หนึ่งในงานอดิเรกที่มนุษย์เงินเดือนหลาย ๆ คนนิยมทำกัน นั่นก็คือ การออกไปช้อปปิ้ง ซื้อของเข้าบ้าน ใช้จ่ายในสิ่งต่าง ๆ ตามที่ตัวเองชื่นชอบ หากเป็นแค่การซื้อของทั่ว ๆ ไป สำหรับใช้สอยในแต่ละเดือน มันก็คงจะไม่มีปัญหาอะไรและบทความนี้คงจะไม่ถูกเขียนขึ้น แต่ที่มันเกิดเป็นปัญหาขึ้นมา เนื่องจากหลายคนมีความนิยมในการซื้อของเพื่อมาเก็บสะสม ซึ่งของสะสมเหล่านั้น แน่นอนว่าไม่ใช่ของราคาถูก ๆ เลย
อย่างเช่น ผู้ชายบางคน นิยมซื้อรถพวกบิ๊กไบค์ รถจักรยานยนต์มาสะสมไว้ หรือผู้หญิงบางคนชอบซื้อเสื้อผ้า ซื้อกระเป๋า ซื้อรองเท้า แล้วก็ซื้ออยู่นั่นแหละ จนบางครั้งของที่ซื้อมาไม่อาจจะถูกใช้งานได้ครบ บางชิ้นไม่ได้ใช้งานเลย ถูกเก็บเอาไว้ที่ก้นตู้ตลอดกาลเลยก็มี หากเรามองเข้าไปที่คนกลุ่มดังกล่าว อาจเกิดคำถามขึ้นในใจว่า “ซื้อทำไม มีประโยชน์อะไร” และเมื่อหาคำตอบ เราก็คงจะหาคำตอบไม่ได้ ว่าทำไมถึงต้องซื้อ แม้แต่ตัวคนซื้อเองก็ไม่อาจจะให้คำตอบได้เช่นกัน เหตุเป็นเพราะ “ความชอบ” เพียงอย่างเดียวที่ผลักดันให้คนเราเกิดรสนิยมในการซื้อของมาสุมหรือมาสะสมดังกล่าว
อ่านเพิ่มเติม : มาดู จุดอ่อนการเงินของผู้หญิงและผู้ชาย กัน !
การกระทำดังเช่นที่ว่านั้น ถือเป็นหนึ่งในปัญหาที่ส่งผลต่อเสถียรภาพทางการเงินของคน ๆ นั้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มนุษย์เงินเดือนผู้มีเงินไม่มากสักเท่าใดนัก เพราะเงินส่วนนั้นจะถูกทำให้เสียไปเปล่า ๆ ด้วยความชอบของตนเองเพียงอย่างเดียว หาได้เกื้อกูลการดำรงชีวิตไม่ เมื่อเงินส่วนหนึ่งได้เสียไปเพราะของสะสมหรือการซื้อของแบบอธิบายไม่ได้แล้ว ย่อมส่งผลให้เงินที่มีอยู่เหลือน้อยลงและส่งผลกระทบในอนาคตต่อการใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกิน เรื่องการดูแลตัวเอง แต่แทนที่จะได้รับประทานอาหารดี ๆ กลับต้องกระเบียดกระเสียรกินอาหารกึ่งสำเร็จรูปราคาถูก เพราะเงินเดือนได้หายไปกับของสะสมราคาแพงเสียแล้ว หรือต้องประสบปัญหาไม่มีเงินค่ารักษาพยาบาลเวลาเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นมา เนื่องจากเงินเดือนเหลือน้อยเพราะซื้อของสะสมไปตั้งแต่ต้นเดือนแล้ว เป็นต้น
เพราะฉะนั้น พฤติกรรมการซื้อของแบบหาเหตุผลไม่ได้เช่นนี้ จึงถือเป็นพฤติกรรมแย่ที่ต้องหาทางควบคุมและแก้ไขไม่ให้มีมากจนเกินไป แต่เรื่องรสนิยมของมนุษย์ก็เป็นสิ่งที่ไม่อาจจะห้ามได้
วิธีแรกที่ผู้ต้องการควบคุมพฤติกรรมดังกล่าวควรทำเอาไว้ จึงต้องเริ่มจากการแบ่งเงินออกเป็น 2 หรือ 3 ก้อน โดยอาจเปิดบัญชีไว้สัก 2 หรือ 3 บัญชี บัญชีที่ 1 ใช้สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายทั่วไป รวมถึงใช้ซื้อของที่อยากได้ ส่วนบัญชีที่ 2 อาจใช้เป็นบัญชีสำหรับเก็บเงินไว้ยามฉุกเฉิน
ซึ่งในเวลาปกติเราจะไม่ไปแตะต้องเงินในบัญชีนั้นเด็ดขาด วิธีการนี้ก็ถือว่าเป็นวิธีการที่ดี หากต้องการควบคุมการใช้จ่ายเงินให้น้อยลง แต่ถ้ารู้ตัวว่าตัวเองต้องเผลอไปเอาเงินฉุกเฉินมาใช้อีกแน่ ก็อาจจะเพิ่มเงื่อนไขการเก็บเงินให้มากขึ้น ตัวอย่างเช่น ไม่ทำบัตรเอทีเอ็ม เป็นต้น แต่ต้องมั่นใจว่าสาขาที่เปิดบัญชีนั้นอยู่ใกล้เพื่อที่หากเกิดเวลาฉุกเฉินขึ้นมาจริง ๆ จะได้ไปถอนเงินออกมาได้อย่างสะดวก ไม่ต้องข้ามน้ำ ข้ามทะเลเพื่อไปถอนเงิน
วิธีการขั้นต่อมา สำหรับการควบคุมพฤติกรรมการซื้อของแบบหาเหตุผลไม่ได้ ก็คือ ตัวเราต้องรู้จักควบคุมตัวเองด้วย คอยห้ามใจไว้เวลาที่เจอของที่อยากได้แต่เอามาใช้ประโยชน์ไม่ได้จริง
คอยเตือนตัวเองไว้เสมอว่า เรายังมีภาระค่าใช้จ่ายภายในบ้านอยู่อีกมาก หากเราเอาเงินที่ควรจะนำไปใช้ดำรงชีวิตมาซื้อของฟุ่มเฟือยเหล่านี้ แม้จะได้ของ แต่เราอาจจะต้องลำบากในเดือนนั้นไปทั้งเดือน ยิ่งถ้ามีพ่อ แม่ ลูก เมียต้องดูแลด้วย ก็ยิ่งต้องประหยัด เราไม่ควรลากคนที่เรารักให้มาลำบากด้วยเพราะความอยากได้ของเราเพียงฝ่ายเดียว เชื่อว่าหากใครคิดได้เช่นนี้ ความอยากได้ อยากมีในสิ่งของชิ้นนั้นจะลดลงไปทันที แต่ถ้าเตือนตัวเองแล้วยังไม่สามารถระงับความอยากได้ เราก็อาจจะบอกตัวเองว่า เดือนนี้อย่าเพิ่งเลย เดี๋ยวเอาไว้ซื้อเดือนหน้าจะได้มีเวลาหาเงิน แล้วเราก็เอาความอยากนั้นแหละมาเป็นแรงผลักดันให้มีความขยันทำงานมากขึ้นก็ได้ และหากเรานำความอยากนั้นมาเป็นแรงผลักดันในการทำงานได้สำเร็จแล้วละก็ ทีนี้ต่อให้จะมีความอยากมากเท่าไร ก็คงไม่เป็นปัญหาสำหรับการใช้จ่ายเท่าใดนัก เพราะยิ่งอยากมาก ก็ยิ่งได้เงินมาก บางทีหากทำงานไปเยอะๆ เข้า อาจเกิดการเสียดายเงิน เวลาจะใช้เงินตามมาก็ได้
คนเราทุกคนย่อมมีรสนิยมประจำตัวอยู่ ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องผิด แต่สิ่งที่สำคัญเลยก็คือจะควบคุมรสนิยมอย่างไร ไม่ให้มันออกมากลายเป็นความชอบและคลั่งไคล้ จนเป็นตัวทำให้เราต้องเสียเงิน ใช้เงินฟุ่มเฟือยอย่างควบคุมไม่ได้ ซึ่งเราอาจสรุปได้ว่าการควบคุมรสนิยมไม่ให้ลุกลามกลายเป็นความคลั่งไคล้ดังกล่าว สามารถทำได้ด้วยการห้ามใจตัวเองพยายามนึกถึงคนรอบข้างให้มาก ๆ อย่าเอาแต่ความอยากของตัวเองเป็นที่ตั้งอย่างเดียว ควบคู่ไปกับการควบคุมการใช้เงินด้วย หากมนุษย์เงินเดือนท่านใดสามารถกระทำการทั้ง 2 อย่างนี้ควบคู่กันไปได้ รับรองว่า ปัญหาการซื้อของแบบไม่คิด ใช้จ่ายแบบไม่คิด ใช้จ่ายเพื่อสนองความอยากของตัวเองเพียงอย่างเดียวจะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน