หากจะพูดถึงเรื่องดอกเบี้ยนี่คงจะเป็นเรื่องที่หลายๆคนคงคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เพราะเรียนกันมาเยอะแยะและเจอได้บ่อยๆด้วย แต่เชื่อเถอะว่าน้อยคนนักที่จะรู้จักกับดอกเบี้ยเงินกู้ซึ่งเป็นผลประโยชน์ของทางผ็ก็เนื่องจากเราเป้นคนจ่ายเงินให้นั่นเอง เพราะเราก็มักจ่ายรวมๆไปกับยอดหนี้ที่ต้องชำระแลย จนหลายๆคนไม่คิดว่าเงินที่ชำระหนี้ไปแต่ละเดือนนั้นมี ดอกเบี้ยเงินกู้ อยู่ ดังนั้นในวันนี้เราจะมาแนะนำให้ทุกคนรู้จักกับ ดอกเบี้ยเงินกู้ กันว่ามีอะไรบ้างและมีลักษณะอย่างไร
หากแบ่งอย่างง่ายๆตามลักษณะการเปลี่ยนแปลงของดอกเบี้ยเงินกู้เองเลย จะแบ่งได้ว่าดอกเบี้ยเงินกู้นั้นสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทก็คือ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้แบบคงที่ (Fixed Rate) และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้แบบลอยตัว (Floating Rate) นั่นเอง
- โดยอัตราดอกเบี้ยเงินกู้แบบคงที่ คือ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ทางผู้ให้กู้กำหนดไว้ตายตัวและจะไม่มีการปรับอีกตลอดอายุการทำสัญญาหรือช่วงเวลาที่ได้ตกลงกันไว้ เช่น ดอกเบี้ยเงินกู้ร้อยละ 7 ต่อปีมีระยะเวลาในการผ่อนชำระคืน 10 ปี นั่นคือภายใน 10 ปีนี้เราเสียภาษีในร้อยละ 7 ไปตลอด ซึ่งหลายๆคนมองว่าดีเพราะไม่ต้องรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในการลงทุนของผู้ให้กู้ซึ่งส่งผลต่อดอกเบี้ยเงินกู้นั่นเอง
- ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้แบบลอยตัว (Floating Rate) นั้นจะมีดอกเบี้ยเงินกู้ที่เปลี่ยนแปลงไปตามการลงทุนของผู้ให้กู้นั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นต้นทุนหรือผลกำไรก็ตาม ทางผู้ให้กู้ก็จะประกาศออกมาเป็นระยะโดยใช้ค่าหรือตัวย่อต่างๆเช่น MLR, MOR, MRR เป็นต้น
สำหรับค่าหรือตัวย่อต่างๆเช่น MLR, MOR, MRR จะมีความหมายที่แตกต่างกันออกไป มาเริ่มที่ MLR หรือ Minimum Loan Rate ดอกเบี้ยต่ำๆสำหรับผู้ที่มีเครดิตในการชำระหนี้สินดีหรือมีความพร้อมในการชำระหนี้สูงมาก มักจะถูกใช้กับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้แบบคงที่ ส่วน MOR หรือ Minimum Overdraft Rate คือ ดอกเบี้ยต่ำสำหรับลูกหนี้ที่มีการชำระหนี้สินดีหรือมีความพร้อมในการชำระหนี้สูง แต่ขอเพิ่มวงเงินกู้นั่นเอง ถึงจะมีประวัติดีแต่ความเสี่ยงสูง จึงใช้ดอกเบี้ยแบบเดิมไม่ได้ แต่ก็ขยับไปใช่ดอกเบี้ยแบบที่สามไม่ได้ นั่นก็คือ MRR หรือ Minimum Retial Rate ซึ่งเป็นดอกเบี้ยที่ใช้กับคนทั่วๆไปทีมีประวัติการชำระเงินดีแต่มีความเสี่ยงในการชำระเงินอยู่บ้างนั่นเอง แถมกว่าจะให้กู้ก็ตรวจสอบสถานภาพการเงินทุกอย่างอีกต่างหาก
อ่านเพิ่มเติม! >> MLR, MOR, MRR มันคืออะไรใน ดอกเบี้ยเงินกู้ กันบ้างนะ <<
หรือเราอาจจะแบ่งดอกเบี้ยเงินกู้อีกแบบ ตามลักษณะของการจ่ายได้เป็น ดอกเบี้ยเงินกู้แบบเงินต้นคงที่ ดอกเบี้ยเงินกู้แบบลดต้นลดดอก ดอกเบี้ย/ค่าปรับ/ค่าธรรมเนียมและค่าบริการอื่นๆ และ ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมของสินเชื่อบุคคล ซึ่งมีลักษณะต่างๆกันออกไป ดังนี้
- ดอกเบี้ยเงินกู้แบบเงินต้นคงที่ หรือ ดอกเบี้ยแบบนี้จะคล้ายกับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้แบบคงที่ (Fixed Rate) ที่เราได้กล่าวไปแล้วคือมีดอกเบี้ยคงที่ แต่ ดอกเบี้ยเงินกู้ แบบเงินต้นคงที่นี้จะไม่สามารถนำเงินก้อนมาปิดยอดเงินต้นได้ก่อนถึงกำหนดชำระ ถึงจ่ายก่อนดอกเบี้ยก็เท่าเดิม ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรเลยกับการจ่ายตามกำหนดเวลานั่นเอง
- ดอกเบี้ยเงินกู้แบบลดต้นลดดอก แตกต่างกับดอกเบี้ยเงินกู้แบบเงินต้นคงที่แบบสิ้นเชิงเลย เพราะเราสามารถนำเงินก้อนมาปิดยอดเงินต้นได้ก่อนถึงกำหนดชำระ และดอกเบี้ยเงินกู้นั้นๆก็จะคิดเป็นรายวัน ดังนั้นเราเอาเงินไปกลบหนี้วันไหนก็จ่ายดอกเบี้ยแค่ถึงวันที่เราจ่ายเท่านั้น ซึ่งดีในแง่ของการชำระหนี้ของลูกหนี้นั่นเอง ซึ่งการกู้เงินที่มีดอกเบี้ยแบบนี้ ก็จะทำให้คุณสามารถกำหนดการชำระปิดยอดหนี้ของตัวเองได้ อีกทั้งเดือนไหนอยากจะจ่ายเงินต้นมากหน่อย ก็สามารถจ่ายได้สบายเลย คิดจะปิดหนี้ให้หมดเร็วๆ ก็สามารถทำได้โดยไม่ต้องเสียดอกเบี้ยเพิ่มอีกด้วยนะ
- ดอกเบี้ย/ค่าปรับ/ค่าธรรมเนียมและค่าบริการอื่นๆ ค่าบริการเหล่านี้เราจะพบได้ในบัตรเครดิต ซึ่งเป็นเงินเรียกเก็บจากทางธนาคารในรูปของค่าให้บริการ เช่น ค่าบริการตู้ ATM ค่าบริการรายปี ค่าธรรมเนียมบัตรเครดิตรายปี เป็นต้น ซึ่งหลายๆคนไม่ชอบเนื่องจากเรียกเก็บบ่อยแถมเก็บในอัตราที่สูงอีกต่างหาก ทางเดียวที่เราจะหลีกเลี่ยงดอกเบี้ยพวกนี้ได้บางส่วน คือการชำระหนี้ให้ตรงเวลาแบบเป๊ะๆนั้นเอง เรียกง่ายๆว่าต้องเป็นลูกหนี้ชั้นดีนั่นเอง ซึ่งดอกเบี้ยค่าธรรมเนียมแบบนี้ ผู้ที่ใช้บัตรเครดิตจะรู้จักกันดี โดยฉพาะคนที่มักจะจ่ายยอดหนี้ไม่ตรงตามกำหนด
- ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมของสินเชื่อบุคคล หรือที่เขาเรียกกันอีกอย่างว่า ค่าติดตามทวง ซึ่งค่านี้จะเกิดขึ้นทันที่เราชำระเงินไม่ครบกำหนด สิ่งที่ตามมาคืออัตราดอกเบี้ยที่คิดทันทีและแน่นอนว่าเพิ่มเติมไปจากดอกเบี้ยเงินกู้ตามปกติที่เราจ่ายอยู่ทุกเดือน และเราเลี่ยงไม่ได้เลยนอกจากชำระหนี้ให้ตรงเวลา ไม่ก็กลบหนี้ให้หมดไปเลยเท่านั้นเอง
ได้เรียนรู้เกี่ยวกับ ดอกเบี้ยเงินกู้ แบบต่างๆ กันไปแล้ว ทีนี้หลายคนก็คงพอจะเข้าใจเกี่ยวกับดอกเบี้ยเงินกู้กันบ้างแล้วนะคะ ลองสำรวจดูว่าหนี้ที่คุณมีอยู่นั้นต้องเสียดอกเบี้ยอย่างไรและเป็นหนี้ทีสามารถกลบยอดนี้ได้ในทีเดียวเลยหรือเปล่า ถ้าได้ แนะนำว่าควรปิดยอดหนี้ตั้งแต่เนิ่นๆ ซะ แล้วคุณจะมีชีวิตที่สุขสบายมากขึ้น เนื่องจากไร้ปัญหาหนี้สินและดอกเบี้ยมากวนใจนั่นเอง
รู้จักดอกเบี้ยประเภทต่างๆกันไปแล้ว ถ้าจำเป็นต้องใช้เงิน สมัครขอสินเชื่อออนไลน์ รับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ คลิกที่นี่