เมื่อทุกวันนี้การทำธุรกรรมต่างๆ แบบไม่เห็นหน้ามีมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการขายประกัน การทำรายการซื้อขายหุ้น การทำรายการซื้อขายกองทุน การขอสินเชื่อผ่านโทรศัพท์ หรือจะเป็นการเปลี่ยนแปลงข้อมูลบางอย่างของลูกค้าผ่านทางโทรศัพท์ หรือแม้แต่การโทรศัพท์หา call center ของผู้ให้บริการต่างๆ ซึ่งทุกครั้งผู้ให้บริการต่างๆ จะขออนุญาตบันทึกเสียงการสนทนา
แต่ที่เราจะตกหลุมพรางกันอยู่บ่อยๆ ก็คือ การ ขายประกันทางโทรศัพท์ ซึ่งรูปแบบการพูดหรือการขายจะมาแนวเดียวกันเลย เช่น การโทรมาแจ้งสิทธิกับลูกค้าว่าเป็นผู้ที่ได้รับสิทธิพิเศษจากบัตรเครดิตที่บริษัทประกันจะมอบความคุ้มครองต่างๆ นานา แล้วก็จะอธิบายสารพัดเรื่องราวของตัวกรมธรรม์ที่ต้องการขายให้เรา จนสุดท้ายจะจบการสนทนาด้วยการสอบถามที่อยู่การจัดส่งเอกสาร จนบางครั้งเรายังงงเลยว่า เฮ้ย! เราตกลงทำประกันไปเมื่อไร… อยู่ดีๆ จะส่งเอกสารมาให้เรา แต่เดี๋ยวนี้น่าจะไม่ค่อยมีการจบการขายประกันทางโทรศัพท์ด้วยบทสนทนาแบบนี้สักเท่าไรแล้ว เดาว่าน่าจะถูกร้องเรียนเข้าไปมากพอสมควร
อ่านเพิ่มเติม >> รู้ทัน กลยุทธ์ขายประกัน <<
โดยสิ่งที่เราจะต้องได้รับรู้เมื่อมีการเสนอขายประกันทางโทรศัพท์ คือ
- คนที่โทรเข้ามาขายจะต้องเป็นตัวแทน/นายหน้าของบริษัทประกันเท่านั้น และเมื่อโทรมาแล้วจะต้องแจ้งชื่อ-นามสกุลของผู้ที่โทรมาขาย ต้องบอกว่ามาจากประกันบริษัทอะไร มีเลขที่ใบอนุญาตเบอร์อะไร ที่สำคัญต้องแจ้งทันทีว่าจะโทรมาขายประกัน
- แล้วถ้าเราไม่สนใจที่จะซื้อประกัน คนที่โทรเข้ามาขายจะต้องหยุดพูดทันที และถ้าเราต้องทราบว่าได้เบอร์โทรศัพท์ของเรามาจากที่ใด คนที่โทรเข้ามาขายประกันจะต้องบอกเราด้วยว่าได้เบอร์โทรศัพท์มาจากที่ใด แต่ส่วนใหญ่ที่เราจะเจอก็คือ ได้รับมาจากฝ่ายการตลาดและเป็นการสุ่มเบอร์โทรศัพท์ขึ้นมา ซึ่งเราก็น่าจะเดาได้ไม่ยากเลยว่า ส่วนใหญ่จะได้เบอร์โทรศัพท์ของเรามาจากผู้ให้บริการบัตรเครดิต
แล้วถ้าเราฟังเงื่อนไขต่างๆ ของประกันที่โทรมาขายและสนใจที่จะทำประกัน สิ่งที่เราจะต้องได้รับทราบจากผู้ขายทางโทรศัพท์ ก็เป็นเรื่องต่อไปนี้
- คนขายจะต้องขออนุญาตบันทึกเสียงการสนทนาเพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐานการทำรายการซื้อประกันทางโทรศัพท์ ที่บริษัทประกันจะเก็บไว้เท่ากับระยะเวลาคุ้มครอง เช่น 10 ปี 15 ปี ก็ต้องเก็บข้อมูล
- และเมื่อเราอนุญาตให้บันทึกเสียงแล้ว คนขายจะต้องอธิบายผลประโยชน์ที่จะได้รับจากกรมธรรม์ที่ขาย ระยะเวลาเอาประกัน จำนวเงินค่าเบี้ยประกัน วิธีการชำระเงิน และระยะเวลาการชำระเงิน ที่สำคัญจะลืมไม่ได้คือ ตอนอธิบายผลประโยชน์ที่จะได้รับนั้น ห้ามพูดเด็ดขาดว่าการชำระค่าเบี้ยประกันเป็นการฝากเงินอย่างหนึ่ง
- ต้องให้เราทราบด้วยว่ากรมธรรม์มีผลบังคับใช้เมื่อไร เช่น มีผลบังคับทันทีที่เราแจ้งตกลงทำประกัน หรือจะมีผลภายในเวลาเท่าไร วันที่เท่าไร
- ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ ผู้ขายประกันทางโทรศัพท์จะต้องแจ้งให้เราทราบด้วยว่า เราสามารถยกเลิกการทำประกันครั้งนี้ได้ภายใน 30 วันนับจากที่ได้รับกรมธรรม์เรียบร้อย และสามารถได้รับเงินค่าเบี้ยประกันภัยเต็มจำนวนภายใน 30 วันนับจากวันที่แจ้งยกเลิกกรมธรรม์
- และก่อนจบบทสนทนากันผู้ขายประกันทางโทรศัพท์จะต้องบอกเราอีกนิดด้วยว่าจะขออนุญาตโทรศัพท์กลับมาหาอีก เพื่อยืนยันว่าลูกค้าได้รับกรมธรรม์เรียบร้อย ได้อ่านและทำความเข้าใจในผลประโยชน์ต่างๆ ของกรมธรรม์ สำหรับยืนยันกับเราอีกครั้งว่าเรายังคงที่จะทำประกันอยู่ หรือถ้าไม่อยากทำแล้วก็สามารถแจ้งยกเลิกกรมธรรม์ได้ อีกทั้งเราจะได้รับเงินค่าเบี้ยประกันที่จ่ายไปแล้วคืนทั้งหมดด้วย
แต่สำหรับการทำเรื่องยกเลิกกรมธรรม์นั้นบางที่ก็อาจจะยุ่ง เช่น ต้องส่งแบบฟอร์มแจ้งยกเลิกทางจดหมายลงทะเบียน แต่บางที่ก็อาจจะไม่ยุ่งยากเราเพียงแค่แฟกซ์สำเนาบัตรประชาชนที่ระบุว่าต้องการยกเลิกกรมธรรม์ส่งกลับไปที่บริษัทได้เลยก็มี
เพราะฉะนั้นก่อนที่จะตกลงทำประกันทางโทรศัพท์อย่าลืมนึกถึงเรื่องเหล่านี้ก่อนทำประกัน