อนาคตของเรานั้น ไม่แน่ไม่นอนสักเท่าไหร่ และการที่อนาคตของเราไม่แน่นอนนั้น เราก็ต้องวางแผนรับมือกับอนาคตของเราว่า ควรจะทำอย่างไร ทำแบบไหนและทำทำไม โดยส่วนใหญ่แล้วทุกอย่างที่เราทำนั้นจะต้องใช้เงินเป็นทุนหลัก แน่นอนในเมื่อเราจำเป็นต้องใช้เงิน เราก็ต้องสำรองเงินไว้เยอะๆ วางแผนการเงิน ไว้ให้มากๆเพื่อที่ทุกสิ่งทุกอย่างในอนาคตของเราจะได้การดูแลจากเงินที่เรามีอยู่ เราจะไม่สามารถวางแผนทำธุรกิจได้สำเร็จถ้าเราไม่มีเงินทุนส่วนตัว เราจะไม่มีวันสร้างบ้านได้สำเร็จ ถ้าเราไม่มีเงินเก็บต่างๆ เราจะไม่สามารถส่งลูกเรียนได้จนจบตามที่ต้องการ ถ้าเราไม่มีเงินเก็บและอื่นๆอีกมากมายที่ทำให้เรารู้ว่า เงินเก็บนี่แหละที่สามารถสร้างอนาคตของเราได้
การเก็บเงิน
สำหรับใครหลายๆคนนั้นอาจจะเป็นเรื่องที่ยากเพราะด้วยปัจจุบันในชีวิตของเราที่มีสิ่งต่างๆรอบตัวที่ดึงดูด อยากให้ใช้นู่นใช้นี่ อยากซื้อสิ่งของต่างๆทั้งเครื่องประดับ เทคโนโลยี เสื้อผ้า ของกิน ของใช้และอื่นๆอีกมากมาย จึงทำให้การเก็บเงินไม่ใช่เรื่องง่ายๆสักเท่าไหร่เลยล่ะสำหรับคนทั่วๆไปและคนที่เก็บเงินสำเร็จ ก็มักจะเป็นคนที่ใจแข็งไม่น้อยหรือสำหรับคนที่มีเป้าหมายในอนาคตว่าจะเก็บเงินเพื่อเอาไปทำอะไร เก็บเงินเพื่อซื้ออะไรหรือใช้อะไร ไม่ว่าอย่างไรก็ตามการที่เราจะเก็บเงินได้สำเร็จนั้นจนมีเงินมากพอที่จะวางแผนในอนาคต สำหรับนักเรียนทั่วๆหรือคนทั่วไปที่ไม่คิดอะไรมาก ก็คิดแค่ว่าเก็บเงินจากเงินที่มี ไม่ใช้เงินก็พอ แต่สำหรับผู้นำครอบครัวหรือคนที่กำลังจะเป็นผู้นำครอบครัวในอนาคตล่ะ แน่นอนล่ะว่าการเก็บเงินนั้น ก็ต้องคิดอีกแบบหนึ่ง ด้วยรายจ่ายต่างๆที่มีมากกว่า ด้วยการเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ต้องดูแลคนภายในครอบครัว จึงทำให้การวางแผนเก็บเงินไม่ใช่เรื่องง่ายเลยล่ะ
อ่านเพิ่มเติม >> ทำไมต้อง เริ่มเก็บเงิน ตั้งแต่เริ่มทำงาน <<
การจัดการเรื่องเงินของหัวหน้าครอบครัว
แน่นอนว่าเมื่อมีรายจ่ายเพิ่มขึ้น ก็ต้องวางแผนให้มากขึ้นในการเก็บเงินให้สำเร็จ เราจะไม่มีทางรู้ได้เลยว่ารายจ่ายของเราจะมากหรือจะน้อยประมาณไหน ถ้าเราไม่ทำการคิด คำนวณ รวบรวมรายจ่ายต่างๆเข้ามาไว้เป็นกองเดียวก่อน แน่นอนว่าใครหลายๆคนก็ไม่กล้าที่จะรวมรายจ่ายทั้งหมดแน่นอนเพราะตัวเองย่อมรู้ดีว่ามันเยอะแยะมากมายขนาดไหน สำหรับบางคนก็อาจจะเยอะมากเลยล่ะ ยิ่งใครที่ชอบซื้อของโดยใช้สินเชื่อ ซื้อผ่านบัตรและเลือกผ่อนหลายๆเดือนด้วยแล้ว เมื่อคำนวณเงินรายจ่ายที่ต้องจ่ายทั้งหมดถึงกับเป็นลมเลยทีเดียวล่ะ แต่ถ้าเราทำใจยอมรับความจริง ก็จะช่วยเราวางแผนการเงินได้อย่างมากเลย แต่ถ้าใครที่ยังไม่พร้อมที่จะรับความจริง ก็ลองรวมรายจ่ายในหนึ่งเดือนก่อนก็ได้
อ่านเพิ่มเติม >> เคล็ดลับวางแผนการเงินของ หัวหน้าครอบครัว <<
เมื่อเรารู้ว่ารายจ่ายของเรามีเท่าไหร่แล้ว ก็มาดูในส่วนของรายรับกันบ้าง ว่าเรานั้นมีรายรับมากน้อยขนาดไหน สำหรับมนุษย์เงินเดือน ก็ถือว่าเป็นเรื่องง่ายในการคิดคำนวณเรื่องรายรับ ด้วยการมีเงินเดือนที่คงที่และอาจจะบวกเงินส่วนอื่นๆเข้ามาอย่างคงที่หรืออาจจะเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ก็ทำให้เรารู้ได้ว่าแต่ละเดือนเราใช้จ่ายมากน้อยขนาดไหน แต่ถ้าใครที่มีแฟรนไชส์ส่วนตัวหรืออาจจะมีร้านกิจการต่างๆ เราก็ควรคำนวณดีๆเลยล่ะว่าจะให้ในหนึ่งเดือนของเรา รายรับของเราจะเป็นประมาณไหน รายรับของเราจะมากเท่าไหร่ ซึ่งใครที่ทำธุรกิจส่วนตัวต่างๆก็อย่าลืมบวกเงินในส่วนของรายจ่ายเพิ่มด้วยล่ะ เพราะอย่างน้อยค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าลูกจ้าง ก็คือเงินจากเจ้าของกิจการ
การหักลบเงิน
เป็นสิ่งจำเป็น ควรทำและคำนวณด้วยความรอบครอบที่สุด รายจ่ายในแต่ละเดือน เรามีค่าอะไรบ้างและมีเท่าไหร่ที่ต้องจ่ายในแต่ละเดือน จะมากหรือจะน้อยแต่ละบ้านก็ย่อมแตกต่างกัน ใครที่มีสินเชื่อเยอะ ผ่อนหลายอย่าง ก็จ่ายในแต่ละเดือนเยอะ ใครที่มีธุรกิจส่วนตัว มีโรงงานเป็นของตัวเองมีบริษัทเป็นของตัวเอง ก็สามารถบวกเพิ่มได้เช่นกัน เมื่อนำรายรับหักกับรายจ่ายด้วยแล้ว เงินที่เหลือนั้นแหละจะเป็นเงินเก็บของเรา สำหรับมนุษย์เงินเดือนอาจจะไม่มากเท่าไหร่ แต่ก็ใช่ว่าจะทำให้มันมากขึ้นไม่ได้นะ การทำงานเก่งๆแล้วพยายามเลื่อนขั้นเพิ่มเงินเดือนด้วยตัวเองหรือพยายามลดรายจ่ายต่างๆเพื่อทำให้เงินเก็บของเราเหลือเยอะ ก็สามารถทำได้เช่นกัน
สำหรับเจ้าของกิจการ
เจ้าของธุรกิจต่างๆ ก็อาจจะเลือกเป็นนโยบายประหยัดไฟขึ้นมา เพื่อที่จะประหยัดรายจ่ายต่างๆที่เกิดขึ้นกับบริษัทตัวเองเพื่อที่ว่าเมื่อนำรายจ่ายไปหักออกจากรายรับแล้ว เราจะได้เหลือเงินเก็บที่เยอะมากขึ้น แน่นอนว่าเงินเหล่านั้นมีจำนวนไม่น้อยเลยล่ะสำหรับเจ้าของธุรกิจ เจ้าของกิจการต่างๆ และด้วยเงินคงเหลือเหล่านี้ ก็ยังเป็นตัวตัดสินอนาคตของบริษัทเราได้อย่างดีเลยล่ะ ถ้าเมื่อใดก็ตามเงินเหลือที่เกิดจากรายรับหักด้วยรายจ่ายแล้ว ถ้าเงินของเราเหลือเยอะ นั่นก็หมายถึงบริษัทของเราก็มั่นคงและสามารถนพเงินส่วนนั้นมาใช้วางแผนในอนาคตต่อไปเพื่อให้ตัวเองหรือเพื่อให้บริษัทได้เลย แต่ถ้าเหลือน้อยก็ต้องวางแผนรับมือกับบริษัทในอนาคตแล้วล่ะ