เรื่องเกี่ยวกับภาษี เป็นหัวข้อที่น่ากังวลยิ่งนัก สำหรับนักธุกิจมือใหม่ บางทีไม่ได้ตั้งใจจะเลี่ยงภาษีแต่กลับต้องโดนตามปรับย้อนหลัง เพราะว่าความรู้เท่าไม่ถึงการของตนเอง เนื่องจากเรื่องของภาษี เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ยาก และมีหลากหลายแบบเหลือเกิน จนในบางครั้งทำให้คุณไม่สามารถเชื่อมั่นได้ว่า คุณจะต้องจ่ายเงินเสียภาษีไปนั่นครบทุกประเภทหรือไม่ และยังมีประเภทไหนบ้างที่คุณยังไม่ได้ยื่นเพื่อเสียภาษี บทความนี้เราขออธิบายเกี่ยวกับภาษีป้ายว่าคืออะไร คุณจำเป็นต้องจ่ายหรือไม่ และมีอัตราในการเสียภาษีเป็นอย่างไร
ภาษีป้าย เป็นภาษีอากรประเภทหนึ่ง ที่เรียกเก็บจากการแสดงป้ายชื่อ ยี่ห้อ หรือโลโก้บนวัตถุใด ๆ ด้วยตัวอักษร ภาพ ที่ใช้เพื่อหารายได้ หรือการโฆษณา อย่างเช่น มีตัวอักษรหรือภาพอยู่บนบิลบอร์ดตามตึกตามทางด่วน ป้ายผ้าใบ หรือป้ายไฟ ที่ใช้เพื่อหารายได้ หรือการโฆษณา ล้วนต้องเสียภาษีทั้งสิ้น ดังนั้นถ้าคุณเปิดร้านกาแฟ ที่ตึกแถวชื่อร้านว่า “M Coffee” ที่มีป้ายร้านเป็นแผ่นไม้หน้าร้านหนึ่งอัน และเป็นในรูปแบบผ้าใบอันใหญ่อีกหนึ่งอัน คุณก็ต้องเสียภาษีทั้งหมด 2 ป้าย ด้วยอัตราภาษีที่ขึ้นอยู่กับรูปแบบและขนาดที่กำหนด
ติดป้ายแบบไหนถึงต้องเสียภาษี
ตามกฎหมายแล้วป้ายที่ต้องเสียภาษี ก็คือป้ายใด ๆ ที่แสดงชื่อ ยี่ห้อ ที่ใช้ในการโฆษณา หรือหารายได้บนวัตถุต่าง ๆ แต่ว่ากฎหมายยังมีข้อยกเว้นหลายข้อ ซึ่งผู้ประกอบการสามารถใช้วิธีเหล่านี้ ในการติดป้ายแทนป้ายแบบทั่วไปได้ โดยไม่ต้องเสียภาษี คุณสามารถทำตามวิธีด้านล่างนี้
- ป้ายที่แสดงไว้ ณ โรงมหรสพ และบริเวณของโรงมหรสพนั้น เพื่อโฆษณามหรสพ
- บ้ายที่แสดงไว้ที่สินค้า หรือที่สิ่งหุ้มห่อหรือบรรจุสินค้า
- ป้ายที่แสดงไว้ที่บริเวณงานที่จัดขึ้นเป็นครั้งคราว
- ป้ายที่แสดงไว้ที่คน หรือสัตว์
- ป้ายที่แสดงไว้ภายในอาคารที่ใช้ประกอบการค้า หรือประกอบกิจการอื่น ๆ หรือภายในอาคารซึ่งเป็นที่รโหฐาน ทั้งนี้ เพื่อหารายได้ และแต่ละป้ายมีพื้นที่ไม่เกิน 3 ตารางเมตรที่กำหนดในกฎกระทรวง แต่ไม่รวมถึงป้ายตามกฎหมายว่าด้วยทะเบียนพาณิชย์
- ป้ายของราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค หรือราชการส่วนท้องถิ่นตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน
- ป้ายองค์การที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งองค์การของรัฐบาลหรือตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น ๆ และหน่วยงานที่นำรายได้ส่งรัฐ (ป้ายของธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารเพื่อการสหกรณ์ และบริษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย)
- ป้ายของโรงเรียนเอกชน ตามกฎหมายว่าด้วย โรงเรียนเอกชนหรือสถาบันอุดมศึกษาเอกชน ตามกฎหมายว่าด้วย สถาบันอุดมศึกษาเอกชน ที่แสดงไว้ ณ อาคารหรือบริเวณของโรงเรียนเอกชน หรือสถาบัน อุดมศึกษาเอกชนนั้น
- ป้ายของผู้ประกอบการเกษตร ซึ่งค้าผลผลิตอันเกิดจากการเกษตรของตน
- ป้ายของวัดหรือผู้ดำเนินกิจการเพื่อประโยชน์แก่การศาสนา หรือการกุศลสาธารณะโดยเฉพาะ
- ป้ายของสมาคม หรือมูลนิธิ
- ป้ายตามที่กำหนดในกฎกระทรวง (ปัจจุบันมีฉบับที่ 2) กฎกระทรวงฉบับที่ 2 (พ.ศ.2535) ให้เจ้าของป้ายไม่ต้องเสียภาษีป้ายสำหรับ
- ป้ายที่ติดตั้งหรือแสดงไว้ที่รถยนต์ส่วนบุคคล รถจักยานยนต์ รถบนถนน หรือรถแทรกเตอร์ ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์
- ป้ายที่ติดตั้งหรือแสดงไว้ที่ล้อเลื่อน ตามกฎหมายว่าด้วยล้อเลื่อน
- ป้ายที่ติดตั้งหรือแสดงไว้ที่ยานพาหนะนอกเหนือจาก (ก) และ (ข) โดยมีพื้นที่ไม่เกินห้าร้อยตารางเซนติเมตร
การคำนวณอัตราภาษีป้าย
ในกรณีที่ป้ายร้านของคุณอยู่ในข่ายที่ต้องเสียภาษี สิ่งหนึ่งที่คุณต้องรู้ก็คือ วิธีการคำนวณภาษีป้าย แต่ละแบบว่ามีลักษณะและมีราคาอย่างไร เพราะแต่ละประเภทก็จะรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป การที่คุณรับรู้วิธีการคำนวณภาษีก่อน คงเป็นประโยชน์ไม่น้อย ในการช่วยออกแบบป้ายขึ้น เพื่อให้เสียภาษีป้ายได้น้อยที่สุด หรือเหมาะสมที่สุด
- ป้ายแบบที่มีอักษรไทยล้วน
ในแบบแรกนั้น จะมีลักษณะเป็นป้ายที่มีแต่ตัวอักษรไทยเท่านั้น ไม่มีการใช้ภาพหรือภาษาอื่น ๆ เข้ามาผสมด้วย ข้อจำกัดนี้ ทำให้ภาษีของป้ายมีราคาถูกที่สุด เมื่อเทียบกับในแบบอื่น ๆ โดยจะคิดภาษีใน อัตรา 3 บาทต่อ 500 ตารางเซนติเมตร (ในรูปแบบนี้ไม่นับพวกอักษรย่อหน้า ชื่อเช่น ช.T.M เพราะในส่วนนี้จะนำไปคิดราคาแยกต่างหากในอีกอัตราหนึ่ง)
- ป้ายอักษรที่มีอักษรไทย ปนกับอักษรต่างประเทศ ภาพ หรือเครื่องหมายอื่น ๆ
ป้ายประเภทนี้ เป็นป้ายที่มีตัวอักษรภาษาไทย และมีภาษาอื่น ๆ รวมถึงรูปภาพเข้าไปผสมด้วย แต่มีข้อแม้ว่าอักษรภาษาไทยทุกตัวบนป้ายนั้น ต้องอยู่บนสุด และห้ามอยู่ในตำแหน่งต่ำว่าภาษาอื่น ๆ ซึ่งป้ายประเภทนี้ มักได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในการทำป้ายบิลบอร์ดต่าง ๆ ที่ใช้ตัวอักษรไทยอยู่ด้านบน และมีโลโก้อยู่ด้านล่าง โดยป้ายดังกล่าวจะใช้อัตราภาษีที่ 20 บาทต่อ 500 ตารางเซนติเมตร
- ป้ายที่ไม่มีอักษรไทยประกอบอยู่ในป้าย หรือมีตัวอักษรไทยอยู่ต่ำกว่าภาษาอื่น ๆ
ในรูปแบบนี้ ถือว่าเป็นป้ายที่ไม่ค่อยได้รับความนิยม และผู้ประกอบการส่วนใหญ่มักจะหลีกเลี่ยง เพราะราคาสูงกว่าป้ายประเภทอื่น ๆ โดยจะเสียภาษีป้ายในอัตราสูงถึง 40 บาทต่อ 500 ตารางเซนติเมตร ทำให้ผู้ที่ต้องการทำป้ายที่ภาษาไทยอยู่แล้ว ก็มักจะเลือกในแบบที่ 2 และนำภาษาไทยไว้สูงกว่าภาษาอื่น ๆ เพื่อให้ได้ราคาที่ถูกกว่าถึง 50% นั่นเอง
รายละเอียดเพิ่มเติม
- ถ้าหากคุณคำนวณภาษีตามอัตราที่ว่าแล้ว จำนวนภาษีป้ายที่ต้องชำระยังไม่ถึงป้ายละ 200 บาท ก็ต้องเสียภาษีในอัตราภาษีขั้นต่ำ ที่ป้ายละ 200 บาท
- ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขป้ายในบางส่วน ให้คำนวณภาษีเฉพาะในส่วนต่างที่เพิ่มขึ้นมาเท่านั้น อย่างเช่น หากในตอนแรกใช้ป้ายในรูปแบบที่ 2 ด้วยป้ายที่มีขนาด 10,000 ตารางเซนติเมตร เป็นจำนวนภาษี 400 บาท แต่ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงป้ายจนอยู่ในคุณสมบัติตามข้อ 3 จำนวนภาษีป้ายจะเพิ่มสูงถึง 800 บาท ก็ให้คุณจ่ายภาษีแค่ส่วนต่าง นั่นก็คือ 800 – 400 = 400 บาทเท่านั้น
ขั้นตอนในการขออนุญาต และติดตั้งป้าย
- ตรวจสอบความปลอดภัยของการติดตั้งป้าย หลังจากที่ได้ป้ายมาจากร้านรับทำป้ายเรียบร้อยแล้ว ก่อนที่คุณจะนำป้ายไปติดตั้ง ควรจะแจ้งขนาดของป้าย รวมถึงภาพถ่ายหรือภาพสเก็ตของป้าย พร้อมด้วยแผนผังที่ตั้งของบริเวณที่คุณต้องการจะติดตั้งป้ายนั้น เพื่อนำมาขอคำอนุญาตติดตั้งกับทางสำนักงานเขตเทศบาล หรือองค์การบริการส่วนตำบลที่คุณอาศัย เพื่อให้เข้ามาตรวจสอบก่อนว่า ลักษณะของป้ายคุณนั้นสร้างความเดือดร้อนที่ส่งผลให้เกิดอันตรายต่อชีวิต และทรัพย์สินของประชาชนหรือไม่ อย่างเช่น บริเวณที่คร่อมถนน บริเวณเสาไฟฟ้า ถนน ต้นไม้ และอื่น ๆ ที่อยู่บริเวณสาธารณะ โดยปกติแล้วหากใช้บริการจากร้านทำป้ายส่วนมาก ทางร้านจะดำเนินการขอใบอนุญาตให้คุณได้ทันที
- ยื่นเอกสารประกอบเพื่อยื่นชำระภาษี หลังจากที่ได้รับอนุญาตติดป้าย ก็ให้คุณเตรียมเอกสารหลักฐานประกอบการเสียภาษีป้ายต่อไปนี้ ให้ครบถ้วน เพื่อเตรียมนำไปยื่นชำระภาษี
- บัตรประจำตัวประชาชน
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- ทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
- หนังสือรับรองห้างหุ้นส่วน
- ใบอนุญาตติดตั้งป้าย หรือใบเสร็จรับเงินจากร้านทำป้าย
อย่างไรก็ตาม การยื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษีป้ายแล้ว คุณควรนำใบเสร็จรับเงินค่าภาษีป้ายจากปีก่อนมาแสดงด้วย เมื่อได้เอกสารทั้งหมดพร้อมตามนี้แล้ว เจ้าของป้ายนั้นจะต้องไปยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้าย (ภ.ป.1) พร้อมด้วยหลักฐานทั้งหมด (ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงป้ายต้องทำการยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้ายเพื่อทำการประเมินภาษีป้านใหม่ทุกครั้ง) และดำเนินการยื่นแบบแสดงรายการภาษี พนักงานจะดำเนินการได้ 2 กรณี คือ
- กรณีแรก เมื่อคุณพร้อมชำระภาษีป้ายได้ทันที ทางเจ้าหน้าที่จะได้ทำการประเมินภาษีทั้งหมดให้กับคุณทันที
- กรณีที่สอง จะเกิดขึ้นเมื่อคุณไม่พร้อมชำระภาษี เมื่อเจ้าหน้าที่ประเมินภาษีป้ายทั้งหมดแล้ว เจ้าหน้าที่จะมีหนังสือแจ้งการประเมินและแจ้งหนี้ทั้งหมด ที่คุณต้องชำระภายหลัง ซึ่งคุณจะมีเวลาเพียง 15 วัน นับตั้งแต่ได้รับการประเมินในการชำระภาษีป้ายนี้
- ทั้งนี้ การชำระหนี้ ถ้าป้ายคุณเป็นป้ายที่เพิ่งยื่นภาษีเป็นปีแรก และได้รับการประเมินจากทางเจ้าหน้าที่ว่ามีภาษีป้ายเกิน 3,000 บาทขึ้นไป คุณก็สามารถผ่อนชำระได้ 3 งวด งวดละ 3 เดือน ในอัตราเท่า ๆ กัน
- การชำระภาษีป้ายจะต้องชำระเป็นประจำทุกปี โดยการชำระภายในเดือนมีนาคม
ข้อกฎหมายที่ควรรู้เกี่ยวกับภาษีป้าย
- หากผู้ประกอบการจงใจไม่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้าย จะมีโทษปรับตั้งแต่ 5,000 บาทถึง 50,000 บาท
- ถ้าผู้ประกอบการจงใจแจ้งข้อความเท็จ หรือพยายามหลีกเลี่ยงภาษี มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับตั้งแต่ 5,000