#2
“ วงการศิลปะ โลกที่ไม่มีแค่ศิลปิน”
คุณอาจคิดว่าโลกของงานศิลปะนั้นมีแต่ศิลปิน แต่ในความเป็นจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น วงการนี้เต็มไปด้วยนักธุรกิจ และกลไกราคาในตลาด ไม่แตกต่างจากวงการธุรกิจอื่น คนที่ซื้องานศิลปะเพียงเพราะชอบนั้นก็มี แต่มากไปกว่านั้น โลกของศิลปะยังมีอาร์ตดีลเลอร์ แกลเลอรี่ การประมูล และอีกมากมายที่มีผลกับราคาของชิ้นงานหนึ่งชิ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญ หากคุณคิดที่จะสะสมงานศิลปะ เพื่อการลงทุน ภาพรวมของกลไกราคาเหล่านี้เป็นสิ่งจำเป็นที่ควรจะเข้าใจและเห็นภาพทั้งหมดก่อนที่จะลงทุน
อ่านตอนแรก : ออมศิลป์ #1 :รู้จักการลงทุนกับงานศิลปะ
งานชิ้นไหนควรค่าแก่การเลือกซื้อเพื่อการลงทุน?
เป็นคำถามคลาสสิค ที่นักลงทุนหน้าใหม่มักมีอยู่ในหัวตลอดเวลา ในบทความนี้เราจะพูดถึงเรื่องของ record ที่มีผลต่อราคางานในตลาด record ในที่นี่ไม่ใช่แผ่นเสียง และไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับเสียงเพลงแต่อย่างใด แต่คำว่า record ในวงการศิลปะนั้น หมายถึงว่างานของศิลปินคนนั้น เคยไปแสดงงานที่ไหนบ้าง มีประวัติเช่นไร สิ่งที่สำคัญที่สุด คุณต้องมั่นใจว่าชิ้นงานของศิลปินที่คุณซื้อนั้น ตัวศิลปินจะทำงานศิลปะไปเรื่อยๆตลอดชีวิต ทำงานศิลปะเป็นอาชีพ เพราะนั่นหมายความว่าเมื่อศิลปินมีอายุมากราคาของชิ้นงานก็จะพุ่งสูงขึ้นสูงขึ้นตามกาลเวลา
ต้องบอกว่า ศิลปินที่มีการแสดงงานนิทรรศการในแกลเลอรี่ชั้นนำต่างๆนั้น ถือว่าเป็น record ชั้นดีที่ทำให้เราสามารถมีราคากลางในการตัดสินใจได้เป็นอย่างดี และนั่นคือราคากลาง ณ ปัจจุบันของชิ้นงานในตลาด ไม่ว่าจะเป็น สมบัติเพิ่มพูน แกลเลอรี่, ศุภโชค แกลลอรี่ หรือ Bangkok City City แกลเลอรี่น้องใหม่มาแรง ใจกลางย่านสาธร นั่นก็น่าสนใจ การที่เราเลือกซื้อชิ้นงานจาก แกลเลอรี่ นั้นมีข้อดี ถึงแม้ราคาอาจจะแพงและสูงกว่าหาซื้อชิ้นงานจากอาร์ต ดีลเลอร์ หรือตัวศิลปิน แต่สิ่งที่เราได้รับ คือ record ที่ชัดเจนจากทางแกลเลอรี่ ซึ่งมีการทำพีอาร์ผ่านสื่อต่างๆ ซึ่งในทุกวันนี้แกลเลอรี่ก็จะมีหน้าเว็บไซต์ให้เราสามารถเข้าไปเช็คได้ว่ามีใครมาแสดงในแกลเลอรี่ไปแล้วบ้าง ชิ้นงานที่ทางแกลเลอรี่ทำการพีอาร์ออกสื่อไปแล้วนี่แหละ เป็นสิ่งที่เราสามารถจับต้องได้สำหรับตลาดบ้านเรา
คิดง่ายๆ หากเราซื้องานชิ้นหนึ่งของศิลปินหนึ่งคนจากแกลเลอรี่ ซึ่งทางแกลเลอรี่นั้นจัดนิทรรศการให้ แล้วนำศิลปินคนนี้ไปออกรายการทีวี เรื่องเล่าเช้านี้ นั่นแปลว่าผู้คนทั้งประเทศจะรู้จักผลงานชุดนี้จากทีมพีอาร์ที่แกลเลอรี่เชิญนักข่าวมาในงาน งานนั้นก็จะถูก record ไปโดยสดุดีในเชิงสื่อสาธารณะ เมื่อเราจะนำชิ้นงานนี้ไปขายต่อ ผู้คนก็จะรู้จักงานชิ้นนี้ และสามารถขายต่อได้ในราคาสูงขึ้นในอนาคตมากกว่าชิ้นงานที่ไม่ได้ผ่านแกลเลอรี่หรือซื้อจากศิลปินโดยตรง โดยทั่วไปงานแต่ละชุดที่ศิลปินแสดงกับแกลเลอรี่ต่างๆ นั้นจะมีอายุอยู่ในสัญญากับแกลเลอรี่เป็นเวลาหนึ่งปี ซึ่งหลังจากนั้นก็เป็นสิทธิ์ของศิลปิน หรืออาร์ตดีลเลอร์ ที่จะเป็นคนทำหน้าที่ในการขายต่อไป
นอกจากศิลปินได้ไปแสดงงานที่ไหนแล้วทำให้มี record แล้ว ผู้ซื้อหรือนักสะสมก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่ง record ที่มีผลกับราคาชิ้นงานในตลาด กล่าวคือ ใครเป็น Collector ที่เก็บงานของศิลปินคนนี้ ซึ่งเป็นข้อมูลเชิงลึกที่น่าสนใจ และต้องศึกษา ก่อนที่เราจะตัดสินใจซื้อเพื่อการลงทุน แต่ก่อนที่เราจะลงลึกไปมากกว่านี้ เรามาเข้าใจความหมายของ Art Collector ในวงการศิลปะกันก่อนดีกว่า collector หรือนักสะสมงานศิลปะในวงการศิลปะบ้านเราเรียกง่ายๆว่าเป็นคนซื้องานเจ้าประจำของศิลปินแต่ละคนก็ว่าได้ มีความชื่นชอบและสะสมติดตามงานของศิลปินคนใดคนหนึ่งเป็นประจำ
คำถามคือแล้วบุคคลเหล่านี้มีผลอย่างไรกับราคาของชิ้นงาน
นี่เป็นคำถามที่สำคัญเชิงนัยยะสำหรับคอลัมน์การลงทุนทางศิลปะของเรา กล่าวคือ เมื่อนักสะสมที่มีชื่อเสียงตัดสินใจซื้อชิ้นงานโนเนมหนึ่งชิ้นของศิลปินคนใดคนหนึ่ง ก็สามารถทำให้ตัวชิ้นงานมีศักยภาพที่จะทำกำไรได้ดีในอนาคต ไม่ต่างจากความคิดที่เมื่อเราเจอคนที่เล่นหุ้นเก่งหนึ่งคนแล้วเราจะฝากเงินเขาไปซื้อหุ้นด้วย ด้วยประสบกาณ์ที่มีสูงและมากมายในวงการแล้วเราตามเขา ซื้อชิ้นงานตามเขานั่นเป็นการการันตีชั้นดีว่างานชิ้นนั้นเป็นชิ้นงานนั้นมีศักยภาพสูง มีอนาคต เพราะผ่านกระบวนการคิดและประสบการร์ชั้นยอดของนักสะสมในการเลือกชิ้นงานซึ่งเป็นอีกหนึ่งทางลัดในการลงทุนที่น่าสนใจ
ซึ่งชิ้นงานที่ได้รับการ record อย่างดีจากแกลเลอรี่นั้นจะบอกว่างานชิ้นนี้เป็นของใครมาก่อน และผ่านมือใครมาแล้วบ้าง ซึ่งลิสต์รายชื่อของบุคคลที่เป็นเจ้าของนั้นเป็นใครมาบ้างมีผลอย่างยิ่งกับราคาของชิ้นงาน เช่น งานชิ้นนี้ที่คุณจะซื้อ เคยอยู่ในมือของเจ้าสัวซักคนในประเทศนี้ และเคยแขวนไว้ที่บริษัท หรือโรงแรมดัง ราคาของงานชิ้นนั้นก็จะสูงขึ้นกว่างานชิ้นอื่นๆของศิลปินคนเดียวกัน แค่คิดก็น่าสนุกแล้วใช่ไหม สำหรับวงการสะสมเพื่อการลงทุนกับงานศิลปะในบ้านเรา
ความหลากหลายและปัจจัยต่างๆนั้นน่าสนใจเลยทีเดียว จะบอกว่าไม่มีอะไรให้ยึดในการซื้องานศิลปะก็คงไม่ใช่เพราะในความเป็นจริงมีเรื่องราวมากมายที่มีผลกับราคาขึ้นลงในตลาด เห็นมั้ยแค่เริ่มต้นมุมมองที่คุณเคยคิดเกี่ยวกับโลกของงานศิลปะไม่เหมือนเดิมอย่างที่คุณคิดแล้วใช่ไหม
แล้วเราจะเริ่มต้นจากตรงไหนก่อนในการตัดสินใจในเชิงการซื้อเพื่อการลงทุน เพราะงานที่เข้าไปอยู่ในแกลเลอรี่ส่วนใหญ่นั้น ราคาก็สูงขึ้นไปเกินกว่าจะลงทุนแล้วจริงหรือไม่ สิ่งนี้ก็น่าจะเป็นสิ่งที่อยู่ในใจของนักลงทุนมือใหม่ที่เพิ่งจะเริ่มทุกคน แล้วงานดีๆราคายังไม่แพงอยู่ที่ไหนในประเทศนี้ แล้วงานที่จะมีศักยภาพในเชิงราคาที่สูงขึ้น และสูงขึ้นในอนาคตอยู่ที่ไหน ก่อนจะเริ่มลงทุนกับอะไรซักอย่างมักเต็มไปด้วยคำถามที่คาใจ ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา แต่ไม่เป็นไร ติดตามงานคอลัมน์ออมศิลป์ การซื้องานงานศิลปะอย่างชาญฉลาดเพื่อการลงทุน เรียนรู้ไปด้วยกันไปเรื่อยๆ แล้วคุณจะมั่นใจในเงินที่จ่ายไปสำหรับรูปสวยๆหนึ่งรูปแสนถูกใจที่ติดไว้หัวเตียง หรือห้องนั่งเล่นได้อย่างสบายใจ ที่สำคัญในอนาคตมันอาจจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นหลายสิบเท่าตัวเมื่อเทียบกับเงินที่คุณเสียไปในวันนี้