คนหลายคนตัดสินใจทำธุรกิจด้วยเหตุผลหลายประการด้วยกัน เช่น อยากเป็นนายของตัวเอง อยากมีอิสระในการตัดสินใจในเรื่องต่าง ๆ ได้อย่างเต็มที่ อยากสามารถบริหารเวลาการทำงานของตัวเองได้ และที่สำคัญอยากรวยเพราะเชื่อว่าธุรกิจสามารถสร้างโอกาสให้เราร่ำรวยได้มากกว่าการทำงานเป็นพนักงานประจำกินเงินเดือนที่ทำงานแลกกับเงินเดือนหรือโบนัสแทบจะไม่มีโอกาสฟลุ๊ครวยกับเขาได้เลย
อย่างไรก็ตาม มีหลายคนเช่นกันที่มีความเข้าใจผิด ๆ ในเรื่องของการทำธุรกิจ คนเหล่านี้เมื่อตัดสินใจทำธุรกิจไปแล้วก็ไม่ประสบผลสำเร็จอย่างที่หวังเอาไว้ หรือบางคนถึงกับต้องขาดทุน เงินทุนที่เก็บสะสมมานำมาลงทุนกับธุรกิจก็ต้องหมดไป มาดูกันค่ะว่ามีความเข้าใจผิด ๆ ในเรื่องการทำธุรกิจนั้นมีอะไรกันบ้าง
คิดว่าความชอบหรือความเชี่ยวชาญเฉพาะเรื่องของเราจะทำให้เราทำธุรกิจประสบความสำเร็จได้
- ยกตัวอย่างเช่น คนที่ชอบอ่านหนังสือเป็นชีวิตจิตใจ ตู้หนังสือที่บ้านเต็มไปด้วยหนังสือ งานสัปดาห์หนังสือไม่เคยพลาดต้องไปทุกครั้ง อ่านทุกวันมีหนังสือเล่มใหม่มาทำสถิติใหม่อ่านไม่ถึงชั่วโมงก็หมดเล่ม แต่ก็ไม่จำเป็นเสมอไปว่าคนที่ชอบอ่านหนังสือจะประสบความสำเร็จกับการเปิดร้านขายหนังสือ เพราะเป็นคนละเรื่องกัน คนหลายคนที่คิดว่าความชอบในการอ่านหนังสือของตัวเองจะทำให้เปิดร้านหนังสือได้ ซึ่งก็ไม่จริงเลยค่ะ
ส่วนบางคนที่มีฝีมือในการทำขนมได้เอร็ดอร่อยหรือชอบทานขนม คิดว่าการเปิดร้านขายขนมหรือเปิดร้านเบเกอรี่น่าจะเป็นเป็นทางของเรา ต้องใช่แน่ ๆ เปิดแล้วต้องรวย ซึ่งก็ไม่จริงเสมอไปเช่นเดียวกัน เพราะการทำธุรกิจนั้นไม่ได้ขึ้นกับความเชี่ยวชาญในเฉพาะเรื่องของเราเท่านั้น แต่ยังต้องมีปัจจัยอีกหลากหลายในการที่จะทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จได้ อย่างเช่น เรื่องของการตลาด เรื่องของการดูแลพนักงาน เรื่องการบริหารจัดการเรื่องเงิน ฯลฯ
คิดว่าจะหาคนมาดูแลเรื่องเงินเพราะตัวเองไม่ถนัด
- เรื่องการบริหารจัดการเรื่องเงินถือเป็นหัวใจสำคัญของการบริหารธุรกิจให้มีกำไรได้อย่างยั่งยืน หากเราเป็นคนที่ไม่ถนัดเรื่องเงินจริง ๆ เราสามารถหาผู้เชี่ยวชาญเพื่อมาทำหน้าที่นี้ได้ค่ะ แต่อย่างไรก็ดีเรื่องการบริหารเงินของธุรกิจเป็นเรื่องที่เราซึ่งเป็นเจ้าของธุรกิจไม่ควรทิ้งให้ผู้เชี่ยวชาญดูแลแต่เพียงฝ่ายเดียว เรายังควรต้องดูแลอยู่ แม้ไม่ถนัดแต่ก็ต้องค่อย ๆ ศึกษาหาความรู้ คนที่เราจ้างมาเขาก็รับเงินเดือนจากเรา ความรับผิดชอบเขาก็มีในระดับหนึ่งเท่านั้น แต่เราเองในฐานะของคนเป็นเจ้าของธุรกิจ ต้องรับผิดชอบมากกว่าเราจะไม่ใส่ใจในเรื่องเงินทองที่เป็นเงินลงทุนหรือเป็นเงินกู้ยืมจากธุรกิจของเราจะได้หรือ จริงไหมคะ
ดังนั้นหากคิดว่าทำธุรกิจแล้วเรื่องเงินไม่ต้องดูแลให้คนอื่นเป็นคนดูแล จึงเป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องเป็นอย่างมาก
คิดว่าการกู้เงินมาก ๆ เป็นเรื่องดีเพราะเข้าใจว่าเป็นการใช้เงินคนอื่นมาทำงานสร้างผลตอบแทน
- การกู้เงินเพื่อมาทำธุรกิจเป็นช่องทางหนึ่งในการที่เราจะมีเงินทุนเพื่อนำมาต่อยอดในการทำธุรกิจในกรณีที่เรามีเงินทุนไม่พอ แต่การกู้เงินทุกรูปแบบก็จะมีต้นทุนคือดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายคืน พร้อมกับเงินต้นที่ต้องจ่ายคืนตามกำหนดระยะเวลาแล้วแต่รูปแบบของเงินกู้ว่าจะเป็นเงินกู้แบบเงินทุนหมุนเวียน เงินกู้ระยะสั้นหรือเงินกู้ระยะยาว เป็นต้น การตัดสินใจกู้เงินเพื่อมาทำธุรกิจควรจะต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของการทำเงินทุนนั้นไปสร้างผลตอบแทนให้ได้มากกว่าดอกเบี้ยที่เราต้องจ่าย ถึงจะเรียกว่าคุ้มค่า
จึงเป็นเหตุผลที่เจ้าของธุรกิจจำเป็นที่จะต้องมีความรู้ในเรื่องการเงินของธุรกิจ ความสามารถในการทำกำไร การบริหารกระแสเงินสดในการดำเนินงานของธุรกิจ หากเราทำธุรกิจไป 5-10 ปี ไม่ได้ขยายธุรกิจแต่ธุรกิจเราเลี้ยงตัวเองไม่ได้ มีแต่กู้เงินเพิ่มขึ้น บางคนกู้ธนาคารไม่ได้แล้ว ก็ต้องแลกเช็คเพื่อเอาเงินมาหมุนเวียนในธุรกิจ ยอมจ่ายดอกเบี้ยแพงกว่าปกติ เจ้าของธุรกิจบางคนก็ยังเข้าใจว่าเป็นการนำเงินคนอื่นมาใช้เพื่อสร้างผลตอบแทน โดยที่ไม่ได้วิเคราะห์หรือพิจารณาเลยว่าธุรกิจของเรามีกำไรสร้างกระแสเงินสดเลี้ยงกิจการเราให้อยู่ได้หรือไม่ แบบนี้ก็ถือว่าเป็นความเข้าใจในการทำธุรกิจแบบผิด ๆ ค่ะ
คิดว่าการทำธุรกิจจะประสบความสำเร็จได้ง่ายกว่าอาชีพอื่น ๆ
แนวคิดแบบนี้ก็ไม่ใช่ความเข้าใจที่ถูกต้อง 100% ความเป็นจริงก็คือไม่ว่าจะประกอบอาชีพใดก็ตาม การจะประสบความสำเร็จได้หรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายสิ่งหลายอย่าง การทำธุรกิจก็เช่นเดียวกันจะประสบความสำเร็จก็ต้องขึ้นอยู่กับโอกาสทางธุรกิจ เงินทุน ความรู้ ช่องทาง ความขยัน เทคนิคใหม่ ๆ ระบบ สินค้าหรือบริการที่มีคุณภาพ พนักงาน การวางแผน ฯลฯ มีหลายคนที่คิดว่าการเป็นเจ้าของธุรกิจจะสบายมีเวลามากกว่าคนทำงานประจำ ซึ่งก็ไม่จริงเสมอไปค่ะ เพราะหากเราเป็นเจ้าของธุรกิจ ความรับผิดชอบในงานของเรามีไม่จำกัดเลย คือเราต้องรู้ทุกเรื่อง แต่หากเป็นพนักงานประจำเราแค่รับผิดชอบในงานหน้าที่ของเราก็เพียงพอแล้ว