ทุก ๆ คน คงจะรู้กันอยู่แล้วว่า เงิน คือ สิ่งจำเป็นสำหรับการดำเนินชีวิต ถ้าคนเราไม่มีเงิน ก็ไม่อาจจะดำรงชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ได้ ผู้คนในปัจจุบันนี้ จึงต่างดิ้นรนทำมาหากินเพื่อให้ได้เงินมาไว้ใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ขอบอกเลยว่า ในชีวิตมนุษย์ที่ผ่านไปแต่ละวัน มีแต่เรื่องที่ชวนเสียเงินเต็มไปหมด ทั้งค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าสัญญาณอินเทอร์เน็ต ถ้าเกิดอยู่คนเดียวแล้วว้าเหว่เอกา ก็ต้องออกไปเที่ยว แล้วก็มีค่าใช้จ่ายอีก แม้กระทั่งเวลาจะไปเข้าห้องน้ำตามสถานที่สำคัญ หรือจะใช้เส้นทางที่รถไม่ติด ก็ยังต้องมีค่าใช้จ่ายเลยน่ะ คิดดู!
ด้วยความที่ค่าใช้จ่ายในชีวิตของคน มีมากมายอย่างที่บอก และเงินก็ไม่ใช่ต้นกล้วย ที่สามารถงอกออกมาได้ตลอดเวลา แม้จะโดนตัด แต่อย่างใด ถ้าไม่รู้จักยับยั้งการใช้เงินเสียบ้าง รับรองว่า เงินอาจจะหมด จนกลายสภาพเข้าสู่ภาวะการเป็นหนี้ได้
ด้วยเหตุผลที่กล่าวมา การวางแผนเพื่อการใช้เงินจึงเป็นสิ่งจำเป็น อย่าคิดว่า โอ้ย ไม่เป็นไรหรอก ใช้ไปก่อน เดี๋ยวค่อยหาใหม่ก็ได้ การไม่วางแผนทางการเงิน จะส่งผลเสียหลายประการให้กับตัวผู้ใช้เงินเอง ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเกิดเราไม่คิดไว้ก่อนว่า วันนี้จะซื้ออะไรบ้าง ต้องเสียเงินไปกับอะไรบ้างก็จะเกิดปัญหาจุกจิกตามมา เช่น เตรียมเงินออกไปนอกบ้านจำนวนหนึ่ง แล้วเอาไปใช้จ่ายจนหมด ไม่มีเงินติดรถ พอขับรถไปบนถนนได้สักระยะหนึ่ง เจอด่านเก็บเงินผ่านทางซะงั้น จะกลับรถหนีก็ไม่ได้ ก็จำเป็นต้องขับรถเข้าไปที่ด่าน แล้วก็ถูกกักตัวไว้ เป็นการเสียเวลาไปโดยใช่เหตุ หรือไม่อย่างนั้น บางทีเราต้องไปทำธุระข้างนอก โดยที่ไม่มีแผนว่าจะต้องเตรียมเงินไปเท่าไร เงินจะพอไหม ควรเอาเงินไปเพิ่มหรือเปล่า แล้วก็ออกไปทั้งอย่างนั้น ปรากฏว่าระหว่างทาง เกิดท้องเสียกระทันหัน จะขับรถกลับไปบ้านก็ไม่ได้ จะเข้าห้องน้ำแถวนั้นก็ต้องเสียเงิน แล้วไม่เงินติดตัวเลยอย่างนี้ เราก็จะต้องประสบกับทุกขเวทนาที่แรงกล้า ดุจว่าประตูเมืองจะแตก ยิ่งถ้าอั้นไม่ไหว แล้วมันไหลออกมา ก็เป็นที่น่าอับอายขายขี้หน้าคนแถวนั้นอีก
การไม่วางแผนทางการเงิน นอกจากจะทำให้แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ลำบากอย่างที่กล่าวไปแล้ว ยังมีผลทำให้การควบคุมกิเลสภายในตัวเป็นไปได้ยากด้วย ยกตัวอย่างง่าย ๆ ก็อย่างเช่น เราไม่มีการวางแผนทางการเงินไว้เลย ว่าเดือนนี้ต้องใช้จ่ายอะไรบ้าง และจะมีเงินเหลืออยู่เท่าไร แล้วเข้าไปในห้างสรรพสินค้า เรามองเห็นกระเป๋าใบหนึ่ง ซึ่งมีราคาไม่แพงไปกว่าเงินเดือนที่เรามีอยู่ เราก็จะเกิดอาการอยากได้ อยากมี บางทีกดเงินมาซื้อเลย หรือไม่ก็หยุดคิดนิดหนึ่งว่าจะซื้อดีไหม และสุดท้ายก็คิดว่า ไม่เป็นไร แล้วก็ซื้อมา ทีนี้เงินเดือนที่มีอยู่ก็จะร่อยลงไป แต่เชื่อเถอะว่าความต้องการของมนุษย์มันไม่มีที่สิ้นสุดหรอก ตราบเท่าที่ยังมีเงินอยู่และไม่ได้วางแผนทางการเงิน ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้เกิดการกดเงิน ใช้เงินซื้อของต่าง ๆ วนเวียนเป็นวัฏจักร ตราบจนเงินหมดบัญชีนั่นแหละ จึงเพิ่งจะมารู้สึก แล้วก็เสียใจ ว่าไมเราถึงไม่วางแผนการเงินไว้ตั้งแต่แรก
หลังจากเล่าตัวอย่างเหตุการณ์มาเสียยืดยาว บางคนอ่านแล้วอาจจะเกิดความสงสัยว่า แล้วเราจะรู้ตัวได้อย่างไรว่าเริ่มมีปัญหาในการใช้เงิน เพราะไม่วางแผนทางการเงิน ช่วงนี้เราก็อยู่ดีมีสุขดีนี่ ไม่เห็นจะเคยเจอเหตุการณ์อย่างที่บอกไปข้างบนเลย ถึงจะไม่วางแผนทางการเงินก็เถอะ เพราะฉะนั้น จะขอสรุปพฤติกรรมที่บ่งบอกว่า ตอนนี้ เรา ๆ ท่าน ๆ กำลังมีปัญหาเรื่องการบริหารเงิน ดังนี้
ข้อที่หนึ่ง คือ การที่มักจะมีปัญหาเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายเล็ก ๆ น้อย ๆ เสมอ อย่างเช่น เรื่องค่าทางด่วน หรือค่าห้องน้ำ ที่บอกไปข้างบน ซึ่งค่าใช้จ่ายที่เราพบบางทีมันก็ไม่ได้มากมายอะไรเลย ไม่ถึงหลักร้อยด้วย แต่ก็ไม่มีเงินจ่าย แถมไม่มีเงินติดตัวเลยสักบาท
ข้อที่สอง คือ ไม่สามารถควบคุมรายจ่ายของตัวเองได้ และมักจะก่อรายจ่ายเพิ่มขึ้นมาอยู่บ่อย ๆ โดยที่บางที เราก็ไม่ได้คิดล่วงหน้าเลยว่าจะซื้อ อย่างเช่น เรื่องกระเป๋า ที่พูดไปข้างบน ข้อสังเกตอีกอย่างหนึ่ง สำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องการบริหารเงิน คือ มักจะเป็นคนสปอร์ต เจอเพื่อน เจอญาติพี่น้อง ก็พาไปเลี้ยงนู่นนี่นั่น แล้วก็เลี้ยงแบบเทหมดหน้าตักด้วยนะ ถ้าท่านเป็นผู้มีนิสัยสปอร์ต เลี้ยงคนนู้นคนนี้จนหมดตัวละก็ นั่นแหละ ท่านเป็นผู้ที่มีปัญหาเรื่องการบริหารเงินแล้ว
ข้อที่สาม คือ ท่านมักจะเป็นผู้ที่ไม่มีเงินเหลือเก็บเลยในแต่ละเดือน มีเท่าไร ใช้หมด จนในบางเดือน ท่านต้องประสบกับภาวะถังแตกอย่างหนัก ไม่มีแม้แต่เงินสำหรับซื้อกับข้าวกิน ในที่สุด ท่านก็ตัดสินใจเริ่มต้นการเป็นหนี้ ด้วยการไปยืมเงิน กู้เงิน จากธนาคาร หรือไม่ก็ยอมเป็นหนี้นอกระบบ แต่เมื่อกู้เงินมาได้แล้ว แทนที่ท่านจะเอามาไว้ใช้ในครอบครัว ท่านก็ยังคงเอาไปใช้ซื้อของที่ท่านอยากได้อยู่ดี และจบด้วยการเป็นหนี้ที่มากกว่าเดิม
เห็นไหมล่ะว่า การไม่รู้จักวางแผนการเงิน บริหารเงินให้ดี จะสร้างพฤติกรรมที่ไม่ดี และส่งผลร้ายให้กับชีวิตมากแค่ไหน เพราะฉะนั้น เหล่ามนุษย์เงินเดือนทั้งหลาย จงหันมาดูรายรับ รายจ่ายในแต่ละเดือนของตนให้ดี และเริ่มวางแผนทางการเงินกันได้แล้ว เพื่อที่จะได้ไม่ต้องไปติดแหงกอยู่บนทางด่วน เพราะไม่มีเงินจ่าย หรือท้องเสียราดกางเกง เพราะไม่มีเงินค่าเข้าห้องน้ำอีกต่อไป