วันนี้มีเรื่องมาเล่าให้ฟังเป็นตัวอย่างประสบการณ์ของการใช้ชีวิตที่พอเพียงของคน หาค่ำกินเช้า เขียนไม่ผิดแน่นอนเพราะครอบครัวนี้ถือว่า หาค่ำกินเช้า จริงๆเพราะรายได้หลักมาจากการเปิดร้านขายอาหารอิสานตอนเย็นถึงช่วงดึก ที่เป็นรายได้หลักของครอบครัวมาดูกันว่าเขาบริหารเงินและพอเพียงแบบไหน จะว่าไปครอบครัวนี้เหมือนลูกครึ่งคือ สามีทำงานโรงงานเป็นแบบหาเช้ากินค่ำ ส่วนภรรยาขายอาหารอิสานหาค่ำกินเช้า ดูเหมือนจะรายได้ดีเพราะทำงานกันทั้งสองคน แต่อย่างที่บอกเสมอว่ายุคนี้ค้าขายลำบากอะไรๆก็แพงวัตถุดิบก็แพงขึ้น ดังนั้นมาดูกันว่าครอบครัวนี้เขาบริหารเงินและใช้ชีวิตต่างช่วงเวลากันอย่างไร
อ่านเพิ่มเติม >> แชร์ประสบการณ์ ขายน้ำปั่นก็ มีกินมีใช้ ไม่ลำบาก <<
ครอบครัวนี้อยู่กัน 3 คนพ่อแม่ลูก โดยฝ่ายพ่อทำงานโรงงานในละแวกบ้านรายได้ก็เหมือนพนักงานโรงงานทีทำมานานทั่วไปก็หลักหมื่นต้นๆ ส่วนภรรยาขายอาหารอิสานตอนเย็นๆลากยาวไปจนถึงค่ำซึ่งมีลูกค้าประจำเยอะและมีขาจรบ้างแต่รายได้ไม่สูงนักเพราะต้นทุนวัตถุดิบสูงเหลือกำไรเข้าบ้านก็ประมาณ1-2 พันบาทต่อวัน รายจ่ายของบ้านนี้หลักๆคือ ค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าเรียนพิเศษของลูกวัยประถม 5 ค่าขนมให้ลูกไปโรงเรียนและต้องเก็บไว้ค่าเทอม ซึ่งครอบครัวนี้ส่งให้ลูกเรียน โรงเรียนเอกชนในย่านแถวบ้านซึ่งมีค่าเทอมในระดับกลางๆ จาการที่ได้คุยกันเพราะผู้เขียนเป็นลูกค้าประจำของร้านนี้จึงคุ้นเคยกันพอสมควร เขาเล่าให้ฟังว่าทุกวันนี้ขายของได้กำไรลดลงจากเมื่อ 2-3 ปีก่อนเพราะต้องลงทุนต่อวันสูงขึ้น ของแพงหลายๆอย่างแม้จะมีลูกค้ามาอุดหนุนเยอะตั้งแต่เปิดร้านยันปิดร้านแต่หักทุนแล้วก็เหลือประมาณที่บอกไว้ แต่ก็พอทำให้ครอบครัวอยู่ได้สบายๆ ไม่เดือดร้อนเพราะไม่ค่อยได้ใช้อะไรที่สิ้นเปลืองมากนัก เก็บหอมรอมริบผ่อนรถกระบะหมดไป 1 คันเพื่อเอาไว้ใช้งานรับส่งลูกไปโรงเรียน ขับพาลูกไปเที่ยว และกลับบ้านที่ต่างจังหวัด
ส่วนการใช้ชีวิตประจำวันคือ เช้าสามีและลูกไปโรงเรียน แม่ค้าของเราก็จะแปลงร่างเป็นแม่บ้านทำงานบ้าน เตรียมของขายตอนเย็น พอประมาณ 4 โมงเย็นก็จะออกมาเปิดร้าน สามีกลับมาประมาณ 5 โมงครึ่งก็จะมาช่วยที่ร้าน 6 โมงครึ่งก็จะไปรับลูกจากที่เรียนพิเศษ หลังจากนั้นพ่อแม่ลูกจะมาอยู่กันที่ร้านจนกว่าจะปิดร้าน ซึ่งพี่แม่ค้าบอกว่าสงสารลูกเหมือนกันที่ต้องมาเล่นอยู่ที่ร้าน แต่เพราะที่บ้านอยู่กันแค่นี้จะปล่อยให้อยู่บ้านคนเดียวก็เป็นห่วง และด้วยตัวเองไม่มีเวลาเหมือนแม่คนอื่นๆที่กลางคืนจะอยู่บ้านสอนการบ้านลูกได้ แต่วันอาทิตย์จะหยุดขายของหนึ่งวันเพื่ออยู่กับลูก พาไปเที่ยวบ้างเป็นบางครั้ง
ส่วนเรื่องการบริหารเงิน พี่แม่ค้าบอกว่าหลักๆเลยคือเงินจากการขายของ เงินเดือนสามีนั้นจะแบ่งเก็บเป็นค่าเทอมลูก ค่าเช่าบ้านและอื่นๆจิปาถะที่ต้องจ่ายรายเดือน ส่วนใช้จ่ายรายวันจะเป็นเงินจากการขายของที่หักทุนแล้วเหลือกำไรมาจะนำมาจ่ายค่าขนมให้ลูกไปโรงเรียน และใช้จ่ายรายวันอื่นๆ เหลือเท่าไหร่ก็เก็บไว้ ซึ่งบางวันขายได้กำไรมากเงินก็เหลือมาก บางวันกำไรน้อยก็เหลือน้อย ใช้เท่าที่มีก็ทำให้มีเงินเก็บส่งพ่อแม่ที่บ้านนอกได้บ้างเพื่อปรับปรุงบ้านและคิดจะกลับไปอยู่ตอนแก่
นอกจากนี้พี่แม่ค้าบอกว่าตอนนี้สบายขึ้นเพราะไม่มีหนี้สินอะไร รถก็ผ่อนหมดแล้วก็สบายมีแต่ค่าดูแลซ่อมบำรุงตามระยะเวลาเท่านั้น ส่วนพวกมือถือ แทปเลต คอมพิวเตอร์ ก็มีบ้างเพราะไว้ให้ลูกใช้งานแต่ก็เลือกซื้อเงินสด เพราะสามารถซื้อได้ ไม่ได้ทำบัตรผ่อนสินค้าแม้ว่าสามีจะทำได้ก็ตาม แต่เพราะเข็ดจากการผ่อนรถดอกเบี้ยมันเยอะเลยคิดว่า ซื้อเป็นเงินสดดีกว่า ส่วนเรื่องการกินอยู่แต่ละวันก็ง่ายๆ ขายอาหารอยู่แล้วก็ไม่ต้องซื้ออะไรมากมาย กินของที่ขายนั่นแหละวัตถุดิบมีอยู่แล้ว ก็ลดรายจ่ายลงได้ และหากเป็นช่วงปิดเทอมใหญ่ก็ส่งลูกไปอยู่กับปู่ย่าที่บ้านนอกซึ่งค่าใช้จ่ายถูกกว่าอยู่กรุงเทพ
ส่วนเรื่องการค้าขายพี่แม่ค้าบอกว่าก็ต้องทำใจ รายได้ลดลงจากเมื่อก่อนเกือบเท่าตัวเพราะค่าวัตถุดิบแพงมาก แต่ครั้นจะมาขึ้นราคากับลูกค้าเยอะๆ ก็เกรงใจลูกค้า และกลัวลูกค้าหดหายเพราะขายแพง ที่ขายอยู่ถุงละ 50 บาทนี่ก็แพงพอสมควรแล้ว แต่อาศัยว่าขายมานานหลายปีมีลูกค้าประจำและส่วนใหญ่เข้าใจว่าทำไมต้องขึ้นราคาจาก 35 เป็น 50 หรือ 60 บาทในบ้างเมนู ซึ่งจุดนี้ทำให้มีกำไรทุกวันไม่ขาดทุน และแต่ละวันจะซื้อวัตถุดิบมาแค่พอดีกับช่วงเวลาที่ขายจะไม่ลงของสดเยอะไม่อยากให้มีของเหลือค้าง พี่แม่ค้าบอกว่าตั้งใจว่าจะขายไปเรื่อยจนกว่าจะส่งลูกเรียนจบปริญญาตรี อยากให้เขามีความรู้สูงๆ จะได้ไม่ลำบากเหมือนพ่อแม่ จึงยอมส่งให้เรียนโรงเรียนเอกชนตั้งแต่อนุบาลแม้ใครจะว่าหรือดูถูกว่าเป็นแค่แม่ค้าอาหารอิสานก็ตาม แต่ลูกก็ไม่อายเพื่อนไม่อายใครทำให้มีแรงหาเงินและมีความสุขแม้จะลำบากไปบ้างก็ตาม
ฟังแล้วดูพี่แม่ค้าและครอบครัวจะมีความสุขมากกว่ามนุษย์เงินเดือนหลายๆคนอย่างน้อยรายได้ต่อวันก็ยังมาจุนเจือครอบครัวได้เป็นอย่างดี ประกอบกับการมีอัธยาศัยดีทำให้ลูกค้าประจำไม่หนีไปร้านอื่นจึงค้าขายได้แม้ช่วงเศรษฐกิจย่ำแย่ นี่ก็เป็นอีกตัวอย่างของคนหาค่ำกินเช้าที่มีความสุขในแบบพอเพียงของเขา