แลร์รี่ เอลลิสัน ซีอีโอของบริษัทออราเคิล ซอฟแวร์ด้านการจัดการที่ใหญ่ที่สุดของโลก ซึ่งล่าสุดเขาได้ถูกจัดอันดับให้เป็นผู้เป็นเศรษฐีฐานะมั่งคั่งอันดับต้น ๆ ของประเทศสหรัฐอเมริกา โดยกว่าที่แลร์รี่ เอดิสันจะมาสู่จุดนี้ได้ เขาต้องฝ่าฟันกับอุปสรรคหลายต่อหลายอย่าง แต่ด้วยแนวคิดที่ไม่หยุดนิ่ง และมีความกล้าใฝ่ฝันทำให้เขาประสบความสำเร็จได้ในทุกวันนี้
ทำความรู้จักกับแลร์รี เอลลิสัน
แลร์รี เอลลิสัน ถือกำเนิดในวันที่ 17 สิ่งหาคม คริสตศักราช 1994 โดยที่แม่ของเอลลิสันนั้นเป็นชาวยิว ซึ่งขณะนั้นแม่ของเขายังไม่ได้แต่งงาน แต่กลับให้กำเนิดเด็กคนหนึ่งขึ้นมา ในภายหลังด้วยความไม่สะดวกทั้งปวงแม่ของเขาจึงยกให้เอลลิสันอยู่ในการดูแลของลุงกับป้าของเธอที่เมืองชิคาโก ซึ่งเป็นโชคดีของเอลลิสันที่ทั้งสองคนนั้นรักและดูแลเขาเป็นอย่างดี
หลังจากอยู่ในการอุปการะของลุงและป้า เอลลิสันก็เติบโตท่ามกลางสังคมชาวยิว จนกระทั่งเขาได้ศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัย University of Illinois at Urbana-Champaign ในช่วงนี้เองที่ชีวิตของเอลลิสันสู่จุดหักเหอีกครั้ง เนื่องจากว่ามารดาบุญธรรมของเขาเสียชีวิตลง ทำให้แลร์รี่ เอลลิสันต้องลาออกจากมหาวิทยาลัย University of Illinois at Urbana-Champaign โดยหลังจากที่เขาลาออกจากมหาวิทยาลัยนี้ เขาได้กลับเข้าไปศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัย University of Chicago ในช่วงเวลา 1 เทอม จากการศึกษาที่นี่เอง ทำให้ลาร์ลี่ เอลลิสัน ได้ค้นพบความน่าสนใจเกี่ยวกับการออกแบบทางคอมพิวเตอร์เป็นครั้งแรก แต่ทว่าแลร์รี่ เอลลิสันก็กลับต้องลาออกจากมหาวิทยาลัยอีกครั้ง เนื่องจากว่าเขาจำเป็นต้องอพยพไปอยู่ที่เมือง northern Californiaอย่างถาวร
แลร์รี เอลลิสันมาสู่จุดพลิกผันของชีวิตอีกครั้งหนึ่งเมื่อเขาได้ทำงานร่วมกันกับ Amex Corporation โดยที่นี่เองทำให้เขาได้มีโอกาสอยู่ในโปรเจ็คท์ในการพัฒนาฐานข้อมูลของ CIA โดยชื่อของโปรเจ็คท์นี้คือ Oracle (ออราเคิล) จากโครงการนี้ทำให้ชายหนุ่มได้รู้จักกับหนังสือที่มีชื่อว่า A Relational Model of Data for Large Shared Data Banks ซึ่งเป็นผลงานการเขียนของ Edgar f. Codd ซึ่งหนังสือเล่มนี้เองที่ทำให้เขาได้รับแรงบันดาลใจ จนก่อตั้งบริษัทออราเคิลเป็นของตนเองในปีคริสตศักราช 1977 โดยเอลลิสันนั้นใช้เงินของตนเองเพื่อการลงทุนถึง 1400 ดอลล่าร์
แลร์รี่ เอลลิสัน ได้ก่อตั้งบริษัท Relational Software Inc ในปีคริสตศักราช 1979 ซึ่ง หลังจากนั้นผลิตภัณฑ์ฐานข้อมูล Oracle ก็กลับได้รับความนิยมขึ้นมา ซึ่งในส่วนนี้เองที่เขาต้องการพัฒนาฐานข้อมูล System R ให้กับ IBM แต่กลับถูกทาง IBM ปฏิเสธ แต่แลร์รี่ เอลลิสันก็ไม่ยอมแพ้ และสุดท้ายเขาก็ได้กลายเป็นเจ้าตลาดของฐานข้อมูลในที่สุดด้วยการพัฒนาประสิทธิภาพฐานข้อมูลให้ดีมากยิ่งขึ้น
ในช่วงหนึ่งของชีวิต แลร์รี เอลลิสันได้มีโอกาสเป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริหารของบริษัทคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟนชื่อดังอย่าง APPLE ในช่วงที่สตีฟ จอบส์ กลับมาทำงานที่บริษัท APPLE อีกครั้ง แต่ทว่าเขากลับทำงานที่นี่ได้ไม่นาน เนื่องจากว่าเขาคิดว่าเวลาว่างของเขาไม่มากพอร่วมประชุมวาระสำคัญของบริษัทเท่าใดนัก
ปัจจุบันถือว่า แลร์รี่ เอลลิสันได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ที่มีฐานะเศรษฐีมากที่สุดอันดับต้น ๆ ของโลก โดยสำนักข่าวของประเทศสหรัฐอเมริกาได้รายงานว่าเขาเป็นผู้บริหารที่มีรายได้มากที่สุดเลยทีเดียว
แนวคิดที่นำพาลาร์รี่ เอลลิสันไปสู่ความสำเร็จ
1.ความมุ่งมั่น
ลาร์รี่ เอลลิสัน เป็นบุคคลหนึ่งที่มีความมุ่งมั่นสู่ความสำเร็จ เห็นได้จากการที่เขาพยายามพัฒนาซอฟท์แวร์อย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อให้ตัวซอฟแวร์มีประสิทธิภาพและอำนวยความสะดวกให้กับชีวิตมนุษย์มากที่สุด
2.ความหลงใหลในงานที่ทำ
ลาร์รี่ เอลลิสัน ชื่นชอบในการเรียนรู้เกี่ยวกับโปรแกรมคอมพิวเตอร์ แม้ว่าเขาจะไม่มีโอกาสเรียนต่อ แต่เขาก็ใช้ความชอบนำทางตัวเขาไปสู่การก่อตั้งบริษัทได้
3.ความขยันขันแข็ง
กว่ามาเป็นซอฟท์แวร์ออราเคิลได้นั้น ลาร์รี่ เอลลิสันนั้นได้พัฒนาซอฟท์แวร์ของเขาอย่างเต็มความสามารถ โดยใช้ความขยันขันแข็งเป็นที่ตั้ง บวกกับความพยายามและความตั้งใจ ทำให้ออราเคิลเป็นซอฟท์แวร์ด้านฐานข้อมูลที่สมบูรณ์ที่สุด
4.ความไม่ท้อแท้ต่อโชคชะตา
แม้ว่าแลร์รี่ เอลลิสันจะไม่มีโอกาสเรียนต่อมหาวิทยาลัยหลายต่อหลายครั้ง แต่เขาก็ไม่นำจุดนี้มาเป็นประเด็นแห่งความท้อแท้และเสียใจ แต่เขากลับใช้โอกาสที่มีอยู่จากการไม่ได้เรียนต่อในช่วงปริญญาตรีไปทุ่มเทกับการศึกษาโปรแกรมซอฟท์แวร์ให้ได้มากที่สุด จนสั่งสมความรู้และนำมาใช้เป็นวิชาชีพได้ในอนาคต
5.การไม่นำเอาปมด้อยมาฉุดดึงความสำเร็จ
แม้แลร์รี่ เอลลิสันจะไม่ได้รับการเลี้ยงดูจากมารดาที่แท้จริงของเขา แต่เขาก็ไม่นำเอาปมด้อยนั้นมาทำให้ตนเองด้อยกว่าคนอื่น แต่กลับนำเอาปมด้อยมาเป็นแรงผลักดันเพื่อให้ตนประสบความสำเร็จ
6.มองว่าทุกอย่างเป็นโอกาส
แลร์รี่ เอลลิสันมองว่าการพัฒนาซอฟท์แวร์สำหรับฐานข้อมูลในสมัยนั้นเป็นสิ่งสำคัญ ทำให้เขาคิดว่าสิ่งนี้คือโอกาสของชีวิต ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าความคิดของเขาจะนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงของระบบจัดเก็บฐานข้อมูลของวงการคอมพิวเตอร์ได้
7.มองการณ์ไกล
แลร์รี่ เอลลิสันมองเหตุการณ์ในอนาคตได้อย่างกว้างไกล โดยเขาพยายามร่วมงานกับ IBM ซึ่ง แม้ว่าเขาจะไม่ได้รับโอกาสนั้น แต่เขาก็พัฒนาออราเคิลอย่างต่อเนื่องจนเป็นเจ้าทางการตลาดในที่สุด
จะเห็นได้ว่าด้วยแนวคิดของแลร์รี่ เอลลิสันนั้นเป็นแนวคิดที่หลาย ๆ คนควรทำตามอย่างยิ่ง เพราะสิ่งเหล่านี้เปรียบได้กับกุญแจนำพาไปสู่ความสำเร็จได้ในที่สุด