ความเปลี่ยนแปลงไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตามแต่ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนที่อยู่ใหม่ เปลี่ยนคนรักใหม่ เปลี่ยนไปเรียนต่อต่างถิ่นลำเนาเดิม หรือแม้แต่การเปลี่ยนงานใหม่ ความเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะเกิดขึ้นตอนไหน จึงทำให้เราเกิดความเครียดกังวลได้ง่าย เพราะนั่นเท่ากับว่า เราต้องมีการปรับตัวเองเพื่อให้เข้ากับสภาพแวดล้อมรอบตัวใหม่ๆนั้นให้ได้ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียหลายอย่างเหมือนกัน บทความนี้เราก็เลยจะมาเล่าในประเด็นของการปรับตัวในสถานการณ์ที่เราต้อง เปลี่ยนที่ทำงาน ใหม่ หรือว่าเราอาจจะเพิ่งได้รับการตอบรับให้เข้าทำงาน ทำนองเดียวกันนี้ เราจะมีวิธีการอย่างไรที่จะเข้ากับสังคมใหม่ๆนั้นได้ เรามาดูกันค่ะ
พูดถึงเรื่องการทำงาน เมื่อถึงช่วงวัยที่ต้องมีความรับผิดชอบมากขึ้น มันก็จะมีเหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้นโดยที่เราไม่คาดคิดเสมอ ใครจะรู้ล่ะว่าวันนี้งานที่คุณเคยบอกว่า ชอบมันที่สุดรักมันที่สุดนั้น จะทำให้คุณเบื่อได้ง่าย สาเหตุอาจจะมาจากเพื่อนร่วมงานขาเม้าท์ทั้งหลายที่ขุดคุ้ยเรื่องของคุณจนน่ารำคาญ หรือเจ้านายสายหื่นที่จ้องจะกินคุณอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน สภาพแวดล้อมที่กล่าวมานั้น เกิดขึ้นจริงอยู่บ่อยๆในสังคมของการทำงาน เมื่อสภาพแวดล้อมเดิมมีปัญหาเกิดขึ้น คุณทนอยู่ต่อไปไม่ไหว แน่นอนว่าต้องเริ่มเดินหน้าหางานใหม่ที่ดีกว่า แต่ก็ยังไม่วายที่จะเจอกับเหตุการณ์ซ้ำเดิม จนคุณต้องถอดใจแล้วล่ะ ไม่ว่าจะหนีไปไหนก็ไม่พ้น เรื่องประมาณนี้
แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ก่อนอื่นเราต้องทำความเข้าใจเปิดใจก่อนว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาที่สามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ ถึงแม้ว่าการเข้าไปทำงานในที่ใหม่จะทำให้คุณตัดปัญหาเดิมๆออกไปได้ แต่อย่าลืมว่าที่ใหม่ก็คงไม่ต่างเท่าไหร่นัก(เตรียมใจไว้เลยค่ะ) เราจึงต้องมีวิธีเพิ่มความสตรอง ! ของเราไว้ค่ะ
1.ให้เกียรติผู้อื่น เท่ากับ ให้เกียรติตัวเราเอง ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ในที่ทำงานและในฐานะที่เราเป็นพนักงานคนใหม่ในองค์กร เราต้องให้เกียรติคนที่อยู่ก่อน ด้วยการรับฟังคำแนะนำ เขาแนะนำอะไรมาเราก็รับฟังไว้ก่อน เวลาพูดจาสนทนาระหว่างกัน ควรใช้คำพูดที่สุภาพและอ่อนโยนเป็นมิตร และที่สำคัญควรแต่งกายให้สุภาพ แม้ว่าบางองค์กรอาจจะไม่เคร่งระเบียบการแต่งกายมากนัก แต่ถ้าเรารู้จักแต่งกายให้เหมาะสมกับเวลาและสถานที่ มีกาลเทศะ ก็จะสร้างเสน่ห์ที่ดีให้กับเรามากยิ่งขึ้น
2.สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนร่วมงาน ท่าไม้ตายที่ดีที่สุดในการผูกมิตรกับผู้คนใหม่ๆ ก็คือ การยิ้มค่ะ จะเจอใครก็ให้ยิ้มไว้ก่อน แต่ไม่ใช่ยิ้มทั้งวันนะคะ เดี๋ยวเขาจะหาว่าเราบ้า และก็แนะนำตัวเองพอประมาณ ที่สำคัญคือไม่ต้องโอ้อวดตัวเองมากมาย แค่รับผิดชอบงานที่อยู่ตรงหน้าให้ดีที่สุดเป็นพอ มีน้ำใจให้กับเพื่อนร่วมงานในยามจำเป็น เช่น ช่วยเหลืองาน เรียนรู้งานใหม่ๆ เล็กๆน้อยๆ พูดคุยรับฟัง มีของติดไม้ติดมือมาฝากบ้าง ให้ความร่วมมือ เป็นต้น นอกจากนั้นยังรวมไปถึงการปฏิบัติกับผู้ที่มีคุณวุฒิสูงกว่า เราก็ต้องให้ความเคารพไปลามาไหว้ อย่าเป็นคนมือไม้แข็งทื่อ กับเพื่อนร่วมงานรุ่นราวคราวเดียวกันก็พยายามทักทายพูดคุยกันตามมารยาทที่สมควรกระทำ
3.มีความรับผิดชอบ ไม่เฉพาะแค่เรื่องงานอย่างเดียวนะคะ เรื่องระเบียบวินัยในที่ทำงานก็เช่นเดียวกัน เข้างานให้ตรงเวลา แต่ถ้าเป็นพนักงานใหม่ๆ อาจจะไปก่อนเวลา ไม่ควรไปทำงานสาย เพราะนั่นแสดงถึงความไม่เอาใจใส่ในหน้าที่การงานของตน ที่สำคัญเวลามีประชุมมีงานอะไรต่างๆ ก็พยายามเข้าไปร่วมรับฟัง เป็นการเรียนรู้งานและมีโอกาสได้แสดงความสามารถของตนเองมากขึ้นด้วย
4.กำลังใจตัวเองเสมอ แน่นอนว่าเวลาที่เราเหนื่อย เราท้อ เราเริ่มจะไม่ไหวแล้ว สิ่งที่เราต้องทำก็คือ ชาร์ตแบตให้ตัวเองบ้างค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการพักผ่อนในวันหยุด การใช้เวลาไปกับสิ่งที่เรารัก และให้กำลังใจตัวเองเสมอ เคยอ่านเจอในหนังสือเล่มหนึ่งนะคะ เขาบอกว่า ชีวิตวัยรุ่นเราจำเป็นต้องมีปรัชญาเป็นของตัวเอง พอทำงานเราจะเรียนรู้ความจริงของปรัชญาเหล่านั้นมากขึ้น ปรัชญา ณ ที่นี้ ไม่ใช่คำคมของนักปรัชญาชื่อดังที่ไหนหรอกค่ะ แต่เป็นปรัชญาที่เป็นของเราเอง คนเราจำเป็นต้องมีอะไรที่ยึดเหนี่ยวจิตใจบ้างค่ะ เวลาเคว้งๆจะได้ไม่รู้สึกล่องลอยมากเกินไป
5.มีทัศนคติที่ดี กับทุกๆเรื่อง การมีทัศนคติที่ดีไม่ได้แปลว่า คุณอ่อนต่อโลก หรือคุณโลกสวยอะไรนะคะ (โลกสวย คือ อาการที่เจอความจริงแล้วรับไม่ได้) คนที่มีทัศนคติที่ดีก็คือคนที่รู้ เข้าใจ และยอมรับความจริง มีเหตุผล เปิดกว้างและรับฟัง ซึ่งน้อยคนมากค่ะที่จะทำได้ ส่วนใหญ่แล้วจะโลกสวยไปเลย ไม่ก็มองโลกในแง่ร้ายไปเลยก็มี แต่การมองโลกในแง่ดีนั้นจะทำให้เรามีความสุขมากขึ้นนั่นเองค่ะ สอดคล้องกับการให้กำลังใจตัวเองด้วย แม้ว่าในชีวิตประจำวันเราอาจจะเจอเรื่องที่ทำให้หงุดหงิด ขุ่นข้องหมองใจ แทนที่เราจะไปจมอยู่กับมัน เราเอาเวลาที่เหลือมาคิดแก้ปัญหาจะดีกว่า ได้ไม่ได้ยังไง ก็ลองแก้ดูก่อน มันอาจจะไม่เห็นผลเร็วทันใจในวันนี้ แต่คิดว่ามันต้องดีกับอนาคตแน่นอนค่ะ ถ้าเราพยายามทำมันออกมาดีที่สุด