เราจะปฏิเสธกันไม่ได้เลยว่างาน Freelance หรืออาชีพอิสระนั้น เป็นอาชีพที่หลายคนอยากออกมาทำ เพราะไม่อยากเป็นลูกจ้าง ไม่อยากตื่นเช้า รถติดอยู่บนถนนเป็นเวลานาน เบื่อเจ้านายบ้าง เบื่อเพื่อนร่วมงานบ้าง หรือเหตุผลอีกมากมาย แต่เราอย่ามองแต่ข้อดีของการเป็น Freelance เพียงอย่างเดียว เราต้องมองถึงข้อเสียหรือความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นด้วยจากการเป็น Freelance เพราะเมื่อมาเป็น Freelance แล้วเราก็ต้องดูแลตัวเองทั้งหมด
เป็น Freelance แล้วมีความเสี่ยงอันดับแรกเลย รายได้ของ Freelance อาจจะไม่แน่นอนและไม่สม่ำเสมอ บางงานเก็บเงินได้ บางงานทำงานแล้วเก็บเงินไม่ได้ ลูกค้าจ่ายเงินช้าบ้าง ซึ่งมีผลกระทบต่อสภาพคล่องและรายได้ และเมื่อสะสมนานเข้าก็จะกลายวงจรหนี้สินที่ปลดไม่ออกได้ ถัดมาก็คือ ความเสี่ยงจากการเจ็บป่วยและอุบัติเหตุ ซึ่งเมื่อเราเจ็บป่วยแล้วแน่นอนไม่มีใครมาช่วยเราออกค่ารักษาพยาบาลเหมือนกับการเป็นลูกจ้างอย่างแน่นอน และสุดท้ายก็คือความเสี่ยงต่อทรัพย์สินของเราไม่ว่าจะเป็นบ้านหรือรถยนต์ ที่หากเกิดความเสียหายขึ้นมาเมื่อไรอาจจะทำให้เราขาดเครื่องมือในการทำงานเลยก็ว่าได้
เพราะฉะนั้นสิ่งที่ Freelance จะต้องเตรียมพร้อมให้กับตัวเอง คือ การหาวิธีป้องกันความเสี่ยงเสียก่อน ที่คุ้นเคยและรู้จักกันก็คือ การทำประกันนั่นเองและประกันที่น่าจะเหมาะกับคน Freelance ก็คงจะหนีไม่พ้น การทำประกันชีวิต การทำประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุ หรือจะเป็นประกันแบบคุ้มครองสินเชื่อ ซึ่งเราจะมาดูกันทีละแบบดีกว่าว่าแต่ละอย่างจะเหมาะกับ Freelance มากน้อยแค่ไหน
- ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ ก็คือเป็นประกันที่คุ้มครองการเสียชีวิตของเรา โดยเราจะจ่ายค่าเบี้ยประกัน 3 ปี 5 ปี หรืออาจจะมากกว่านั้น แต่มีระยะคุ้มครองเรานาน 15 ปี หรือ 20 ปี และระหว่างช่วงที่คุ้มครองเราจะได้ผลตอบแทนมาเป็นเงินปันผล อีกทั้งเราสามารถนำเบี้ยประกันชีวิตมาลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย
- ประกันชีวิตแบบบำนาญ ถือว่าเป็นหลักประกันในช่วงท้ายของชีวิตที่เมื่อทำงานไม่ไหวแล้วยังมีรายได้เข้ามาอยู่ ซึ่งประกันแบบบำนาญนี้จะมีลักษณะเหมือนกับแบบสะสมทรัพย์ เพียงแต่จะเริ่มจ่ายเงินให้กับเราเมื่อเรามีอายุ 55 ปีขึ้นไป ที่สำคัญประกันแบบนี้นำไปลดภาษีได้อีกเหมือนกัน
- ประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อ ประกันประเภทนี้ จะช่วยให้เราอุ่นใจได้ว่าถ้าเราเป็นอะไรขึ้นมา บ้านที่เรากู้เงินจากธนาคารมาซื้อนั้น จะยังมีให้ครอบครัวได้อยู่อาศัยกัน โดยเบี้ยประกันแบบนี้ก็สามารถนำมาลดหย่อนภาษีในปีแรกที่ซื้อประกันได้เหมือนกัน แต่อย่าลืมดูเงื่อนไขด้วยว่าระยะเวลาที่เราซื้อประกันคุ้มครองเท่ากับระยะเวลาที่กู้ยืมเงินมาหรือเปล่า
- ประกันสุขภาพ อันนี้แน่นอนว่า Freelance ส่วนใหญ่จะต้องมีประกันสุขภาพกัน เพราะว่าเราไม่มีสวัสดิการจากนายจ้างที่จะมาช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาลให้เราได้ โดยค่าเบี้ยจากการซื้อประกันสุขภาพนั้นเป็นการจ่ายทิ้งไปปีต่อปี แต่ถ้าเป็นอะไรขึ้นมาก็ถือว่าคุ้มอยู่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นเวลาที่เราซื้อประกันเราก็ลองดูสวัสดิการที่เราจากภาครัฐ เช่น ประกันสังคม หรือจะเป็นบัตรทอง กันก่อนแล้วเราก็ค่อยซื้อประกันเพิ่มเติม เพื่อให้รับบริการที่อาจจะเพิ่มมากขึ้น
- ประกันอุบัติเหตุ เหตุผลในการซื้อประกันก็คงจะเหมือนกับการซื้อประกันสุขภาพ เพราะอย่างที่เรารู้กันเป็น Freelance ต้องดูแลตัวเอง เมื่อเกิดอุบัติเหตุก็ต้องดูแลตัวเองเหมือนกัน สิทธิที่ได้รับจากภาครัฐบางอย่างอาจจะไม่เพียงพอ ดังนั้นประกันอุบัติเหตุก็จำเป็นและช่วยได้เหมือนกัน
- ประกันภัยแบบชดเชยรายได้ สำคัญสุดๆ เหมือนกัน เพราะ Freelance ไม่ทำงานไม่มีรายได้ ยิ่งถ้าหากเราเป็นหัวหน้าครอบครัวด้วยแล้วล่ะก็ รายได้ให้กับครอบครัวสำคัญสุดๆ ซึ่งประกันชดเชยรายได้นี้ส่วนใหญ่จะขายพ่วงมากับประกันสุขภาพหรือประกันอุบัติเหตุ ซึ่งจะจ่ายเงินชดเชยให้เราเมื่อต้องนอนโรงพยาบาลตามเงื่อนไขที่บริษัทประกันกำหนด
- ประกันภัยทรัพย์สิน ได้แก่ บ้านและรถยนต์ ประกันประเภทนี้ซื้อเอาไว้เพื่อให้เรามั่นใจได้ว่าบ้านและรถยนต์ที่เราใช้เป็นเครื่องมือในการทำงาน จะยังคงอยู่แล้วใช้งานได้ตลอดไป และเมื่อมีความเสียหายเกิดขึ้นอย่างน้อยก็มีบริษัทประกันมาช่วยเราจ่าย ทำให้เรามีเงินไปหารายได้ได้
เห็นหรือเปล่า ประกันสำหรับ Freelance มีมากมายหลายแบบมาก ยังไงชีวิต Freelance ก็ยังต้องมีหยุดพัก เจ็บป่วยกันได้ ก็ลองดูแล้วเลือกประกันในแบบที่ใช่และเหมาะสมกับฐานะทางการเงินของตัวเองกันได้เลย
หาประกันที่เหมาะกับฟรีแลนซ์ เจ็บป่วยเมื่อไร ไม่ต้องห่วงเรื่องค่ารักษา ขอรับรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่นี่