การมีบ้านเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความอบอุ่นแก่ดวงใจ แต่การมีรถยนต์นี้ไซร้ ทำให้เกิดความบันเทิง รื่นเริงใจได้อย่างมากที่สุด หลายคนในปีที่แล้ว ได้ตัดสินใจครั้งใหญ่ มอบรางวัลแก่การทำงานหนักให้ตัวเอง เป็นรถคู่ใจคันโปรด ถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นและมอบความสุขใจให้แก่คนวัยทำงานอย่างมาก เพราะเป็นวัยผ่านเรื่องราวยากลำบากและเป็นช่วงที่ใช้ชีวิตคุ้มค่าที่สุด ต้องตอบแทนค่าเหนื่อยตัวเอง แต่ก็มีหลายคนที่วางแผนการผ่อนชำระงวดรถยนต์ผิดไปหน่อย จนก่อให้เกิดประวัติความล่าช้าในการชำระเงินบ้าง ปีใหม่นี้เรามาวางแผนกันใหม่เพื่อสร้างประวัติการชำระหนี้ดี ๆ กัน
วิธีแรกในการวางแผนผ่อนชำระค่างวดรถยนต์ เนื่องจากรายได้กว่าจะหามาได้แต่ละเดือนแต่ละบาท จะต้องผ่านการถูกหักค่าใช้จ่ายตามสวัสดิการที่บริษัทจัดหามาให้ หักแล้วก็หัก ณ ที่จ่ายออกไปอีก กว่าเราจะได้มาซึ่งเม็ดเงินที่เป็นรายได้ของเราจริง ๆ ก็หายไปหลายพันบาทอยู่ แต่ในขณะเดียวกัน ค่าใช้จ่ายประจำเดือนจริง ๆ แบบดั้งเดิม ก่อนจะมีรถยนต์ก็มีมากอยู่แล้ว ไหนจะค่าใช้จ่ายแต่ละวันอีก เงินที่เหลือจะสามารถใช้ได้จริง หรือต้องไปกู้เขาใช้อีกหรือเปล่า ปีที่แล้วคุณประสบปัญหาพวกนี้ใช้ไหม
ปีนี้เอาใหม่ มาเริ่มใช้จ่ายแบบทฤษฏีปริมาณจำกัดกัน
หากได้รับเงินเดือน 20,000 บาท เมื่อถูกหักประกันสังคมและจ่ายภาษีแล้ว น่าจะเหลือใช้อีกประมาณ 18,000 บาท ซึ่งเงินจำนวนนี้ก็ถือว่ามากพอสมควรที่จะแบ่งสรรปันส่วนกับค่างวดรถยนต์ โดยการหักออกจากเงินเดือนเอาไว้เลยว่านี้ค่าผ่อนรถยนต์ อย่าเอาออกมาใช้ เนื่องจากเป็นเม็ดเงินใหญ่ เช่น หักไว้สำหรับค่าผ่อนรถยนต์ 4,000 บาท สาเหตุที่หักก่อนค่าใช้จ่ายอื่น เพราะมันเป็นค่างวดมีมาพร้อมดอกเบี้ย หากเลยกำหนดการผ่อนส่งดอกเบี้ยมันจะเพิ่มขึ้น ทำให้คุณต้องจ่ายแพงไปอีก ดังนั้นต้องหักออกมาก่อน จากนั้นคุณจะเหลือเงินอีกประมาณ 14,000 บาท ก็นำมาแบ่งหักเป็นค่าใช้จ่ายประจำเดือนปกติ และตามด้วยเงินค่าใช้จ่ายรายวัน ซึ่งไม่ควรใช้เกินวันละ 200 บาท เพราะอย่าลืมส่วนที่จะต้องใช้เป็นค่าน้ำมันรถยนต์อีกด้วย เท่านี้คุณก็จะมีเงินเหลือบ้างก็ควรจะเก็บออมเอาไว้ เผื่อใช้ฉุกเฉิน หรือเมื่อมีเงินจำนวนมากพอก็สามารถนำเงินออมส่วนนั้นมาชำระหนี้รถยนต์เพื่อให้ได้ส่วนลดดอกเบี้ยค่างวดอีกด้วย
อีกวิธีในการวางแผนผ่อนชำระรถยนต์อย่างมีประสิทธิภาพ โดยนำวิธีการจัดสรรเงินเดือนที่ได้รับแต่ละเดือนมาใช้ตามวัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดความชัดเจนของวัตถุประสงค์ที่จะใช้เงินก้อนนั้น ๆ
ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ว่าจะมีฐานเงินเดือนเท่าใด มักจะมีวัตถุประสงค์ในการใช้จ่ายเงินดังนี้ สัดส่วนค่าใช้จ่ายประจำวัน สัดส่วนเงินออมและสัดส่วนค่าใช้จ่ายแต่ละเดือน โดยเมื่อได้รับรายได้นั้นมาจะต้องนำมาแยกออกเป็นเงินส่วนต่าง ๆ ดังนี้ แบ่งสัดส่วนของเงินออมทั้งฝากประจำและออมทรัพย์ออกเป็น 10 %ของเงินเดือน รายได้ แบ่งค่าใช้จ่ายประจำเดือน เช่น ค่าเช่าบ้าน ค่าผ่อนงวดรถยนต์ออกเป็น 30 – 40% ของเงินเดือนรายได้ ตามอัตราค่าผ่อนชำระที่ได้ตกลงระบุลงในสัญญา และแบ่งอีก 30 – 40 % ของเงินเดือน รายได้ เพื่อเก็บเอาไว้ใช้เป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว และในแต่ละวันเงินคุณอาจจะเหลือใช้ก็หยอดกระปุกเอาไว้เพื่อใช้เป็นทุนในการเติมน้ำมันและแบ่งไปเป็นเงินสำหรับการลงทุน เพื่อต่อยอดรายได้เสริมเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้คุณ หากทำได้เช่นนี้จะช่วยให้คุณสามารถมีสภาพคล่องทางการเงินสูงและมีเงินใช้ตลอดทั้งเดือนแบบไม่ประสบปัญหาขาดแคลนจนต้องไปก่อหนี้เพิ่ม และยังสามารถมีเงินออมเก็บเอาไว้ใช้ในยามจำเป็นได้
ในส่วนนี้ขอแนะนำแนวคิดที่ว่าอย่าชอบเลขน้อย ๆ เพราะการที่ดาวน์รถยนต์ราคาต่ำ เลือกผ่อนชำระค่างวดแบบน้อย ๆ และระยะเวลาการผ่อนชำระนานอีกด้วยแล้ว ดอกเบี้ยสูงเกือบเท่ามูลค่ารถยนต์เลยทีเดียว และยิ่งเมื่อไหร่ที่คุณผ่อนผัน เผลอลืมผ่อนค่างวดรถยนต์ ดอกเบี้ยมันจะถีบตัวสูงชี้ขึ้นฟ้าไปไกล หากลองคิดคำนวณดูก็จะพบว่าเสียดอกเบี้ยให้ธนาคารไปหลายแสน หรือราคาใกล้เคียงกับครึ่งหนึ่งของราคารถของคุณ แน่นอนว่าจะมารู้สึกเสียดายเงินตอนนี้ก็คงไม่ทัน หรืออาจจะทัน สำหรับท่านที่ยังไม่ได้ตัดสินใจเลือกวงเงินดาวน์และผ่อนชำระ ดังนั้นแล้วหากตอนนี้คุณอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาเลือกรถยนต์คันใหม่ก็เลือกหาสถาบันการเงินที่ดี อย่าลืมเปรียบเทียบวงเงินให้กู้และดอกเบี้ยของแต่ละสถาบัน พร้อมเช็คความพร้อมและความสามารถในการผ่อนชำระหนี้ของตนเอง
หากตัดสินใจได้แล้วก็อย่าลืมวางแผนทางการเงินอย่างสองวิธีข้างต้นที่ได้แนะนำไปแล้ว เพื่อประสิทธิภาพและประสิทธิผลและเพื่อความสบายใจในการขับรถยนต์คันโปรดทางที่ดีควรเลือกผ่อนค่างวดรถยนต์ไม่เกิน 20-30% ของรายได้ประจำเดือน เช่น หากคุณได้รับเงินเดือน 20,000 บาท ต้องผ่อนรถเดือนละ 10,000 บาท มันมากกว่า 40% ของเงินเดือน แน่นอนว่าสภาพการเงินในแต่ละเดือนของคุณคงไม่มีความสุขและไม่พอใช้แน่ ๆ เพราะเงินจะเหลือกินและเหลือใช้เพียงแค่ 10,000 บาทเท่านั้น แค่ค่ากินต่อเดือนก็ไม่ต่ำกว่า 5,000 บาทแน่นอน ไหนจะค่าใช้จ่ายประจำรายเดือนอีกไม่พอใช้ทั้งเดือน อาจจะเดือดร้อนจนต้องไปขอกู้ก็ได้ ซึ่งไม่เป็นผลดีแต่อย่างใด ดังนั้น ค่างวดขอให้อยู่ในเกณฑ์ 20 – 30% ของรายได้แล้วกัน
อ่านเพิ่มเติม : เทคนิคการบริหารเงินเดือน 15,000 บาท ให้รวย
หากวางแผนการผ่อนชำระค่างวดตั้งแต่วันนี้ พอผ่านเข้าสู่อีกปี คุณต้องแฮปปี้ในการผ่อนค่างวดรถยนต์อย่างแน่นอน ที่สำคัญประวัติในการกู้ยืมของคุณก็จะดี มีความน่าเชื่อถือ หากมีปัญหาเจอสภาวะฉุกเฉินก็สามารถกู้เพิ่มเติมได้อีกด้วย ธนาคารคงจะยินดีปรีดาในการบริการคุณอย่างแน่นอน