สำหรับคนที่เพิ่งสนใจเริ่มลงทุนในกองทุนรวม และ อยากลงทุนกองทุน LTF เพื่อประโยชน์ทางด้านภาษีสำหรับสิ้นปี แต่ก็ยังงงๆ อยู่ว่าจะเลือกซื้อกองไหนดี… ใช้อะไรเป็นเกณฑ์ในการเลือกดี …. บทความนี้มีคำตอบ
โดยการเลือกซื้อกองทุน LTF ในครั้งนี้ จะอยู่บนพื้นฐานที่ว่า เราเข้าใจเรื่องลงทุนเพียงพอแล้ว วางแผนไว้อย่างดีแล้วเงินก้อนที่มีอยู่นี้ เป็นส่วนที่แบ่งมาซื้อกองทุนรวม LTF สำหรับการเสียภาษี และเป็นเงินที่เราไม่เดือดร้อนภายใน 3-5 ปีนี้แน่นอน ถ้าเป็นแบบนั้นแล้วเรามาดูกันเลยดีกว่าว่า …. จะใช้อะไรมาเลือกซื้อกองทุน LTF กันดี
อันดับแรกก็คือ เลือก บลจ.ที่ตรงใจเราก่อนล่ะกัน ไม่ว่าจะเป็นชื่อเสียง ความพึงพอใจ การบริการหลังการขาย การบริการทาง internet การบริการทางโทรศัพท์ การส่งรายงานให้ลูกค้า เป็นต้น เพราะอาจจะมีบาง บลจ.ที่มีบริการบางอย่างไม่ครบถวน และอาจจะไม่ตอบโจทย์การลงทุนของเรา
ต่อจากนั้นเราก็มาดูนโยบายการลงทุน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วกองทุนรวม LTF จะเป็นกองทุนที่ลงทุนในตราสารทุนหรือหุ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน หรือเราจะเรียกได้ว่าเป็นกองทุนตราสารทุนก็ได้ โดยที่แต่ละ บลจ.ก็จะมีกองทุน LTF มาให้เราเลือกมากมายอย่างน้อยมากกว่า 5 กองทุนต่อ บลจ.เลยทีเดียว
ต่อมาเราก็มาดูเรื่องราคาต่อหน่วยของแต่ละกองทุน เพราะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เราตัดสินใจเลือกลงทุนเหมือนกัน เพราะถ้ากองทุนที่มีผลตอบแทนสูงมากๆ จะมีคนมาลงทุนเยอะ ก็จะทำให้ราคาของกองทุนสูงขึ้นไปด้วยเช่นกัน อย่างกองทุน LTF บางกองทุน ก็มีราคาสูงเกือบ 50 บาทต่อ 1 หน่วยลงทุนเลยทีเดียว ซึ่งถ้าเรามีเงิน 50,000 บาท เราก็จะได้มาเพียง 1,000 หน่วยเท่านั้น แต่ถ้าเลือกกองทุนที่ราคาต่อหน่วยไม่สูงมากอาจจะประมาณ 15 บาทต่อหน่วย เราก็อาจจะได้หน่วยลงทุน 3,333 กว่าหน่วย ซึ่งจะมีผลดีกับเราถ้าหากกองทุนนั้นมีการจ่ายเงินปันผล แต่ของดีราคาถูกก็ใช่ว่าจะมีเสมอไป เพราะจริงแล้วเราจะดูแต่มูลค่าต่อหน่วยของกองทุนเพียงอย่างเดียวก็ไม่ได้
บทความนี้ดี อ่านเลย >> มา วิเคราะห์กองทุน LTF กัน ! <<
อย่างที่บอกไปแล้วว่ามูลค่ากองทุนเพียงอย่างเดียว ก็ไม่สามารถบอกได้ว่าเราควรจะซื้อกองทุน LTF กองนี้ หรือกองนั้นดี … เราจะต้องเอาระยะเวลาเฉลี่ยที่เท่ากันในช่วงเวลาเดียวกันมาคิดด้วย เช่น
- กองทุน A ราคาต่อหน่วย 40 บาท ตั้งมาแล้ว 5 ปี ผลตอบแทนเท่ากับ 10% หรือคร่าวๆ จะได้ ผลตอบแทนประมาณ 2% ต่อปี
- กองทุน B ราคาต่อหน่วย 24 บาท ตั้งมาแล้ว 3 ปี ผลตอบแทนเท่ากับ 12% หรือคร่าวๆ จะได้ผลตอบแทนประมาณ 4% ต่อปี
เพราะฉะนั้นของดีราคาถูกก็ยังพอมีให้เห็นอยู่บ้าง ถ้าเรารู้จักรวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลไปในทางที่ถูกต้อง
และที่สำคัญอีกเรื่องหนึ่งก่อนตัดสินใจซื้อกองทุน คือ การดูผลตอบแทนของกองทุนที่เราจะต้องดูแบบยาวๆ 3-5 ปี เพราะว่ากองทุน LTF เราต้องเอาเงินไปให้กองทุนเป็นเวลานานประมาณ 3 ปี และ 5 ปีสำหรับกฎหมายใหม่ ซึ่งเราสามารถดูได้จากหนังสือชี้ชวนส่วนสรุปข้อมูลที่สำคัญ ที่ บลจ.จะต้องปรับปรุงข้อมูลให้เป็นปัจจุบันอยู่เสมอ เช่น ถ้าเราเลือกกองทุน LTF ที่มีลักษณะการลงทุนเป็นแบบ Active Management เราก็ควรที่จะต้องดูว่าผลการดำเนินงานของกองทุนสูงกว่า SET Index มากน้อยเพียงใด เช่น
- กองทุน A มีผลตอบแทนย้อนหลัง 5 ปี เท่ากับ 14.64% ซึ่งดูแล้วเราน่าจะพอใจเพราะว่าผลตอบแทนสูงอยู่เหมือนกัน โดยคิดง่ายๆ ว่า 1 ปีจะได้ผลตอบแทนประมาณ 3% แต่ถ้าเราไปดู SET Index ในช่วงเดียวกันจะเท่ากับ 14.16% นั่นก็หมายความว่ากองทุนนี้สามารถชนะตลาดได้เพียง 0.5% เท่านั้นเอง
แต่ถ้าจะให้ดีที่สุดเราควรที่จะต้องเปรียบเทียบกองทุน LTF ที่มีนโยบายการลงทุนเหมือนกันสักประมาณ 3-4 บลจ.ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อได้
สุดท้ายก็น่าจะเป็นเรื่องค่าใช้จ่ายของกองทุนว่าค่าใช้จ่ายอะไรบ้างที่เก็บจากกองทุน ค่าใช้จ่ายอะไรบ้างที่เก็บจากผู้ลงทุนอย่างเราๆ เพราะฉะนั้นก่อนที่เราจะตัดสินใจซื้อกองทุน LTF สักกอง เราก็น่าที่จะหาข้อมูลต่างๆ มาเปรียบเทียบกันก่อน เพื่อให้เราได้กองทุน LTF ที่คุ้มค่าที่สุด
อ่านเพิ่มเติม >> พอร์ต กองทุน LTF หรือ RMF ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด แล้วหรือยัง <<