เรื่องเครดิตบูโรเป็นเรื่องที่ผู้ที่จะขอกู้เงินหรือขอสินเชื่อกับธนาคารหรือสถาบันการเงินควรจะต้องมีความรู้และความเข้าใจที่ถูกต้อง มุมมองของคนทั่วไปที่มีต่อเครดิตบูโรดูเหมือนจะเป็นแง่ลบหรือแง่ที่ไม่ค่อยดี ที่มองเครดิตบูโรว่าเป็นผู้ที่จัดทำรายชื่อของลูกหนี้ที่เป็น Blacklist หรือลูกหนี้ที่อยู่ในบัญชีดำ ทำให้เมื่อไปขอกู้เงินหรือขอสินเชื่อกับธนาคารไหนก็ไม่ผ่าน เพราะมีชื่อติดอยู่ใน Blacklist นี้ บางครั้งเมื่อถูกปฏิเสธสินเชื่อจากธนาคารหรือสถาบันการเงิน เจ้าหน้าที่จะแจ้งแค่เพียงสั้น ๆ ว่า ติดเครดิตบูโรหรือไม่ผ่านเพราะเครดิตบูโร ยิ่งทำให้เข้าใจผิดกันไปใหญ่ว่า เป็นเพราะเครดิตบูโรอีกที่ทำให้ไม่สามารถกู้เงินได้
ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับเครดิตบูโรนี้ ลูกหนี้จะเข้าใจว่าเครดิตบูโรนั้นจะมีการจัดทำรายชื่อของทุกคนที่เคยมีประวัติหนี้ที่ไม่ดี เคยติดค้างชำระหรือเป็นหนี้เสียมารวบรวมเป็นลิสต์ไว้ เมื่อมีผู้ขอสินเชื่อหรือเงินกู้เข้าไปยังธนาคาร ธนาคารเช็คกับลิสต์นี้หากเรามีรายชื่ออยู่ในลิสต์นี้ก็จะถือว่าเรายังมีประวัติค้างชำระ ธนาคารก็จะปฏิเสธการกู้เงินของเรา กรณีนี้เครดิตบูโรก็จะกลายเป็นตัวร้ายในสายตาของผู้ขอสินเชื่อ เพราะเป็นผู้ที่ทำให้เราขอสินเชื่อไม่ผ่าน
ในความเป็นจริงแล้ว เครดิตบูโรไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการอนุมัติหรือไม่อนุมัติสินเชื่อของแต่ละธนาคารหรือสถาบันการเงินเลยแม้แต่น้อย
เครดิตบูโรเป็นองค์กรที่มีหน้าที่เก็บรวบรวมข้อมูลการขอสินเชื่อ รวมถึงประวัติในการชำระหนี้ของลูกค้า ตามที่ธนาคารและสถาบันการเงินที่เป็นสมาชิกของเครดิตบูโรส่งมารวบรวมเก็บไว้ในส่วนกลางเท่านั้น ไม่ได้มีหน้าที่จัดทำรายชื่อคนที่ติด Blacklist หรือขึ้นบัญชีดำอย่างที่หลายคนเข้าใจผิดกัน ข้อมูลของลูกค้าที่ธนาคารหรือสถาบันการเงินส่งมาเก็บในส่วนกลางนี้ก็จะเป็นข้อมูลประวัติของลูกค้าทั้งประวัติที่ดีและประวัติที่ไม่ดีนำมารวบรวมไว้ทั้งหมด วัตถุประสงค์ก็เพื่อให้ธนาคารหรือสถาบันการเงินมีแหล่งข้อมูลไว้เช็คเครดิตของลูกค้าก่อนที่จะอนุมัติสินเชื่อ
ดังนั้น ความเข้าใจที่ว่าเครดิตบูโรมีส่วนในการอนุมัติหรือปฏิเสธคำขอสินเชื่อเนื่องจากเป็นคนจัดทำบัญชีดำหรือ Blacklist จึงไม่ใช่เรื่องจริง แต่เป็นเรื่องที่เข้าใจคลาดเคลื่อนไป เครดิตบูโรเป็นแค่ตัวกลางในการรวบรวมข้อมูลเท่านั้น แต่ผู้ที่ใช้ข้อมูลดังกล่าวเพื่อไปพิจารณาอนุมัติเงินกู้หรือสินเชื่อ ก็คือ ธนาคารหรือสถาบันการเงินที่เป็นสมาชิกของเครดิตบูโรอยู่ โดยเงื่อนไขในการอนุมัติเงินกู้ของแต่ละสถาบันการเงินก็มีความแตกต่างกันไปตามนโยบายของการให้สินเชื่อ หากเราขอกู้เงินแล้วไม่ได้รับการอนุมัติ ก็เป็นไปได้ที่คุณสมบัติของเราไม่ผ่านเกณฑ์ตามที่ธนาคารกำหนดไว้ เช่น รายได้ต่อเดือนของเราอาจต่ำเกินไปไม่ถึงเกณฑ์ หรือเราเคยมีหนี้เสียหรือประวัติการชำระหนี้ที่ไม่ดีในอดีตกับสถาบันการเงินอื่นมา หรือแม้แต่เหตุผลว่าหนี้ที่เรามีอยู่นั้นมากพออยู่แล้วจึงไม่ให้กู้เพิ่ม ซึ่งรายละเอียดของหลักเกณฑ์ที่กำหนดในการให้กู้เงินก็แตกต่างกันไปในแต่ละธนาคารจริง ๆ เพราะมีบางคนขอสินเชื่อจากธนาคารหนึ่งไม่ผ่าน แต่ขอจากอีกธนาคารหนึ่งอาจจะผ่านก็ได้ ทั้งที่คุณสมบัติและเอกสารทุกอย่างเหมือนกัน เป็นต้น
อย่างไรก็ตามหากธนาคารหรือสถาบันการเงินปฏิเสธคำขอเงินกู้ของเรา เป็นสิทธิ์ของเราที่จะขอเหตุผลในการปฏิเสธเงินกู้นั้นได้ ธนาคารหรือสถาบันการเงินมีหน้าที่ในการต้องแจ้งเหตุผลกับผู้ขอสินเชื่อด้วยว่าที่ขอไม่ผ่านเป็นเพราะเหตุใด โดยกฎหมายได้ระบุไว้ว่าธนาคารหรือสถาบันการเงินจะต้องออกเอกสารเป็นจดหมายแจ้งเหตุผลในการปฏิเสธสินเชื่อให้กับลูกค้ากรณีที่การปฏิเสธสินเชื่อเกิดจากเหตุผลในเรื่องของเครดิตบูโร ไม่สามารถแจ้งปฏิเสธทางวาจาหรือแจ้งทาง SMS อย่างที่มีหลายธนาคารทำกัน หากสถาบันการเงินใดไม่ปฏิบัติตามจะถือว่ามีความผิดมีโทษปรับเป็นเงิน 300,000 บาท และปรับเพิ่มอีกวันละ 10,000 บาท จนกระทั่งมีการออกจดหมายแจ้งให้กับลูกค้าทราบอย่างเป็นทางการ
เมื่อลูกค้าได้รับจดหมายแจ้งอย่างเป็นทางการก็จะสามารถนำจดหมายนั้นไปขอตรวจสอบข้อมูลเครดิตบูโรของตนเองได้ว่าข้อมูลถูกต้องตามนั้นหรือไม่ และเป็นเพราะสาเหตุใดจึงทำให้ติดเครดิตบูโรและไม่ได้รับอนุมัติสินเชื่อ โดยการขอตรวจสอบนี้จะไม่มีค่าใช้จ่าย โดยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 0-2643-1250 หรืออีเมล consumer@ncb.co.th หรือทางเว็บไซด์ของเครดิตบูโรที่ www.ncb.co.th หรือทางเฟซบุ้ก www.facebook.com/ilovebureau