบเรื่องความสัมพันธ์เป็นมาตรฐานด้วยหรือไม่ หากมีการตรวจตรงนี้แล้วพบว่าไม่ใช่ญาติที่แท้จริงก็อาจจะไม่อนุมัติ แต่หากกรมธรรม์อนุมัติออกมา ปัญหาอาจตามมาได้เมื่อเวลาที่คุณเสียชีวิตและจะต้องมีการจ่ายสินไหม ซึ่งทางบริษัทจ่ายให้อยู่แล้ว และจะต้องออกเช็คเป็นชื่อผู้รับผลประโยชน์ด้วย ตามกฎหมาย ผู้รับผลประโยชน์จะเป็นใครก็ได้ แต่อาจจะมีการฟ้องร้องจากทางญาติของคุณหรือไม่เท่านั้นเอง
การเปลี่ยนแปลงผู้รับผลประโยชน์ ประกัน
หากผู้เอาประกันจะทำการขอเพิ่ม หรือเปลี่ยนแปลงผู้รับผลประโยชน์ ประกัน โดย ผู้รับผลประโยชน์ ประกัน ที่ขอเปลี่ยน จะต้องมีความสัมพันธ์กับผู้เอาประกัน ไม่ว่าจะเป็นบิดา มารดา สามี หรือภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย รวมถึงบุตร หรือพี่น้อง ร่วมสายโลหิตเดียวกับผู้เอาประกัน แต่หากเกิดเป็นกรณีที่ผู้รับผลประโยชน์ ประกัน คนใหม่มีความสัมพันธ์นอก เหนือจากที่กล่าวถึงข้างต้นนั้น จะต้องได้รับความเห็นชอบจากบริษัทฯ โดยผู้เอาประกันต้องยื่นเรื่องเป็นลายลักษณ์อักษรต่อบริษัทฯ ซึ่งจะต้องเตรียมเอกสารประกอบ สำหรับการเปลี่ยนแปลงผู้รับผลประโยชน์ ประกัน คือสำเนาทะเบียนบ้าน และบัตรประจำตัวประชาชนของผู้รับประโยชน์คนใหม่ , กรมธรรม์ และคำร้องขอเปลี่ยนแปลงแก้ไขกรมธรรม์
ใส่ชื่อผู้รับผลประโยชน์ ประกัน เป็นคนอื่นได้หรือไม่
ผู้เอาประกันภัยจึงสามารถทำการเวนคืนกรมธรรม์ประกัน ภัยเพื่อจะได้ทำการรับเงินตามมูลค่าที่มีอยู่ในกรมธรรม์ เช่น เดียวกับการถอนเงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร ซึ่งสัญญาประกันชีวิตบางสัญญาจะมีมูลค่าเงินสดที่ฝากสะสมไว้กับบริษัทประกันชีวิตโดยสังเกตได้จากตารางท้ายกรมธรรม์ประกันภัย เงินจำนวนนี้มีลักษณะเช่นเดียวกับเงินฝากธนาคาร ทำให้ผู้เอาประกันภัย สามารถทำการโอนประโยชน์ที่ได้ทำตามสัญญาประกันนี้ไปให้แก่บุคคลอื่นได้ และผู้เอาประกันภัยจะไม่สามารถเปลี่ยน แปลงรายชื่อผู้รับผลประโยชน์เป็นบุคคลอื่นได้ หากมีการส่งมอบกรมธรรม์ประกันภัยให้แก่ผู้รับประโยชน์ไปแล้วและผู้รับผลประโยชน์ ประกันได้ทำหนังสือแจ้งบริษัทประกันภัยว่าตนจะเป็นผู้รับประโยชน์จากสัญญาประกันชีวิต และเมื่อเกิด กรณีดังกล่าว ผู้เอาประกันภัยย่อมไม่สามารถโอนประโยชน์ไปตามสัญญาประกันชีวิตไปยังบุคคลอื่นได้