มีประกันรถ ต้องซื้อประกันเดินทางเพิ่มมั้ย ทำแล้วดีกว่ายังไง
สำหรับคนมีรถยนต์ ชอบท่องเที่ยว คงเคยสงสัยว่าหากมีประกันรถยนต์อยู่แล้ว จำเป็นต้องซื้อประกันอื่นคู่กันด้วยหรือไม่ บทความนี้จะมาสรุปประเด็นในส่วนที่ว่า หากมีประกันรถอยู่แล้ว ต้องซื้อประกันเดินทางเพิ่มมั้ย ทำแล้วดีกว่ายังไง พร้อมสรุปความแตกต่างของประกันทั้งสองรูปแบบ รวมถึงเหตุผลที่คุณอาจต้องพิจารณาทำประกันเดินทางเพิ่มเติมเพื่อความมั่นใจในการเดินทาง
ประกันรถยนต์ vs ประกันเดินทาง
ประกันรถยนต์
ประกันรถยนต์เป็นประกันภัยที่คุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรถยนต์และอุบัติเหตุที่เกี่ยวข้องกับการใช้รถยนต์ โดยทั่วไปประกันรถยนต์จะครอบคลุม ดังนี้
-
- ความเสียหายต่อตัวรถยนต์
- ความรับผิดต่อบุคคลภายนอก
- การบาดเจ็บของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
- การโจรกรรมรถยนต์
อย่างไรก็ตาม ประกันรถยนต์มักจะมีข้อจำกัดในการคุ้มครอง เช่น
-
- คุ้มครองเฉพาะอุบัติเหตุที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์เท่านั้น
- มีวงเงินคุ้มครองที่จำกัด
- ไม่ครอบคลุมความเสียหายหรือการสูญหายของทรัพย์สินส่วนตัว
- ไม่คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลนอกเหนือจากอุบัติเหตุทางรถยนต์
ประกันเดินทาง
ประกันเดินทางเป็นประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองระหว่างการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางภายในประเทศหรือต่างประเทศ โดยทั่วไปประกันเดินทางจะครอบคลุม ดังนี้
-
- ค่ารักษาพยาบาลฉุกเฉิน
- การยกเลิกหรือเลื่อนการเดินทาง
- การสูญหายหรือล่าช้าของกระเป๋าเดินทาง
- ความรับผิดต่อบุคคลภายนอก
- อุบัติเหตุส่วนบุคคล
- การเสียชีวิตและทุพพลภาพ
- การช่วยเหลือฉุกเฉินและการส่งตัวกลับประเทศ
ประกันเดินทางมีข้อดีที่ครอบคลุมความเสี่ยงหลากหลายระหว่างการเดินทาง แต่ก็มีข้อจำกัดเช่นกัน
-
- คุ้มครองเฉพาะช่วงเวลาเดินทางตามที่ระบุในกรมธรรม์
- อาจมีข้อยกเว้นสำหรับกิจกรรมเสี่ยงบางประเภท
- วงเงินคุ้มครองอาจแตกต่างกันตามแผนประกันที่เลือก
มีประกันรถอยู่แล้ว ต้องซื้อประกันเดินทางเพิ่มมั้ย
แม้ว่าคุณจะมีประกันรถยนต์อยู่แล้ว แต่การทำประกันเดินทางเพิ่มเติมอาจเป็นประโยชน์ในหลายกรณี ดังนี้
- ความคุ้มครองที่ครอบคลุมมากขึ้น
ประกันเดินทางให้ความคุ้มครองที่กว้างกว่าประกันรถยนต์ โดยเฉพาะในเรื่องของค่ารักษาพยาบาลและอุบัติเหตุที่ไม่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ เช่น การล้ม การป่วยกะทันหัน หรืออุบัติเหตุจากกิจกรรมต่างๆ ระหว่างการเดินทาง
- การเดินทางต่างประเทศ
หากคุณเดินทางไปต่างประเทศ ประกันรถยนต์ของคุณอาจไม่คุ้มครองหรือมีข้อจำกัดในการให้ความคุ้มครอง ประกันเดินทางจะช่วยให้คุณมั่นใจว่าจะได้รับความคุ้มครองที่เหมาะสมในต่างแดน
- การยกเลิกหรือเลื่อนการเดินทาง
ประกันเดินทางมักจะคุ้มครองค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการยกเลิกหรือเลื่อนการเดินทางด้วยเหตุผลที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ เช่น การเจ็บป่วยกะทันหัน หรือภัยธรรมชาติ ซึ่งประกันรถยนต์ไม่ครอบคลุมในส่วนนี้
- การสูญหายหรือล่าช้าของกระเป๋าเดินทาง
ประกันเดินทางให้ความคุ้มครองในกรณีที่กระเป๋าเดินทางสูญหายหรือล่าช้า ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ในการเดินทาง โดยเฉพาะการเดินทางทางอากาศ
- การช่วยเหลือฉุกเฉิน
ประกันเดินทางมักจะมีบริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งสามารถให้คำแนะนำและความช่วยเหลือในกรณีฉุกเฉินระหว่างการเดินทาง เช่น การหาโรงพยาบาลที่เหมาะสม หรือการประสานงานในการส่งตัวกลับประเทศ
- ความคุ้มครองสำหรับกิจกรรมพิเศษ
หากคุณวางแผนที่จะทำกิจกรรมพิเศษระหว่างการเดินทาง เช่น การเล่นกีฬาผาดโผน หรือการดำน้ำ ประกันเดินทางบางแผนอาจให้ความคุ้มครองสำหรับกิจกรรมเหล่านี้ ซึ่งประกันรถยนต์ไม่ครอบคลุม
- วงเงินคุ้มครองที่สูงขึ้น
ประกันเดินทางมักจะมีวงเงินคุ้มครองที่สูงกว่าประกันรถยนต์ โดยเฉพาะในส่วนของค่ารักษาพยาบาล ซึ่งอาจมีความสำคัญมากในกรณีที่ต้องเข้ารับการรักษาในต่างประเทศที่มีค่าใช้จ่ายสูง
- ความคุ้มครองสำหรับการเดินทางด้วยวิธีอื่น
หากการเดินทางของคุณไม่ได้ใช้รถยนต์เพียงอย่างเดียว แต่รวมถึงการเดินทางด้วยเครื่องบิน รถไฟ หรือเรือ ประกันเดินทางจะให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมมากกว่า
การตัดสินใจว่า มีประกันรถ ต้องซื้อประกันเดินทางเพิ่มมั้ย ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ลักษณะการเดินทาง ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น และความต้องการความคุ้มครองเฉพาะบุคคล ควรพิจารณาอย่างรอบคอบและเปรียบเทียบแผนประกันต่างๆ เพื่อเลือกความคุ้มครองที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการเดินทางของเรา
แม้ว่าประกันรถยนต์จะให้ความคุ้มครองที่จำเป็นสำหรับการใช้รถยนต์ แต่ประกันเดินทางมีความครอบคลุมที่กว้างกว่าและเหมาะสมกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการเดินทาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการเดินทางไปต่างประเทศหรือการเดินทางที่มีกิจกรรมพิเศษ
การมีทั้งประกันรถยนต์ และประกันเดินทางจะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าจะได้รับความคุ้มครองที่ครอบคลุมในทุกสถานการณ์ ทั้งในการใช้รถยนต์และการเดินทางโดยทั่วไป ช่วยลดความกังวลและเพิ่มความสบายใจตลอดการเดินทางของเรา