ความสำเร็จที่มาพร้อมกับจิตใจที่มุ่งมั่นที่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการทำงานหรือชีวิตส่วนตัวก็สามารถทำให้เกิดความสมดุลไปพร้อม ๆ กันได้ทั้งกายและใจ ที่เมื่อผสมผสานกันลงตัวได้เมื่อไหร่ก็จะสามารถสร้างความสุขที่แท้จริงให้กับผู้ที่ดำเนินชีวิตได้เป็นอย่างดี ซึ่งปรัชญาการใช้ชีวิตที่มีนักธุรกิจบางคนยึดถืออย่างวิถีแห่งเล่าจื๊อที่เป็นปราชญ์จีนที่ถือว่ามีชื่อเสียงมากที่สุดท่านหนึ่งของชนชาติจีน เมื่อประมาณ 400 ปีที่แล้ว ที่เป็นช่วงในสงครามแห่งปรัชญาเล่าจื๊อได้เขียนตำราอันเป็นแบบแผนในทางของเต๋า นั่นคือ เต๋าเต็กเก็ง ซึ่งถือว่าเป็นผลงานของทางลัทธิเต๋าที่ยังคงตกทอดมาจนถึงปัจจุบันและได้มีการจัดตั้งขึ้นมาเป็นลัทธิเต๋าที่มีนักปรัชญาชื่อดังอย่างเล่าจื๊อเป็นผู้ก่อตั้ง และจะมีหลักในการคิดเป็นแนวในการปฏิบัติในชีวิต อาทิเช่น ผู้ที่รอบรู้มักจะไม่พูดมากและผู้ที่พูดมากก็มักจะไม่รู้ เป็นต้น
แนวคิดและหลักคำสอนปรัชญาเต๋าจะเน้นในเรื่องของความเชื่อถือในการบูชาธรรมชาติรวมทั้งการปฏิบัติสิ่งต่าง ๆ ที่สอดคล้องไปกับวิถีแห่งธรรมชาติ และความหมายของลัทธิหมายถึงสิ่งสมบูรณ์สูงสุด และมีความเชื่อที่ว่าเต๋าเป็นต้นกำเนิดของสิ่งทั้งปวงและครอบคลุมเอาทุกอย่างเอาไว้ทั้งจักรวาล โลก สังคม และชีวิต ดำเนินปรัชญาไปตามกฎของธรรมชาติ สรรพสิ่งจึงจะดำเนินไปด้วยวิถีของเต๋า เต๋านั้นจะเป็นต้นกำเนิดของสิ่งทั้งปวง สรรพสิ่งในโลกต่างก็ล้วนเกิดจาก ภาวะ ภาวะที่ว่านี้คือ ฟ้า ดิน และภาวะ ซึ่งก็คือเต๋า เต๋าจะมีอยู่ในทุกหนทุกแห่ง เต๋าเป็นต้นตอของทุกสิ่งทุกอย่าง เมื่อมีสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นมาก็ย่อมต้องมีเต๋าอยู่เสมอ การรู้จักกฎของธรรมชาติของชีวิต สามารถเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้กับธรรมชาติ เป็นความรู้สึกที่เต็มเปี่ยมอยู่ภายใน ทั้งหมดนี้คืออุดมคติแห่งเต๋า เป็นลัทธิที่สามารถค้นหาความจริงเกี่ยวกับชีวิตและหนีปัญหาต่าง ๆ ด้วยการไปใช้ชีวิตใกล้ธรรมชาติ ทำให้สามารถค้นพบการบำบัดโลกด้วยสมุนไพรที่ต่อมาเป็นวิวัฒนาการด้านความรู้ทางการแพทย์อีกด้วย
เล่าจื๊อ เป็นนักปรัชญาจีนที่สามารถสร้างความแตกต่างในแนวคิดพื้นฐานอย่างขาวกับดำ และมีแนวคิดที่มีคุณค่าและยังคงมั่นคงในโลกยุคสมัยใหม่ที่เหมาะกับนักคิดในรุ่นปัจจุบันสามารถศึกษาให้เข้าใจได้อย่างง่ายดาย พร้อมการนำเอามาเป็นแนวคิดในการดำเนินชีวิตและการทำงานได้เป็นอย่างดี ปรัชญาและวิถีแห่งเต๋าเน้นที่ความสันโดษ ความกลมกลืนไปกับธรรมชาติ เพราะปัญหาของมนุษย์นั้นไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการสร้างกฎกติกาขึ้นมาโดยมนุษย์ด้วยกัน เพื่อนำมาบังคับใช้ในสังคม แต่ที่สุดของความสุขคือความนอบน้อมถ่อมตนอยู่กับธรรมชาติ ก็เช่นเดียวกับการทำงานที่เมื่อเข้าสู่องค์กรก็ต้องรู้จักนอบน้อมถ่อมตน ทำตัวให้ดูกลมกลืนไปกับธรรมชาติขององค์กร และเมื่อมีเรื่องที่ไม่ถูกใจก็ใช่ว่าจะเพียงตั้งกฎขึ้นมาบังคับเพียงเท่านั้น แต่จะต้องเน้นความรับผิดชอบร่วมกัน และสามารถอยู่ร่วมกันได้ด้วยความถ่อมตนอีกด้วย
ปรัชญาจากคำสอนของขงจื๊อ
สำหรับอีกปรัชญาหนึ่งที่ชาวจีนได้นำมาปฏิบัติมาช้านาน ก็คือ คำสอนของท่านขงจื๊อ ซึ่งให้ความสำคัญของการมีกฎกติกาที่ดีและมีความยุติธรรม เพื่อดำรงอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างสันติสุข ลัทธิของขงจื๊อไม่ปฏิเสธในการใช้อำนาจของการปกครองบ้านเรือน แต่จะต้องเป็นอำนาจที่ถูกใช้อย่างถูกทำนองคลองธรรมและอย่างยุติธรรม ต้องมีความรักและความมุมานะทำให้งานบรรลุผล ประสบความสำเร็จสูงสุดในงานที่ตนเองได้รับมอบหมาย หรือในงานที่ต้องรับผิดชอบและในในทุกภารกิจขององค์กรโดยรวม มีความซื่อสัตย์สุจริตในการทำงาน และยังมีความกตัญญูต่อองค์กรที่ทำงาน และผู้ที่มีพระคุณ ทั้งยังต้องเป็นผู้ที่มีความสุขอยู่เสมอเมื่อได้ช่วยเหลือผู้อื่น มีความสามัคคีกลมเกลียวกัน ต้องเป็นผู้ที่มีความรักและความเอื้ออาทรต่อคนอื่น มีจิตใจที่โอบอ้อมอารีกับเพื่อนร่วมงานและคนใกล้ชิดทุกคน มีความปรารถนาดีต่อผู้อื่น ไม่มีจิตคิดอิจฉาริษยา ไม่คิดเอาเปรียบผู้อื่น พร้อมทั้งเป็นผู้ที่มีความรับผิดชอบในงาน รับผิดชอบในครอบครัว สังคมและประเทศชาติ พร้อมทั้งมีความรู้และความสามารถและตั้งใจเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ยังมีความพร้อมในการเปลี่ยนแปลงและสามารถปรับตัวเข้าได้กับการเปลี่ยนแปลงในทุกสถานการณ์ เมื่อมีปัญหาก็สามารถกล้าเผชิญกับปัญหา สามารถขจัดและแก้ไขให้สามารถลุล่วงไปได้ด้วยดี ทั้งยังต้องชอบค้นหาความดีของผู้อื่นกล้าพูดถึงความบกพร่องของตนเองเพื่อทำการปรับปรุงแก้ไขทุกอย่างให้ดีขึ้น ทั้งยังจะต้องเป็นผู้ที่คิดใหญ่ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมและองค์กรมากกว่าการคิดถึงแต่ประโยชน์ส่วนตน และต้องเป็นผู้ที่เอาใจใส่ต่อผู้อื่น ใช้ความรักและความเมตตากรุณามาสลายความรู้สึกโกรธแค้น และสามารถแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นมาได้เป็นอย่างดี พร้อมทั้งจะต้องเป็นผู้ที่มีสติกำกับในการคิดและการพูดอยู่ตลอดเวลา และการกระทำที่เมื่อเจอกับปัญหาใด ๆ ก็ไม่ตกใจมากจนเกินไป อดทนต่อการรอคอยเป็นเวลา และยังต้องสามารถควบคุมสภาวะจิตใจให้เข้มแข็งตลอดเวลา เมื่อมีสถานการณ์ที่เสี่ยงต่อการทะเลาะเบาะแว้งก็สามารถอดทนอยู่ได้อย่างไม่รู้สึกวิตกกังวลหรือเครียดมากจนเกินไป
สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็น หลักปรัชญาที่สำคัญของเล่าจื๊อและขงจื๊อ ที่สามารถนำมาปรับใช้กับการดำเนินชีวิตและการทำงาน เพราะได้รับการพิสูจน์จากผู้คนมาแล้วหลายรุ่น นับว่าเป็นหลักคำสอนที่ไม่ตกยุคอย่างแท้จริง
อ่านเพิ่มเติม : เติมพลังใจสู่ความสำเร็จด้วยหลัก ปรัชญาจีน