เช็คช่วงวัยอายุของตัวเองด่วนเลยค่า ไม่ได้เช็คที่หน้านะคะ ขอช่วงอายุ (Life Cycle) ที่แท้จริงกันก่อนเลยว่า ช่วงอายุของคุณเนี่ยต้องมีเงินออมเท่าไหร่ แล้วเงินออมที่มีอยู่ไปเก็บในรูปแบบไหนดีเพื่อให้เงินทำงานแทนเรา แต่ละวัยมีหน้าที่ บทบาทที่แตกต่างกัน เหมือนวัฐจักรชีวิต เริ่มจากวัยเด็ก ที่ต้องพึ่งพาอาศัยผู้ใหญ่ พอเริ่มโตก็ต้องศึกษาเล่าเรียน เพื่อหางาน สร้างเงิน และสร้างตัว ซึ่งเลี่ยงไม่ได้เลยที่จะไม่มี ความเกี่ยวข้องกับการเงิน ว่าแต่ในห้องเรียนเราตั้งแต่เด็กก็ไม่มีวิชาไหนสอนเรื่องการเงินเลย ต้องเสาะแสวงหากันเอง เอาละ ก่อนอื่นมากดูปัญหาของคนส่วนใหญ่ที่พบคือ รายได้ไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายจึงไม่สามารถเก็บออมเงินเพื่ออนาคตได้
ช่วงอายุ 30-40 ปี เป็นช่วงวัยของการทำงานและความก้าวหน้า
ช่วงก่อนอายุ 30 ปี เป็นช่วงสร้างตัว ช่วงนี้มีโอกาสในการเก็บออมสูง มีรายได้เข้ามาพอสมควร ต่อเนื่องเมื่อทำงานประจำ จึงควรเก็บออมให้ได้มากๆ เพราะช่วงอายุสามสิบปีขึ้นไปจะมีภาระค่าใช้จ่ายสูงขึ้น เนื่องจากเป็นรอยต่อของชีวิตคู่ซึ่งต้องมีครอบครัว จึงต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว
ช่วงนี้ควรมีสัดส่วนการเงินสำหรับลงทุน 50% และอีก 50% ควรเก็บไว้ในหลักทรัพย์ เช่น ธนาคารและตราสารหนี้เพื่อหาวิธีเพิ่มกำไรให้เงินต้น ส่วนการลงทุนควรเลือกทำธุรกิจเล็กๆ ที่สามารถขายความสามารถของ ตัวเอง โดยเลือกทางหรือวิธีที่เหมาะกับความชอบส่วนตัว หรือกระแสนิยมทางสังคมและเศรษฐกิจ แต่ไม่ควรลงทุนกับผลิตภัณฑ์ที่มีความเสี่ยง
ออมเท่าไหร่ดี? ช่วงวัยนี้ยังติดกระแสฮิตทางสังคม อาจออมด้วยสินค้าแบรนด์เนม เพราะสามารถนำมาใช้และขายได้ราคา หรือการลงทุนร่วมหุ้นกับเพื่อนทำร้านกาแฟเล็กๆ ตามความชอบหรือกระแสสังคม และอีกวิธีหนึ่ง คือการซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อเก็งกำไรในอนาคต
ช่วงอายุ 40-50 ปี เป็นช่วงที่ชีวิตก้าวหน้าสูงสุด
ช่วงวัย 40–50 ปี จะมีรายได้ต่อเดือนค่อนข้างมากการเก็บออมช่วงนี้แตกต่างจากช่วงต้นๆ เพราะรายได้ต่อเดือนค่อนข้างสูง ความมั่นคงสูงขึ้น แต่ก็มีรายจ่ายเข้ามาค่อนข้างเยอะกว่าช่วงอื่นด้วยเช่นกัน เช่น จะต้องมีเงินออมสำหรับทุนการศึกษาลูก
เงินออมสำหรับหลังเกษียณ
ช่วงวัยนี้ควรแบ่งเงินออมไม่ต่ำกว่า 30% ของรายได้ อีก 30% นำไปลงทุนด้วยการซื้อหุ้น ลงทุนทำธุรกิจและอีก 40% นำไปลงทุนในตราสารหนี้ หรือการลงทุนที่มีอัตราการเสี่ยงที่ต่ำสุด ที่สำคัญต้องมีเงินเก็บอย่าง ต่อเนื่อง และควรทำธุรกิจที่มีความเสี่ยงต่ำเพื่อรองรับหลังเกษียณ เช่น การซื้อแฟรนไชส์สินค้า
ออมเท่าไหร่ดี? บันไดชีวิตช่วงนี้ต้องแบกรับภาระสำคัญหลายอย่าง ทำให้รับความเสี่ยงได้น้อยลง เนื่องจากเป็นวัยที่มีภาระผูกพัน หากการเงินไม่เข้มแข็งหรือไม่มีเงินเก็บอยู่บ้าง อาจมีปัญหาด้านการเงินได้ เนื่องจากมีค่าใช้จ่าย จิปาถะ ทั้ง บ้าน รถยนต์ ค่าเทอมการศึกษา ค่ารักษา พยาบาล ควรเข้าร่วมกองทุนต่างๆ เช่น กองทุนสำรองเลี้ยง ชีพ ซื้อสินทรัพย์ต่างๆ ที่จะเพิ่มมูลค่าต่อไปแทนการถือเงินสด ลงทุนในตราสารหนี้ที่ให้ผลตอบแทนสูง หรือลงทุน ในตราสารทุน
ช่วงอายุ 50-60 ปี เป็นช่วงที่มีรายได้สูงสุดและเข้าสู่วัยเกษียณ
เป็นช่วงที่มีความมั่นคงในหน้าที่การงาน วัยนี้ควรเน้นการนำเงินส่วนใหญ่ที่ได้ไปเก็บออมให้ได้ประมาณ70% เพราะมีเวลาทำงานอีกไม่นานก็จะเริ่มเข้าสู่วัยเกษียณ
วัย 50 ปีขึ้นไปส่วนใหญ่เริ่มมีภาระน้อยลง เพราะบุตรหลานเริ่มเรียนจบและทำงานมีรายได้ ช่วงวัยหลังจาก เกษียณ วัยนี้ไม่ควรทำธุรกิจที่มีความเสี่ยง แต่ควรลงทุนซื้อหุ้นในระยาว ไม่เกิน 30% ของเงินออม เพื่อเพิ่มพูนเงินออมให้มากขึ้น
ออมอย่างไรละ? วัยหลังเกษียณ ควรออมให้น้อยลงเหลือเพียง 25% ของรายได้ ลงทุนในหุ้นอีก 20% และใช้ชีวิตที่เหลืออยู่เพื่อพักผ่อนและท่องเที่ยว การลงทุนหลังเกษียณควรสร้างรายได้ที่มีความแน่นอนและปลอดภัย เช่น การซื้อพันธบัตรออมทรัพย์
